วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
16
เป็นเวลาใกล้รุ่งที่เนตริยาตื่นขึ้นมาพบว่าหล่อนมานอนอยู่ในที่ที่ไม่ใช่บ้านที่คุ้นเคย หล่อนรีบผุดลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ที่มีแสงตะเกียงให้ความสว่างเหลืออยู่เพียงดวงเดียว หล่อนเห็นปกป้องนั่งพิงผนังห้องหลับอยู่ข้างฟูกที่หล่อนนอน แล้วความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นในใจที่หล่อนมาแย่งที่นอนของเขา ทำให้เขาต้องทนนั่งหลับเมื่อยอยู่เช่นนั้น เนตริยาจึงค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนำผ้าห่มไปห่มให้เขาเพราะอากาศช่วงเช้ามืดเย็นกว่าปกติ
ทันใดนั้น
“ว้าย ! ” ข้อมือของหล่อนถูกปกป้องกระชากจนเสียหลักมาปะทะอกแล้วโดนเขาล็อกไว้แน่นหนาจนกระดิกตัวไม่ได้
“ทำอะไร หึ” เสียงเข้มตวาดขึ้นมา
“เอ่อ ฉัน จะห่มผ้าให้นาย” หล่อนอธิบายเสียงสั่น ยังไม่หายตกใจ
ปกป้องรู้สึกตัวรีบคลายแขนปล่อยหล่อนเป็นอิสระ
“ผมขอโทษ” เขากล่าวและค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ คลายอาการเครียดเกร็งพร้อมกับเตือนว่า “อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าเข้ามาตอนผมหลับหรือเข้ามา
ข้างหลังโดยไม่ให้เสียง คุณจะโดนแบบนี้” การฝึกยุทธวิธีรบพิเศษสอนให้เขาระวังตัวตลอดเวลา จะไม่มีทางหลับลึกแล้วตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้ามได้
“นายไม่ได้หลับหรอกหรือ” เนตริยาถามอย่างแปลกใจ หล่อนกระถดถอยไปนั่งห่างๆ มือยังคงคลำข้อมือที่ถูกเขาบีบรัดเมื่อครู่ มันเป็นรอยแดงขึ้นมา
“ผมนอนไว” เขาแก้ตัวและหลบเลี่ยงสายตาจับผิดของหญิงสาว
“แปลกนะ คุณนอนไวแบบนี้เหมือนพวกที่ถูกฝึกพิเศษมาอย่างนั้นแหละ” หล่อนยังคงกังขาเพราะถ้าคนนอนไว เขาก็แค่ตื่นขึ้นมาแต่จะไม่ได้ออกอาการต่อสู้แบบนี้
“อยู่บ้านป่าแบบนี้ เป็นใครก็ต้องระวังตัว” เขาแก้ตัวเรียบๆ แล้วชี้ไปที่ข้อมือของหญิงสาว “เจ็บไหมนั่น ขอดูหน่อยซิครับ” พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะนิ้วไปที่รอยแดงนั้นอย่างแผ่วเบา
“นิดหน่อยค่ะ ตกใจมากกว่า”
“ผมขอโทษ เสียใจจริงๆ ที่ทำให้คุณเจ็บตัว” เขาเงยหน้าขึ้นสบตา แววรู้ผิดและเดือดร้อนฉายชัด “ขอบคุณนะครับที่เอาผ้าห่มมาให้” ปกป้องจ้องดวงตาคมหวานคู่นั้นที่อยู่ใกล้แสนใกล้ รอยยิ้มและแววตาของเขาทำให้หญิงสาวใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หล่อนหลบตาแล้วขยับตัวถอยออกมา
“ยังไม่สว่างดี นายไปนอนต่อเถอะ”
“คุณไม่นอนต่อล่ะ”
“ไม่หรอก ฉันตื่นแล้ว นายมานอนที่นี่ดีกว่า” พร้อมกับตบลงที่ฟูกที่หล่อนเคยนอน
ความอ่อนเพลียทำให้ปกป้องไม่คัดค้านต่อไป ร่างกายเขายังต้องการการพักผ่อนอีกสักหน่อย ชายหนุ่มคลานไปล้มตัวลงนอนที่ฟูกแทนที่เนตริยา
แล้วหลับตาลง
“อย่าไปไหนนะ ข้างนอกยังมืดอยู่” เขาเตือนทั้งๆ ที่ตาหลับ บนฟูกบางๆ ยังมีไอตัวอุ่นๆ และกลิ่นหอมจางๆ ที่เขาจำได้ว่ามาจากเรือนกายของหญิงสาวยังคงอ้อยอิ่งอยู่ตามหมอนและผ้าห่มนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปกป้องจำได้ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง
