ทักษิณ ปลื้ม ลูลาเพื่อนรัก คว้าเก้าอี้ ปธน.บราซิล ปิยบุตร ยก โดนฝ่ายขวาถล่มหนัก ยังสกัดไม่อยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647520
‘ทักษิณ’ ปลื้ม ลูลาเพื่อนรัก คว้าเก้าอี้ ปธน.บราซิล ‘ปิยบุตร’ ชี้ ฝ่ายขวาถล่มหนัก ยังสกัดไม่อยู่
วันที่ 31 ต.ค. 2565
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน @ThaksinLive ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล โดย
ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิลจากพรรคแรงงาน (PT) ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีรอบที่สอง โดย
ทักษิณระบุว่า คงไม่มีอะไรที่ใหญ่พอที่จะกักขังพลังมุ่งมั่นของเขาได้
“คงไม่มีอะไรที่ใหญ่พอที่จะกักขังพลังมุ่งมั่นของเขาได้ บัดนี้ผู้นำที่ยอดเยี่ยมและวีรบุรุษที่แท้จริงของชนชั้นทำงานของชาวบราซิลได้คืนชีพกลับมาจากเถ้าธุลีแล้ว”
“ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมาและได้พบปะกันหลายครั้งผ่านการเยือนอย่างเป็นทางการ ขอแสดงความยินดีกับ ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา อดีตผู้นำสหภาพแรงงานชาวบราซิล ที่ได้กลับคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งอย่างสง่างามครับ เดินหน้าเลยลูลาเพื่อนรัก”
ด้าน
ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เขียนข้อความแสดงความยินดี ระบุว่า
“ดีใจและขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูลาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล แม้กลไกรัฐฝ่ายขวาใช้ ‘นิติสงคราม’ สกัดกั้นเขาอย่างไร ในที่สุดเขาก็ต่อสู้จนกลับมาได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง”
นาย
ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิล จะกลายเป็นประธานาธิบดีบราซิลสมัยที่ 3 หลังสามารถเอาชนะการเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ได้รับชัยชนะเหนือนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน หลังการนับคะแนนไปได้ราว 98% นายดา ซิลวา มีคะแนนนำที่ 50.83% ขณะที่นายโบลโซนารู ได้คะแนนสนับสนุนไป 49.17% ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างสูสี หลังจากที่การเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ไม่มีใครในผู้สมัครทั้งสองรายที่ได้รับเสียงสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งรอบสองตามมา
ประชาชนชาวบราซิลมากกว่า 156 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในปีนี้ ขณะที่ผู้สมัครทั้งสองได้ทำการลงคะแนนเสียงไปตั้งแต่ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ และยังไม่มีรายงานความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองใดๆ เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง
ดา ซิลวา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลมาแล้ว 2 สมัยในระหว่างปี 2003-2006 และ 2007-2011 ภายใต้การเป็นผู้นำของเขาเศรษฐกิจของบราซิลเจริญเติบโตขึ้นเนื่องจากผลพลอยได้ที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนโครงการสวัสดิการสังคมขนาดใหญ่ และขจัดความยากจนให้กับคนหลายล้านคน โดยเขาได้รับคะแนนนิยมสูงถึง 90% หลังออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมามีการสอบสวนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล ซึ่งนำไปสู่การตั้งข้อหานักการเมืองและนักธุรกิจระดับสูงหลายร้อยคนทั่วลาตินอเมริกา นาย
ดา ซิลวา ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตและฟอกเงินในปี 2017 แต่ศาลได้ยกเลิกคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งทำให้เขาสามารถกลับมาสู่เส้นทางการเมืองได้อีกครั้งหนึ่ง
จตุพร จี้ประยุทธ์ ยกเลิก กม.ขายชาติ จ่อร้อง ป.ป.ช. หวั่นกระทบความมั่นคงประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647459
‘จตุพร’ จี้ ‘ประยุทธ์’ ยกเลิก กม.ขายชาติ ขอสู้ไม่ถอย จ่อร้อง ป.ป.ช.-บก.ทัพไทย หวั่นกระทบความมั่นคงประเทศ จับตา เร่ขายแผ่นดิน เวทีเอเปค
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ และนาย
นิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะคณะหลอมรวมประชาชน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อคัดค้านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ให้ต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้านและถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท
นาย
นิติธรกล่าวว่า นับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน อำนาจรัฐมีบทบาทหลักการสำคัญในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในทุกมิติ แต่ในความเป็นจริงตลอด 90 ปี กลับสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด การพัฒนาทุกมิติเป็นไปอย่างล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพไม่เท่าทันสถานการณ์โลก สะท้อนความไม่มีประสิทธิภาพการบริหารอำนาจรัฐจนบางครั้งภาคประชาชนต้องร่วมมือกันจัดการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ตัวอย่างรูปธรรมปัญหาที่อำนาจรัฐสร้างขึ้น เช่น การตรากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย การขาดความสามารถในการรักษาผลประโยชน์ของชาติและสร้างความผาสุกของประชาชน การตรากฎหมายเพื่อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า กลุ่มทุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตร การเปิดโอกาสให้ต่างชาติแทรกแซงกิจการภายในโดยเฉพาะด้านความมั่นคงของประเทศและด้านเศรษฐกิจ ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแต่เกิดจากการบริหารงานรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพมีประชาชนเป็นผู้แบกรับปัญหาโดยไม่มีส่วนร่วมก่อให้เกิดขึ้น
นาย
นิติธรกล่าวต่อว่า การให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวแม้จะเคยมีการดำเนินการมาแล้วในอดีต แต่ประชาชนก็มีรวมตัวกันคัดค้านอย่างกว้างขวาง ทั้งมีการประณามรัฐบาลขณะนั้นเป็นผู้ขายชาติและการเวลาพิสูจน์แล้วว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้เกิดผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ทั้งการมาพักอาศัยหรือตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยยังเปิดโอกาสพักอาศัยในรูปแบบของอาคารสูง โดยถือครองกรรมสิทธิอยู่แล้ว และปัจจุบันมีที่พักอาศัยรูปแบบอาคารสูงที่มีความกว้างขวางมีความสะดวกสบายหรูหราปลอดภัยไม่ต่างจากโรงแรมระดับสี่ดาวมากมาย การสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติมาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศไทย ประการสำคัญคือ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การออกวีซ่าระยะยาวมาตรการด้านภาษี ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การศึกษา สาธารณสุขการปลอดจากอิทธิพลเหนือกฎหมาย ปลอดจากทุจริตคอร์รัปชั่น ขั้นตอนการบริหารที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และมีบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นาย
นิติธรกล่าวว่า ทั้งนี้รัฐธรรมนูญหมวดที่ 5 และหมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐก็ไม่มีบทบัญญัติใดที่เขียนไว้ชัดให้ดำเนินการเช่นนั้น ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 166 เทียบเคียงมาตรา 178 มติ ครม.ดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเมืองสังคมอย่างกว้างขวาง กระทบการสูญเสียสิทธิในที่ดินอันเป็นทรัพยากรธรรมชาติ กรณีดังกล่าวจึงมีเหตุอันสมควรให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ทั้งการดำเนินการดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่ามีการวิจัยเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางป้องกันความเสียหายแนวทางแก้ไข มติ ครม. ดังกล่าวจึงถือเป็นอำนาจรัฐที่เป็นภัยคุกคามซ่อนรูปต่อความมั่นคงประเทศและประชาชนรูปแบบใหม่ จึงขอให้ยกเลิกมติ ครม. ดังกล่าวพร้อมยกเลิกกฎหมายกฎกระทรวงระเบียบประกาศต่างๆ ที่มีลักษณะหรือก่อให้เกิดผลเช่นเดียวกันทันที
ด้านนาย
จตุพรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รอดเงื้อมมือกฎหมายมาทุกเรื่อง จนกระทั่งอายุสภาอยู่ในช่วงสุดท้าย ที่ไม่สามารถที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ จึงออกมาตรการให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดิน คำกล่าวอ้างว่าการขายแผ่นดินให้ต่างชาติหรือการขายชาตินั้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมไม่กระตุ้นมาตั้งแต่ปีแรก แต่ปล่อยมาให้เลยถึง 8 ปี ที่ผ่านมาก็พยายามบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น แต่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่มีมติ ครม.นี้ ที่ผ่านมาใช้วิธีการว่า เอ็งชั่วข้าก็เลว เอ็งเลวข้าก็ชั่ว จึงอธิบายว่าเป็นกฎกระทรวง ตั้งแต่ปี 2545 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร และตอนนั้นก็ยังย้อนด่ารัฐบาลนายชวน หลีกภัย ว่าขายชาติ
