เพื่อไทยเย้ย รบ. โดนถล่มขายชาติ ปมให้สิทธิต่างชาติซื้อที่ดิน เพราะผู้นำขาดความรู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3649659
เพื่อไทยเย้ย รบ.ถูกถล่มขายชาติ ปมให้สิทธิต่างชาติซื้อที่ดิน เพราะผู้นำขาดความรู้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการยอมรับและตอกย้ำอีกครั้ง จากการกระทำของ พล.อ.
ประยุทธ์เองที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ง่าย โดยอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ที่ดินราคาเพิ่มขึ้นสูง และคนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 80% ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองจะเดือดร้อนและจะไม่มีปัญญาซื้อที่ดินเป็นของตัวเองได้ ทำให้ถูกโจมตีทั้งโซเชียลอย่างหนักว่าเป็นการขายชาติ ทำให้คนส่วนใหญ่สงสัยกันว่าน่าจะเป็นการขายชาติมากกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลอ้างว่าผลการบริหารงานทำให้คนจนและคนว่างงานลดลง ซึ่งย้อนแย้งกับปริมาณบัตรคนจนที่แจกมากขึ้นถึง 23 ล้านใบ อีกทั้งหลักการการนับปริมาณคนว่างงานของไทยยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เพราะคนว่างงานของไทยมากกว่าตัวเลขที่รายงานมาก แถมยังมีการว่างงานแฝงในภาคเกษตรกรรมอีกเป็นจำนวนมาก
• “กฤษฎา” แนะ “บิ๊กตู่” สร้างรายได้ให้คนไทยเพิ่มก่อนคิดขายที่ดินต่างชาติ
นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรค พท. กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกนโยบายขายทรัพย์สินของชาติให้คนต่างประเทศนั้น หากประเทศมีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและคนในประเทศมีกำลังซื้อที่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศได้ นโยบายนี้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ เพราะน่าจะเป็นการดึงเอาคนเก่งและนักลงทุนเข้ามาในประเทศ และต่อยอดให้เศรษฐกิจในภาครวม แต่วันนี้เรายังเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เม็ดเงินการลงทุน รวมไปถึงความพร้อมของคนในชาติ เกรงว่านโยบายนี้จะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ ทำให้ต่างชาติเข้ามาตักตวงผลประโยชน์
นาย
กฤษฎากล่าวต่อว่า วันนี้หากรัฐบาลต้องการจะขับเคลื่อนนโยบายนี้จริง ยิ่งควรจะต้องปูพื้นฐานให้คนในชาติ โดยเฉพาะรายได้ต่อหัว ควรจะต้องสูงกว่านี้ก่อน แต่วันนี้เป็นเพราะรัฐบาลน่าจะหมดหนทางในการหารายได้และดึงดูดนักลงทุน เลยใช้วิธีการขายทรัพย์สินแทน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายในการเพิ่มเงินลงทุนในประเทศ แต่ในระยะยาวน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะสุดท้ายจะทำให้ที่ดินและทรัพย์สินแพงขึ้น จนคนไทยที่มีรายได้น้อยจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้
“
สิ่งเหล่านี้เป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลลงทุนผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้หากในสมัยท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ได้ขับเคลื่อนนโยบาย 2 ล้านล้านเสร็จตั้งแต่ปี 2563 ก็คงจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาแล้ว บทเรียนที่สำคัญก็คือวันนี้ประเทศลาว มีเม็ดเงินจำนวนมากจากหลายประเทศมุ่งเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะหัวเมืองที่มีสถานีรถไฟความเร็วสูง เช่น บ่อเตน หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงแม้แต่ตัวเวียงจันทน์เอง วันนี้เราช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายก้าว และหากจะยังดำเนินนโยบายล่าช้าและไม่ทันโลกแบบนี้อยู่ ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายก็ต้องกู้เพิ่มแน่นอน” นาย
กฤษฎากล่าว
• “เอกชัย” อัดรัฐ 8 ปีที่ผ่านมา มีแต่แจกเงิน แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
นาย
เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะดึงดูดการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนและดึงดูดการลงทุน นอกเหนือจากการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เช่น เน้นแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ แต่ผลที่ได้กลับไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตตรงข้ามหนี้สินครัวเรือนกลับสูงขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รายได้ประชาขนลดลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ รายได้ไม่พอรายจ่าย เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ หมดไปกับการอุปโภคบริโภค ประชาชนไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินลงทุน 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มีแต่รายจ่ายค่าครองชีพสูง จึงเป็นปัญหาที่เราจะต้องแก้กันต่อไป
• “จุฑาพร” อัดทำลายฝันคนจน-คนรุ่นใหม่ปิดโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินในบ้านเกิด
น.ส.
จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางรัก และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ในจำนวนไม่เกิน 1 ไร่ หากลงทุนตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจ สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ประชาชนในหลายมิติ ปัจจุบันในหลายพื้นที่มีชาวต่างชาติซื้อที่ดินในไทยแล้ว แต่ใช้คนไทยเป็นนอมินีใส่ชื่อแทนไว้ หากร่างกฎหมายนี้นำมาบังคับใช้ ราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อย และคนรุ่นใหม่ที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่สามารถมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองได้ อนาคตคนไทยต้องเช่าที่บนแผ่นดินเกิดตัวเองจากชาวต่างชาติ ทุกวันนี้ประชาชนก็ลำบากมากอยู่แล้ว กว่า 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง และจำนวนคนไร้บ้านจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบันคนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ในพื้นที่กลางเมืองหลวงอย่างเขตบางรัก พบเห็นคนนอนตามฟุตปาธมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก พ่อค้าแม่ค้าร้องเรียนกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย เวลานักท่องเที่ยวสัญจรทางเท้า
น.ส.
จุฑาพรกล่าวต่อว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสนใจมาลงทุนในไทย เร่งการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้นำเข้ามากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ หากเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จะแก้กฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทย ลูกหลานไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแผ่นดินเกิด ที่รอเวลาถูกยึดครองโดยชาวต่างชาติ รัฐบาลที่ดีจะมีนโยบายที่จะต้องสร้างรายได้ให้ประชาชนให้เพิ่มขึ้น ประชาชนจะได้มีเงินมาซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง และทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของที่ดินง่ายขึ้น มากกว่าจะคิดขายที่ดินให้กับต่างชาติในขณะที่คนส่วนมากยังไม่มีที่ดินของตัวเอง
‘ชลน่าน’ ปัดพูดยุบสภาฯ 24 ธ.ค. บอกแค่ชี้ให้เห็นว่า ช่วงนั้นการเมืองเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3649936
“ชลน่าน” ปัดพูดยุบสภาฯ 24 ธ.ค. บอกแค่ชี้ให้เห็นว่า ช่วงนั้นการเมืองเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการยุบสภาฯ ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ว่า ก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนมาถามตนถึงสาเหตุที่จะทำให้เกิดการยุบสภาฯ ซึ่งตนตอบไปว่าให้รอดูหลังวันที่ 24 ธันวาคม ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่างในช่วงนั้น เช่น เรื่องที่ ส.ส.จะลาออกเพื่อย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ภายใน 90 วัน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลให้เกิดการยุบสภาฯ ก็เป็นได้ ส่วน พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาฯ หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่าน ซึ่งตนพูดไปเพียงเท่านั้น ไม่ได้พูดว่าจะมีการยุบสภาฯ ในวันที่ 24 ธันวาคม
พิธา อัดรบ. กลัวขัดประโยชน์นายทุน ชิงปาดหน้ารื้อกฎกระทรวง ก่อนวันโหวตสุราก้าวหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_3650345
‘พิธา’ อัด รบ.กลัวขัดผลประโยชน์นายทุน รีบออกกฎกระทรวงปาดหน้า สุราก้าวหน้าของก้าวไกล
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเเก้กฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิตสุรา ว่า ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ แม้นาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกไม่ได้ปาดหน้า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ของพรรค ก.ก. แต่มติครม. ออกก่อนการลงมติพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า เพียง 1 วัน เป็นการจงใจ รู้สึกว่าประชาชนและพรรค ก.ก. โดนหลอกตั้งนาน ที่แท้กฎกระทรวงก็เเก้ไม่ยาก ในรายละเอียดปลดล็อคกำลังการผลิตก็จริง แต่ใส่ข้อจำกัดอื่น ทำให้ไม่ใช่การปลดล็อกการผลิตสุราให้รายย่อยจริง แม้ยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน และกำลังการผลิตขั้นต่ำออกทั้งหมด แต่ก็มีการมาตรการเรื่องระเบียบที่เพิ่มขึ้นมา เล่นที่เกี่ยวข้องกับกรมโรงงาน ทำให้เกิดปัญหาในทางปฎิบัติ อย่างบริวผับขนาดเล็ก ที่มีเครื่องจักรจำนวนไม่มาก จะขอใบโรงงานได้ยังไงเพราะอาจจะไม่เข้าเกณฑ์เป็นโรงงาน กฎกระทรวงนี้ไม่ได้ตอบโจทย์การปลดปล่อยอุตสาหกรรมสุราจากทุนผูกขาด เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจประชาชน เเค่กลัวเสียหน้า กลัวขัดผลประโยชน์นายทุน ที่ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าจะผ่านในวันที่ 2 พฤศจิกายน เท่านั้น
รมต.มหาดไทย-ผบ.ตร.เกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษปชช. หลังบกพร่อง จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้าย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3650158