ชาวบ้านตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารเช้ากันแล้ว เนตริยาเดินไปตักน้ำที่โอ่งน้ำหลังบ้านมาล้างหน้าล้างตา น้ำเย็นจัดจนหล่อนสะดุ้ง หล่อนไม่มีอุปกรณ์ใดๆ สำหรับการมาค้างคืน อีกทั้งเสื้อผ้าก็ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานรู้สึกเหนียวตัวจนอยากกลับบ้านเร็วๆ หล่อนจะได้อาบน้ำเสียที
คิดๆ แล้วหล่อนเริ่มแปลกใจตัวเองที่หล่อนอยากกลับไปที่นั่น..ที่บ้านหลังใหญ่นั้น เพราะอย่างน้อยหล่อนก็มีห้อง มีที่ทางที่เป็นส่วนตัว อบอุ่นและปลอดภัย มีอาหารอย่างดี และคนรอบข้างที่คอยดูแลทำให้หล่อนเกิดความไว้ใจ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไม่พูดภาษาเดียวกับหล่อน แม้พวกเขาจะมีรอยยิ้ม
ที่เป็นมิตรก็ตาม หากหล่อนต้องมาตกอยู่ในหมู่บ้านนี้แต่เพียงลำพังโดยไม่มีปกป้องแล้ว หล่อนจะหวาดกลัวมากมายเพียงไหน และเมื่อนึกย้อนไปถึงการฆ่าแพะอันน่าสยดสยองนั้น หล่อนได้อาศัยอ้อมแขนแข็งแรงของเขาเป็นที่พึ่งพิง ยามนี้นาสิกประสาทของหล่อนเหมือนจะอุปาทานไปได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟที่ปกป้องใช้อยู่เป็นประจำ หล่อนเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นนี้ทุกยามที่ชิดใกล้
‘นี่เราเป็นอะไรไป’
เนตริยาสะดุ้งกับความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นกลางใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วถามตัวเองว่า
'นี่หล่อนกำลังรู้สึกบางอย่างกับเขาอย่างนั้นหรือ' แล้วรีบปฎิเสธตัวเอง ‘ไม่ได้นะเนตร เขาเป็นโจรที่จับเธอมาเรียกค่าไถ่ เธอควรจะโกรธเกลียดเขา
ให้ถึงที่สุด
ไม่ใช่ความรู้สึก...ดีๆ เช่นนี้’
ภาพการเอาใจใส่ดูแล ความอ่อนโยนอาทร ที่หล่อนไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากโจรเรียกค่าไถ่อย่างเขา ย้อนกลับมาในสำนึก ช่างยากที่จะลืมเลือน
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
เนตริยาไม่มีคำตอบ และไม่กล้าตอบ
หญิงสาวพยายามสลัดความคิดออกไปจากสมอง หล่อนตักน้ำจากโอ่งน้ำฝนมาล้างใบหน้าที่อุ่นจัดอีกครั้ง หล่อนจะต้องเลิกคิดเรื่องนี้
ใบหน้าที่ระเรื่อชมพูเพราะถูกน้ำเย็นจัดกับผมรอบกรอบใบหน้าที่เปียกชื้นนั้น เป็นภาพที่ทำให้ใครคนหนึ่งชะงักและอยากจะจ้องมองอยู่เช่นนั้นราวกับ
จะพิมพ์ไว้ในใจ พอดีเนตริยาหันมาเห็น หล่อนทักขึ้นว่า
“คุณธเนศ ตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ”
“ครับ คุณเนตรก็ตื่นเช้า”
“เมื่อคืนฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก”
“ดึกแล้วกลับออกไปไม่ได้หรอกครับป่าทั้งนั้น อันตราย ผมไปพักบ้านญาติหลังโน้น” เขาชี้ไปที่บ้านอีกหลัง “คุณเนตรล่ะครับ หลับสบายไหมเมื่อคืน”
“เอ่อ..” ยังไม่ทันคิดหาคำตอบ ธเนศก็ชิงพูดว่า
“คงไม่สุขสบายเหมือนบ้านที่กรุงเทพฯ ซินะครับ แล้วคุณเนตรมาที่นี่มาเที่ยวหรือครับ” ธเนศถือโอกาสวกเข้าหาประเด็นที่เขาอยากรู้
“เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ....” เนตริยาอึกอัก คิดไม่ตกว่านี่เป็นโอกาสของหล่อนแล้วใช่ไหมที่จะขอให้เขาช่วย แต่หล่อนก็ยังไม่มั่นใจ
ธเนศมองท่าทางลังเลและสีหน้ายุ่งยากใจนั้น เขาเริ่มจะเดาบางสิ่งบางอย่างออก
“คุณไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่ไหม”
“ฉัน ฉัน...”