นาย
จุตพรกล่าวต่อว่า วันนี้ต่างชาติเข้ามาครองแผ่นดินไทยโดยการใช้นอมินีกันเต็มไปหมด วันนี้ 3 ป. ต้องไม่ลืมว่าเป็นอดีตผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) มาก่อน และเป็นทหารเสือที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน การออกมาตอบโต้ว่าถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ พลังงานก็ยกให้กลุ่มทุน สื่อสารก็ให้ควบรวม จนกระทั่งสมบัติชิ้นสุดท้ายคือแผ่นดินก็จะยกให้ต่างชาติ
นาย
จตุพรกล่าวว่า แต่อะไรที่เป็นสมบัติของประชาชนหรือประชาชนจะได้ประโยชน์ ท่านไม่เคยที่จะปกป้องสิ่งเหล่านี้ ถ้าการทำหน้าที่ทหารเสือต้องปกป้องประเทศชาติและแผ่นดิน แต่ถ้าเป็นทหารช้างจะต้องเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน เราจึงอยากบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ถ้าแน่จริง และคิดว่าชนะทุกเรื่อง อย่ายกเลิกมติ ครม. และจะขอท้าทายไปยังประชาชน ว่าจะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้ขายชาติขายแผ่นดินหรือไม่
นาย
จตุพรกล่าวว่า โดยวันที่ 2 พฤศจิกายน เราจะนำเรื่องนี้ไปยื่นที่กองบัญชาการกองทัพไทย ว่ารู้สึกต่อเรื่องนี้อย่างไร และวันที่ 4 พฤศจิกายนจะไปยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ อย่าเอานักกฎหมายมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดทางกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสามัญสำนึกในการรักแผ่นดิน เพราะใครก็เขียนกฎหมายได้
“กองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยว่า นายชวนขายชาติ นายทักษิณขายชาตินั้น ตอนนี้มาตรฐานอยู่ที่ไหนหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ใช่หรือไม่ ทั้งนี้ เราตั้งข้อสังเกตว่า การออกมติ ครม.นี้ เพราะจะมีการประชุมเอเปค เพื่อเร่ขายแผ่นดินในตลาดเอเปคใช่หรือไม่ เราจึงจะคัดค้านการเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด” นาย
จตุพรกล่าว
JJNY : ทักษิณ ปลื้ม ลูลาเพื่อนรัก |จตุพร จี้ ยกเลิก กม.ขายชาติ |“ก้าวไกล”ขอทุกฝ่ายวางอคติ| ประยุทธ์ขายชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647520
‘ทักษิณ’ ปลื้ม ลูลาเพื่อนรัก คว้าเก้าอี้ ปธน.บราซิล ‘ปิยบุตร’ ชี้ ฝ่ายขวาถล่มหนัก ยังสกัดไม่อยู่
วันที่ 31 ต.ค. 2565 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน @ThaksinLive ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล โดยลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิลจากพรรคแรงงาน (PT) ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีรอบที่สอง โดยทักษิณระบุว่า คงไม่มีอะไรที่ใหญ่พอที่จะกักขังพลังมุ่งมั่นของเขาได้
“คงไม่มีอะไรที่ใหญ่พอที่จะกักขังพลังมุ่งมั่นของเขาได้ บัดนี้ผู้นำที่ยอดเยี่ยมและวีรบุรุษที่แท้จริงของชนชั้นทำงานของชาวบราซิลได้คืนชีพกลับมาจากเถ้าธุลีแล้ว”
“ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมาและได้พบปะกันหลายครั้งผ่านการเยือนอย่างเป็นทางการ ขอแสดงความยินดีกับ ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา อดีตผู้นำสหภาพแรงงานชาวบราซิล ที่ได้กลับคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งอย่างสง่างามครับ เดินหน้าเลยลูลาเพื่อนรัก”
ด้านปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เขียนข้อความแสดงความยินดี ระบุว่า
“ดีใจและขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูลาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล แม้กลไกรัฐฝ่ายขวาใช้ ‘นิติสงคราม’ สกัดกั้นเขาอย่างไร ในที่สุดเขาก็ต่อสู้จนกลับมาได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง”
นายลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิล จะกลายเป็นประธานาธิบดีบราซิลสมัยที่ 3 หลังสามารถเอาชนะการเลือกตั้งรอบ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ได้รับชัยชนะเหนือนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน หลังการนับคะแนนไปได้ราว 98% นายดา ซิลวา มีคะแนนนำที่ 50.83% ขณะที่นายโบลโซนารู ได้คะแนนสนับสนุนไป 49.17% ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างสูสี หลังจากที่การเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ไม่มีใครในผู้สมัครทั้งสองรายที่ได้รับเสียงสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งรอบสองตามมา