รมต.มหาดไทย-ผบ.ตร.เกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษปชช. หลังบกพร่อง จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้าย
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า นาย
อี ซังมิน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของเกาหลีใต้ ที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง ได้ออกมากล่าวขอโทษประชาชนจากเหตุโศกนาฏกรรมเบียดกันตายที่ย่านอิแทวอน จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ต่อหน้าที่ประชุมสภา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ พร้อมให้คำมั่นว่าจะสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก
“
ในฐานะรัฐมนตรีที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของสาธารณชน ผมขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้” นาย
อี กล่าว และว่า รัฐบาลมีความรับผิดชอบที่ไร้ขอบเขตจำกัดต่อความปลอดภัยของประชาชน จากนั้นได้โค้งคำนับขอโทษต่อสาธารณชน
การกล่าวขอโทษประชาชนของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเกาหลีใต้ มีขึ้นหลังจากเขาถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังกล่าวว่าการส่งกำลังตำรวจเข้าไปเพิ่มก็ไม่ช่วยป้องกันภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้
นาย
ยุน ฮีกึน ผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษสาธารณชน ในระหว่างการแถลงข่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมที่อิแทวอน ที่สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน (เอเอพฟี)
วันเดียวกัน นาย
ยุน ฮีกึน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ แถลงยอมรับว่าการควบคุมฝูงชนในที่เกิดเหตุนั้นไม่เพียง โดยกล่าวยอมรับด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานเตือนหลายครั้งถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนหน้าที่เหตุการณ์เบียดกันตายที่อิแทวอนจะเกิดขึ้น แต่การจัดการของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็ยังไม่เพียงพอ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังโค้งคำนับขอโทษประชาชนด้วย
ด้านนาย
ฮัน ด็อกซู นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่จะครอบคลุมว่าการตอบสนองต่อเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุของหน่วยงานภาครัฐนั้นเพียงพอหรือไม่ เขายังชี้ไปที่มาตรการเชิงระบบสำหรับการจัดการฝูงชนซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
JJNY : 5in1 พท.เย้ยขายชาติ|ชลน่านปัดยุบสภา|พิธาอัด รบ.กลัวขัดนายทุน|โค้งคำนับขอโทษปชช.|รัฐ 'ทบทวน' ต่างชาติซื้อที่ดิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3649659
เพื่อไทยเย้ย รบ.ถูกถล่มขายชาติ ปมให้สิทธิต่างชาติซื้อที่ดิน เพราะผู้นำขาดความรู้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการยอมรับและตอกย้ำอีกครั้ง จากการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์เองที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ง่าย โดยอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ที่ดินราคาเพิ่มขึ้นสูง และคนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 80% ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองจะเดือดร้อนและจะไม่มีปัญญาซื้อที่ดินเป็นของตัวเองได้ ทำให้ถูกโจมตีทั้งโซเชียลอย่างหนักว่าเป็นการขายชาติ ทำให้คนส่วนใหญ่สงสัยกันว่าน่าจะเป็นการขายชาติมากกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลอ้างว่าผลการบริหารงานทำให้คนจนและคนว่างงานลดลง ซึ่งย้อนแย้งกับปริมาณบัตรคนจนที่แจกมากขึ้นถึง 23 ล้านใบ อีกทั้งหลักการการนับปริมาณคนว่างงานของไทยยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เพราะคนว่างงานของไทยมากกว่าตัวเลขที่รายงานมาก แถมยังมีการว่างงานแฝงในภาคเกษตรกรรมอีกเป็นจำนวนมาก
• “กฤษฎา” แนะ “บิ๊กตู่” สร้างรายได้ให้คนไทยเพิ่มก่อนคิดขายที่ดินต่างชาติ
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรค พท. กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกนโยบายขายทรัพย์สินของชาติให้คนต่างประเทศนั้น หากประเทศมีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและคนในประเทศมีกำลังซื้อที่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศได้ นโยบายนี้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ เพราะน่าจะเป็นการดึงเอาคนเก่งและนักลงทุนเข้ามาในประเทศ และต่อยอดให้เศรษฐกิจในภาครวม แต่วันนี้เรายังเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เม็ดเงินการลงทุน รวมไปถึงความพร้อมของคนในชาติ เกรงว่านโยบายนี้จะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ ทำให้ต่างชาติเข้ามาตักตวงผลประโยชน์