ธเนศขยับเข้ามาใกล้ พูดเบาๆ พอให้ได้ยินสองคนว่า
“คุณมีเรื่องลำบากใจอะไรบอกผมได้”
“คือ...” การที่หล่อนไม่ปฏิเสธและยังมีสีหน้ายุ่งยากใจคือคำตอบที่ทำให้ธเนศมั่นใจยิ่งขึ้น
“เขาบังคับคุณมาใช่ไหม คุณกำลังต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ผมช่วยคุณได้นะ” ยิ่งธเนศรุกเร้าเอาคำตอบ
เนตริยายิ่งลำบากใจ เขายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหล่อน หล่อนยังไม่ควรจะไว้ใจ กลัวว่าจะหนีเสือปะจระเข้อย่างที่ปกป้องขู่
“นายหญิงครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ เป็นแสวงนั่นเอง เขาเห็นแล้วว่าธเนศเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง และนายหญิงของเขาทำท่าอึกอักและ
มีสีหน้ายุ่งยากใจเช่นนั้น ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เขาจึงรีบเข้ามาแทรกทันที
เนตริยาสะดุ้งหันไปมองต้นเสียง
“เอ่อ...แสวง” หล่อนเรียกไม่เต็มเสียง และไม่กล้าสบตา เหมือนเด็กที่กำลังทำผิดแล้วถูกจับได้
“นายน้อยให้มาบอกว่าให้เตรียมตัวได้แล้ว เราจะกลับบ้าน”
“เอ่อ งั้นหรือ” เนตริยาพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางธเนศ “พอดีเราจะกลับกันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คงได้เจอกันอีก”
“ครับ เราคงได้เจอกันอีก” ธเนศกล่าวหนักแน่นเน้นย้ำความตั้งใจของเขาว่าจะต้องหาทางพบหล่อนอีกให้จงได้
เนตริยาเดินออกไปแล้ว ไม่วายหันกลับมามองธเนศ คนทั้งสองสบตากันราวกับจะส่งสัญญาณบางอย่าง
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 16
ทันใดนั้น
“ว้าย ! ” ข้อมือของหล่อนถูกปกป้องกระชากจนเสียหลักมาปะทะอกแล้วโดนเขาล็อกไว้แน่นหนาจนกระดิกตัวไม่ได้
“ทำอะไร หึ” เสียงเข้มตวาดขึ้นมา
“เอ่อ ฉัน จะห่มผ้าให้นาย” หล่อนอธิบายเสียงสั่น ยังไม่หายตกใจ
ปกป้องรู้สึกตัวรีบคลายแขนปล่อยหล่อนเป็นอิสระ
“ผมขอโทษ” เขากล่าวและค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ คลายอาการเครียดเกร็งพร้อมกับเตือนว่า “อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าเข้ามาตอนผมหลับหรือเข้ามา
ข้างหลังโดยไม่ให้เสียง คุณจะโดนแบบนี้” การฝึกยุทธวิธีรบพิเศษสอนให้เขาระวังตัวตลอดเวลา จะไม่มีทางหลับลึกแล้วตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้ามได้
“นายไม่ได้หลับหรอกหรือ” เนตริยาถามอย่างแปลกใจ หล่อนกระถดถอยไปนั่งห่างๆ มือยังคงคลำข้อมือที่ถูกเขาบีบรัดเมื่อครู่ มันเป็นรอยแดงขึ้นมา
“ผมนอนไว” เขาแก้ตัวและหลบเลี่ยงสายตาจับผิดของหญิงสาว
“แปลกนะ คุณนอนไวแบบนี้เหมือนพวกที่ถูกฝึกพิเศษมาอย่างนั้นแหละ” หล่อนยังคงกังขาเพราะถ้าคนนอนไว เขาก็แค่ตื่นขึ้นมาแต่จะไม่ได้ออกอาการต่อสู้แบบนี้
“อยู่บ้านป่าแบบนี้ เป็นใครก็ต้องระวังตัว” เขาแก้ตัวเรียบๆ แล้วชี้ไปที่ข้อมือของหญิงสาว “เจ็บไหมนั่น ขอดูหน่อยซิครับ” พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะนิ้วไปที่รอยแดงนั้นอย่างแผ่วเบา