ประชาชนชาวบราซิลมากกว่า 156 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในปีนี้ ขณะที่ผู้สมัครทั้งสองได้ทำการลงคะแนนเสียงไปตั้งแต่ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ และยังไม่มีรายงานความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองใดๆ เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง ดา ซิลวา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลมาแล้ว 2 สมัยในระหว่างปี 2003-2006 และ 2007-2011 ภายใต้การเป็นผู้นำของเขาเศรษฐกิจของบราซิลเจริญเติบโตขึ้นเนื่องจากผลพลอยได้ที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนโครงการสวัสดิการสังคมขนาดใหญ่ และขจัดความยากจนให้กับคนหลายล้านคน โดยเขาได้รับคะแนนนิยมสูงถึง 90% หลังออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมามีการสอบสวนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล ซึ่งนำไปสู่การตั้งข้อหานักการเมืองและนักธุรกิจระดับสูงหลายร้อยคนทั่วลาตินอเมริกา นายดา ซิลวา ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตและฟอกเงินในปี 2017 แต่ศาลได้ยกเลิกคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งทำให้เขาสามารถกลับมาสู่เส้นทางการเมืองได้อีกครั้งหนึ่ง
จตุพร จี้ประยุทธ์ ยกเลิก กม.ขายชาติ จ่อร้อง ป.ป.ช. หวั่นกระทบความมั่นคงประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3647459
‘จตุพร’ จี้ ‘ประยุทธ์’ ยกเลิก กม.ขายชาติ ขอสู้ไม่ถอย จ่อร้อง ป.ป.ช.-บก.ทัพไทย หวั่นกระทบความมั่นคงประเทศ จับตา เร่ขายแผ่นดิน เวทีเอเปค
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะคณะหลอมรวมประชาชน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อคัดค้านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ให้ต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้านและถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท
นายนิติธรกล่าวว่า นับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน อำนาจรัฐมีบทบาทหลักการสำคัญในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในทุกมิติ แต่ในความเป็นจริงตลอด 90 ปี กลับสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด การพัฒนาทุกมิติเป็นไปอย่างล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพไม่เท่าทันสถานการณ์โลก สะท้อนความไม่มีประสิทธิภาพการบริหารอำนาจรัฐจนบางครั้งภาคประชาชนต้องร่วมมือกันจัดการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ตัวอย่างรูปธรรมปัญหาที่อำนาจรัฐสร้างขึ้น เช่น การตรากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย การขาดความสามารถในการรักษาผลประโยชน์ของชาติและสร้างความผาสุกของประชาชน การตรากฎหมายเพื่อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า กลุ่มทุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตร การเปิดโอกาสให้ต่างชาติแทรกแซงกิจการภายในโดยเฉพาะด้านความมั่นคงของประเทศและด้านเศรษฐกิจ ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแต่เกิดจากการบริหารงานรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพมีประชาชนเป็นผู้แบกรับปัญหาโดยไม่มีส่วนร่วมก่อให้เกิดขึ้น
นายนิติธรกล่าวต่อว่า การให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวแม้จะเคยมีการดำเนินการมาแล้วในอดีต แต่ประชาชนก็มีรวมตัวกันคัดค้านอย่างกว้างขวาง ทั้งมีการประณามรัฐบาลขณะนั้นเป็นผู้ขายชาติและการเวลาพิสูจน์แล้วว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้เกิดผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ทั้งการมาพักอาศัยหรือตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยยังเปิดโอกาสพักอาศัยในรูปแบบของอาคารสูง โดยถือครองกรรมสิทธิอยู่แล้ว และปัจจุบันมีที่พักอาศัยรูปแบบอาคารสูงที่มีความกว้างขวางมีความสะดวกสบายหรูหราปลอดภัยไม่ต่างจากโรงแรมระดับสี่ดาวมากมาย การสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติมาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศไทย ประการสำคัญคือ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การออกวีซ่าระยะยาวมาตรการด้านภาษี ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การศึกษา สาธารณสุขการปลอดจากอิทธิพลเหนือกฎหมาย ปลอดจากทุจริตคอร์รัปชั่น ขั้นตอนการบริหารที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และมีบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นายนิติธรกล่าวว่า ทั้งนี้รัฐธรรมนูญหมวดที่ 5 และหมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐก็ไม่มีบทบัญญัติใดที่เขียนไว้ชัดให้ดำเนินการเช่นนั้น ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 166 เทียบเคียงมาตรา 178 มติ ครม.ดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเมืองสังคมอย่างกว้างขวาง กระทบการสูญเสียสิทธิในที่ดินอันเป็นทรัพยากรธรรมชาติ กรณีดังกล่าวจึงมีเหตุอันสมควรให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ทั้งการดำเนินการดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่ามีการวิจัยเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางป้องกันความเสียหายแนวทางแก้ไข มติ ครม. ดังกล่าวจึงถือเป็นอำนาจรัฐที่เป็นภัยคุกคามซ่อนรูปต่อความมั่นคงประเทศและประชาชนรูปแบบใหม่ จึงขอให้ยกเลิกมติ ครม. ดังกล่าวพร้อมยกเลิกกฎหมายกฎกระทรวงระเบียบประกาศต่างๆ ที่มีลักษณะหรือก่อให้เกิดผลเช่นเดียวกันทันที
ด้านนายจตุพรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รอดเงื้อมมือกฎหมายมาทุกเรื่อง จนกระทั่งอายุสภาอยู่ในช่วงสุดท้าย ที่ไม่สามารถที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ จึงออกมาตรการให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดิน คำกล่าวอ้างว่าการขายแผ่นดินให้ต่างชาติหรือการขายชาตินั้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมไม่กระตุ้นมาตั้งแต่ปีแรก แต่ปล่อยมาให้เลยถึง 8 ปี ที่ผ่านมาก็พยายามบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น แต่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่มีมติ ครม.นี้ ที่ผ่านมาใช้วิธีการว่า เอ็งชั่วข้าก็เลว เอ็งเลวข้าก็ชั่ว จึงอธิบายว่าเป็นกฎกระทรวง ตั้งแต่ปี 2545 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร และตอนนั้นก็ยังย้อนด่ารัฐบาลนายชวน หลีกภัย ว่าขายชาติ
นายจุตพรกล่าวต่อว่า วันนี้ต่างชาติเข้ามาครองแผ่นดินไทยโดยการใช้นอมินีกันเต็มไปหมด วันนี้ 3 ป. ต้องไม่ลืมว่าเป็นอดีตผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) มาก่อน และเป็นทหารเสือที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน การออกมาตอบโต้ว่าถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ พลังงานก็ยกให้กลุ่มทุน สื่อสารก็ให้ควบรวม จนกระทั่งสมบัติชิ้นสุดท้ายคือแผ่นดินก็จะยกให้ต่างชาติ
นายจตุพรกล่าวว่า แต่อะไรที่เป็นสมบัติของประชาชนหรือประชาชนจะได้ประโยชน์ ท่านไม่เคยที่จะปกป้องสิ่งเหล่านี้ ถ้าการทำหน้าที่ทหารเสือต้องปกป้องประเทศชาติและแผ่นดิน แต่ถ้าเป็นทหารช้างจะต้องเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน เราจึงอยากบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ถ้าแน่จริง และคิดว่าชนะทุกเรื่อง อย่ายกเลิกมติ ครม. และจะขอท้าทายไปยังประชาชน ว่าจะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้ขายชาติขายแผ่นดินหรือไม่
นายจตุพรกล่าวว่า โดยวันที่ 2 พฤศจิกายน เราจะนำเรื่องนี้ไปยื่นที่กองบัญชาการกองทัพไทย ว่ารู้สึกต่อเรื่องนี้อย่างไร และวันที่ 4 พฤศจิกายนจะไปยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ อย่าเอานักกฎหมายมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดทางกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสามัญสำนึกในการรักแผ่นดิน เพราะใครก็เขียนกฎหมายได้
“กองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยว่า นายชวนขายชาติ นายทักษิณขายชาตินั้น ตอนนี้มาตรฐานอยู่ที่ไหนหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ใช่หรือไม่ ทั้งนี้ เราตั้งข้อสังเกตว่า การออกมติ ครม.นี้ เพราะจะมีการประชุมเอเปค เพื่อเร่ขายแผ่นดินในตลาดเอเปคใช่หรือไม่ เราจึงจะคัดค้านการเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด” นายจตุพรกล่าว