นายกฤษฎากล่าวต่อว่า วันนี้หากรัฐบาลต้องการจะขับเคลื่อนนโยบายนี้จริง ยิ่งควรจะต้องปูพื้นฐานให้คนในชาติ โดยเฉพาะรายได้ต่อหัว ควรจะต้องสูงกว่านี้ก่อน แต่วันนี้เป็นเพราะรัฐบาลน่าจะหมดหนทางในการหารายได้และดึงดูดนักลงทุน เลยใช้วิธีการขายทรัพย์สินแทน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายในการเพิ่มเงินลงทุนในประเทศ แต่ในระยะยาวน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะสุดท้ายจะทำให้ที่ดินและทรัพย์สินแพงขึ้น จนคนไทยที่มีรายได้น้อยจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้
“สิ่งเหล่านี้เป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลลงทุนผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้หากในสมัยท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ได้ขับเคลื่อนนโยบาย 2 ล้านล้านเสร็จตั้งแต่ปี 2563 ก็คงจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาแล้ว บทเรียนที่สำคัญก็คือวันนี้ประเทศลาว มีเม็ดเงินจำนวนมากจากหลายประเทศมุ่งเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะหัวเมืองที่มีสถานีรถไฟความเร็วสูง เช่น บ่อเตน หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงแม้แต่ตัวเวียงจันทน์เอง วันนี้เราช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายก้าว และหากจะยังดำเนินนโยบายล่าช้าและไม่ทันโลกแบบนี้อยู่ ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายก็ต้องกู้เพิ่มแน่นอน” นายกฤษฎากล่าว
• “เอกชัย” อัดรัฐ 8 ปีที่ผ่านมา มีแต่แจกเงิน แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะดึงดูดการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนและดึงดูดการลงทุน นอกเหนือจากการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เช่น เน้นแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ แต่ผลที่ได้กลับไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตตรงข้ามหนี้สินครัวเรือนกลับสูงขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รายได้ประชาขนลดลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ รายได้ไม่พอรายจ่าย เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ หมดไปกับการอุปโภคบริโภค ประชาชนไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินลงทุน 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มีแต่รายจ่ายค่าครองชีพสูง จึงเป็นปัญหาที่เราจะต้องแก้กันต่อไป
• “จุฑาพร” อัดทำลายฝันคนจน-คนรุ่นใหม่ปิดโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินในบ้านเกิด
น.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางรัก และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ในจำนวนไม่เกิน 1 ไร่ หากลงทุนตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจ สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ประชาชนในหลายมิติ ปัจจุบันในหลายพื้นที่มีชาวต่างชาติซื้อที่ดินในไทยแล้ว แต่ใช้คนไทยเป็นนอมินีใส่ชื่อแทนไว้ หากร่างกฎหมายนี้นำมาบังคับใช้ ราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อย และคนรุ่นใหม่ที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่สามารถมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองได้ อนาคตคนไทยต้องเช่าที่บนแผ่นดินเกิดตัวเองจากชาวต่างชาติ ทุกวันนี้ประชาชนก็ลำบากมากอยู่แล้ว กว่า 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง และจำนวนคนไร้บ้านจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบันคนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ในพื้นที่กลางเมืองหลวงอย่างเขตบางรัก พบเห็นคนนอนตามฟุตปาธมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก พ่อค้าแม่ค้าร้องเรียนกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย เวลานักท่องเที่ยวสัญจรทางเท้า
น.ส.จุฑาพรกล่าวต่อว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสนใจมาลงทุนในไทย เร่งการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้นำเข้ามากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ หากเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จะแก้กฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทย ลูกหลานไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแผ่นดินเกิด ที่รอเวลาถูกยึดครองโดยชาวต่างชาติ รัฐบาลที่ดีจะมีนโยบายที่จะต้องสร้างรายได้ให้ประชาชนให้เพิ่มขึ้น ประชาชนจะได้มีเงินมาซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง และทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของที่ดินง่ายขึ้น มากกว่าจะคิดขายที่ดินให้กับต่างชาติในขณะที่คนส่วนมากยังไม่มีที่ดินของตัวเอง
‘ชลน่าน’ ปัดพูดยุบสภาฯ 24 ธ.ค. บอกแค่ชี้ให้เห็นว่า ช่วงนั้นการเมืองเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3649936