“นิดหน่อยค่ะ ตกใจมากกว่า”
“ผมขอโทษ เสียใจจริงๆ ที่ทำให้คุณเจ็บตัว” เขาเงยหน้าขึ้นสบตา แววรู้ผิดและเดือดร้อนฉายชัด “ขอบคุณนะครับที่เอาผ้าห่มมาให้” ปกป้องจ้องดวงตาคมหวานคู่นั้นที่อยู่ใกล้แสนใกล้ รอยยิ้มและแววตาของเขาทำให้หญิงสาวใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หล่อนหลบตาแล้วขยับตัวถอยออกมา
“ยังไม่สว่างดี นายไปนอนต่อเถอะ”
“คุณไม่นอนต่อล่ะ”
“ไม่หรอก ฉันตื่นแล้ว นายมานอนที่นี่ดีกว่า” พร้อมกับตบลงที่ฟูกที่หล่อนเคยนอน
ความอ่อนเพลียทำให้ปกป้องไม่คัดค้านต่อไป ร่างกายเขายังต้องการการพักผ่อนอีกสักหน่อย ชายหนุ่มคลานไปล้มตัวลงนอนที่ฟูกแทนที่เนตริยา
แล้วหลับตาลง
“อย่าไปไหนนะ ข้างนอกยังมืดอยู่” เขาเตือนทั้งๆ ที่ตาหลับ บนฟูกบางๆ ยังมีไอตัวอุ่นๆ และกลิ่นหอมจางๆ ที่เขาจำได้ว่ามาจากเรือนกายของหญิงสาวยังคงอ้อยอิ่งอยู่ตามหมอนและผ้าห่มนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปกป้องจำได้ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง
ชาวบ้านตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารเช้ากันแล้ว เนตริยาเดินไปตักน้ำที่โอ่งน้ำหลังบ้านมาล้างหน้าล้างตา น้ำเย็นจัดจนหล่อนสะดุ้ง หล่อนไม่มีอุปกรณ์ใดๆ สำหรับการมาค้างคืน อีกทั้งเสื้อผ้าก็ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานรู้สึกเหนียวตัวจนอยากกลับบ้านเร็วๆ หล่อนจะได้อาบน้ำเสียที
คิดๆ แล้วหล่อนเริ่มแปลกใจตัวเองที่หล่อนอยากกลับไปที่นั่น..ที่บ้านหลังใหญ่นั้น เพราะอย่างน้อยหล่อนก็มีห้อง มีที่ทางที่เป็นส่วนตัว อบอุ่นและปลอดภัย มีอาหารอย่างดี และคนรอบข้างที่คอยดูแลทำให้หล่อนเกิดความไว้ใจ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไม่พูดภาษาเดียวกับหล่อน แม้พวกเขาจะมีรอยยิ้ม
ที่เป็นมิตรก็ตาม หากหล่อนต้องมาตกอยู่ในหมู่บ้านนี้แต่เพียงลำพังโดยไม่มีปกป้องแล้ว หล่อนจะหวาดกลัวมากมายเพียงไหน และเมื่อนึกย้อนไปถึงการฆ่าแพะอันน่าสยดสยองนั้น หล่อนได้อาศัยอ้อมแขนแข็งแรงของเขาเป็นที่พึ่งพิง ยามนี้นาสิกประสาทของหล่อนเหมือนจะอุปาทานไปได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟที่ปกป้องใช้อยู่เป็นประจำ หล่อนเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นนี้ทุกยามที่ชิดใกล้
‘นี่เราเป็นอะไรไป’
เนตริยาสะดุ้งกับความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นกลางใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วถามตัวเองว่า
'นี่หล่อนกำลังรู้สึกบางอย่างกับเขาอย่างนั้นหรือ' แล้วรีบปฎิเสธตัวเอง ‘ไม่ได้นะเนตร เขาเป็นโจรที่จับเธอมาเรียกค่าไถ่ เธอควรจะโกรธเกลียดเขา
ให้ถึงที่สุด ไม่ใช่ความรู้สึก...ดีๆ เช่นนี้’
ภาพการเอาใจใส่ดูแล ความอ่อนโยนอาทร ที่หล่อนไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากโจรเรียกค่าไถ่อย่างเขา ย้อนกลับมาในสำนึก ช่างยากที่จะลืมเลือน
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
เนตริยาไม่มีคำตอบ และไม่กล้าตอบ
หญิงสาวพยายามสลัดความคิดออกไปจากสมอง หล่อนตักน้ำจากโอ่งน้ำฝนมาล้างใบหน้าที่อุ่นจัดอีกครั้ง หล่อนจะต้องเลิกคิดเรื่องนี้
ใบหน้าที่ระเรื่อชมพูเพราะถูกน้ำเย็นจัดกับผมรอบกรอบใบหน้าที่เปียกชื้นนั้น เป็นภาพที่ทำให้ใครคนหนึ่งชะงักและอยากจะจ้องมองอยู่เช่นนั้นราวกับ
จะพิมพ์ไว้ในใจ พอดีเนตริยาหันมาเห็น หล่อนทักขึ้นว่า
“คุณธเนศ ตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ”
“ครับ คุณเนตรก็ตื่นเช้า”
“เมื่อคืนฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก”
“ดึกแล้วกลับออกไปไม่ได้หรอกครับป่าทั้งนั้น อันตราย ผมไปพักบ้านญาติหลังโน้น” เขาชี้ไปที่บ้านอีกหลัง “คุณเนตรล่ะครับ หลับสบายไหมเมื่อคืน”
“เอ่อ..” ยังไม่ทันคิดหาคำตอบ ธเนศก็ชิงพูดว่า
“คงไม่สุขสบายเหมือนบ้านที่กรุงเทพฯ ซินะครับ แล้วคุณเนตรมาที่นี่มาเที่ยวหรือครับ” ธเนศถือโอกาสวกเข้าหาประเด็นที่เขาอยากรู้
“เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ....” เนตริยาอึกอัก คิดไม่ตกว่านี่เป็นโอกาสของหล่อนแล้วใช่ไหมที่จะขอให้เขาช่วย แต่หล่อนก็ยังไม่มั่นใจ
ธเนศมองท่าทางลังเลและสีหน้ายุ่งยากใจนั้น เขาเริ่มจะเดาบางสิ่งบางอย่างออก
“คุณไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่ไหม”
“ฉัน ฉัน...”
ธเนศขยับเข้ามาใกล้ พูดเบาๆ พอให้ได้ยินสองคนว่า
“คุณมีเรื่องลำบากใจอะไรบอกผมได้”
“คือ...” การที่หล่อนไม่ปฏิเสธและยังมีสีหน้ายุ่งยากใจคือคำตอบที่ทำให้ธเนศมั่นใจยิ่งขึ้น
“เขาบังคับคุณมาใช่ไหม คุณกำลังต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ผมช่วยคุณได้นะ” ยิ่งธเนศรุกเร้าเอาคำตอบ
เนตริยายิ่งลำบากใจ เขายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหล่อน หล่อนยังไม่ควรจะไว้ใจ กลัวว่าจะหนีเสือปะจระเข้อย่างที่ปกป้องขู่
“นายหญิงครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ เป็นแสวงนั่นเอง เขาเห็นแล้วว่าธเนศเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง และนายหญิงของเขาทำท่าอึกอักและ
มีสีหน้ายุ่งยากใจเช่นนั้น ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เขาจึงรีบเข้ามาแทรกทันที
เนตริยาสะดุ้งหันไปมองต้นเสียง
“เอ่อ...แสวง” หล่อนเรียกไม่เต็มเสียง และไม่กล้าสบตา เหมือนเด็กที่กำลังทำผิดแล้วถูกจับได้
“นายน้อยให้มาบอกว่าให้เตรียมตัวได้แล้ว เราจะกลับบ้าน”
“เอ่อ งั้นหรือ” เนตริยาพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางธเนศ “พอดีเราจะกลับกันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คงได้เจอกันอีก”
“ครับ เราคงได้เจอกันอีก” ธเนศกล่าวหนักแน่นเน้นย้ำความตั้งใจของเขาว่าจะต้องหาทางพบหล่อนอีกให้จงได้
เนตริยาเดินออกไปแล้ว ไม่วายหันกลับมามองธเนศ คนทั้งสองสบตากันราวกับจะส่งสัญญาณบางอย่าง