“ชลน่าน” ปัดพูดยุบสภาฯ 24 ธ.ค. บอกแค่ชี้ให้เห็นว่า ช่วงนั้นการเมืองเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการยุบสภาฯ ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ว่า ก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนมาถามตนถึงสาเหตุที่จะทำให้เกิดการยุบสภาฯ ซึ่งตนตอบไปว่าให้รอดูหลังวันที่ 24 ธันวาคม ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่างในช่วงนั้น เช่น เรื่องที่ ส.ส.จะลาออกเพื่อย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ภายใน 90 วัน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลให้เกิดการยุบสภาฯ ก็เป็นได้ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาฯ หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่าน ซึ่งตนพูดไปเพียงเท่านั้น ไม่ได้พูดว่าจะมีการยุบสภาฯ ในวันที่ 24 ธันวาคม
พิธา อัดรบ. กลัวขัดประโยชน์นายทุน ชิงปาดหน้ารื้อกฎกระทรวง ก่อนวันโหวตสุราก้าวหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_3650345
‘พิธา’ อัด รบ.กลัวขัดผลประโยชน์นายทุน รีบออกกฎกระทรวงปาดหน้า สุราก้าวหน้าของก้าวไกล
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเเก้กฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิตสุรา ว่า ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกไม่ได้ปาดหน้า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ของพรรค ก.ก. แต่มติครม. ออกก่อนการลงมติพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า เพียง 1 วัน เป็นการจงใจ รู้สึกว่าประชาชนและพรรค ก.ก. โดนหลอกตั้งนาน ที่แท้กฎกระทรวงก็เเก้ไม่ยาก ในรายละเอียดปลดล็อคกำลังการผลิตก็จริง แต่ใส่ข้อจำกัดอื่น ทำให้ไม่ใช่การปลดล็อกการผลิตสุราให้รายย่อยจริง แม้ยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน และกำลังการผลิตขั้นต่ำออกทั้งหมด แต่ก็มีการมาตรการเรื่องระเบียบที่เพิ่มขึ้นมา เล่นที่เกี่ยวข้องกับกรมโรงงาน ทำให้เกิดปัญหาในทางปฎิบัติ อย่างบริวผับขนาดเล็ก ที่มีเครื่องจักรจำนวนไม่มาก จะขอใบโรงงานได้ยังไงเพราะอาจจะไม่เข้าเกณฑ์เป็นโรงงาน กฎกระทรวงนี้ไม่ได้ตอบโจทย์การปลดปล่อยอุตสาหกรรมสุราจากทุนผูกขาด เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจประชาชน เเค่กลัวเสียหน้า กลัวขัดผลประโยชน์นายทุน ที่ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าจะผ่านในวันที่ 2 พฤศจิกายน เท่านั้น
รมต.มหาดไทย-ผบ.ตร.เกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษปชช. หลังบกพร่อง จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้าย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3650158
รมต.มหาดไทย-ผบ.ตร.เกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษปชช. หลังบกพร่อง จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้าย
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า นายอี ซังมิน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของเกาหลีใต้ ที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง ได้ออกมากล่าวขอโทษประชาชนจากเหตุโศกนาฏกรรมเบียดกันตายที่ย่านอิแทวอน จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ต่อหน้าที่ประชุมสภา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ พร้อมให้คำมั่นว่าจะสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก
“ในฐานะรัฐมนตรีที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของสาธารณชน ผมขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้” นายอี กล่าว และว่า รัฐบาลมีความรับผิดชอบที่ไร้ขอบเขตจำกัดต่อความปลอดภัยของประชาชน จากนั้นได้โค้งคำนับขอโทษต่อสาธารณชน
การกล่าวขอโทษประชาชนของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเกาหลีใต้ มีขึ้นหลังจากเขาถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังกล่าวว่าการส่งกำลังตำรวจเข้าไปเพิ่มก็ไม่ช่วยป้องกันภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้
นายยุน ฮีกึน ผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ โค้งคำนับขอโทษสาธารณชน ในระหว่างการแถลงข่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมที่อิแทวอน ที่สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน (เอเอพฟี)
วันเดียวกัน นายยุน ฮีกึน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ แถลงยอมรับว่าการควบคุมฝูงชนในที่เกิดเหตุนั้นไม่เพียง โดยกล่าวยอมรับด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานเตือนหลายครั้งถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนหน้าที่เหตุการณ์เบียดกันตายที่อิแทวอนจะเกิดขึ้น แต่การจัดการของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็ยังไม่เพียงพอ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังโค้งคำนับขอโทษประชาชนด้วย
ด้านนายฮัน ด็อกซู นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่จะครอบคลุมว่าการตอบสนองต่อเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุของหน่วยงานภาครัฐนั้นเพียงพอหรือไม่ เขายังชี้ไปที่มาตรการเชิงระบบสำหรับการจัดการฝูงชนซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว