Creditต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก Weverse
***แปลแบบงูๆปลาๆครับ ถ้ามีผิดพลาดต้องขออภัย รอบนี้เป็นมุมมองน้องที่พัฒนาไปจากตอนเดบิวท์อีกช่วง***
มิยาวากิ ซากุระ เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1998 เธอผ่านการเดบิวท์มาแล้ว 3 ครั้งในช่วงระยะเวลากว่า 11 ปี และตอนนี้เธอได้พบที่ที่ใช่สำหรับเธอแล้ว
WV: เราเห็นคุณอ่านหนังสือภาษาเกาหลีถึงแม้ว่าคุณจะยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปลงแม็กกาซีน
ซากุระ: สมัยที่ยังอยู่ญี่ปุ่น ฉันพยายามที่จะอ่านหนังสือให้ได้เดือนละเล่มค่ะ ที่จริงฉันก็เคยคิดอ่านหนังสือภาษาเกาหลีเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ลองสักที
เพราะคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับฉันค่ะ แต่พอได้ลองแล้วปรากฎว่าฉันอ่านหนังสือภาษาเกาหลีได้ดีกว่าที่คิดนะ (หัวเราะ) คือมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างภาษาญี่ปุ่นหรอกนะคะ และฉันก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอสมควร แต่ฉันก็อ่านไปได้2ใน3ส่วนแล้วค่ะ
WV: คุณน่าจะอินกับหนังสือเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลยนะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยความยากลำบากรวมถึงความกังวลต่างๆที่นักแสดงต้องเผชิญในวงการบันเทิง
ซากุระ: ฉันอินมากเลยค่ะ ผู้เขียนเค้าอยากจะเปิดเผยด้านที่แท้จริงของตัวเอง แต่ก็กังวลว่าจะไม่สามารถทำงานนักแสดงต่อไปได้ถ้าผู้คนรู้อายุจริงและความจริงที่ว่าเธอแต่งงานแล้ว สำหรับไอดอลแล้ว ภาพลักษณ์ที่เราแสดงออกก็สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ ฉันอยากจะทำงานด้านนี้ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันเองก็อายุมากขึ้นทุกวัน ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็กังวลค่ะ
WV: ในสารคดี “The world is my oyster” คุณค่อนข้างเปิดเผยถึงมุมมองความกังวลและความกดดันต่างๆที่คุณได้รับตอนกำลังจะเดบิวท์
ซากุระ: พอหลังจากสารดคีออกมาฉันก็รู้สึกโล่งขึ้นแล้วค่ะ(หัวเราะ) โดยปกติฉันก็ค่อนข้างจะเป็นคนตรงๆอยู่แล้ว แต่ในสารคดีนั่นฉันว่าฉันพูดตรงเป็นพิเศษค่ะ การเป็นไอดอลนั้นมีสิ่งที่วิเศษมากมาย แต่แน่นอนว่ามันก็ย่อมมาพร้อมกับความลำบากที่ต้องเผชิญ ฉันว่ามันไม่ถูกที่จะพยายามปิดบังสิ่งเหล่านั้นจากผู้ชมค่ะ ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าการที่ได้เห็นว่าฉันผ่านปัญหาแบบไหนมาบ้างมันอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางคน แต่ฉันก็อยากจะให้ผู้ชมได้เห็นว่าแม้แต่ไอดอลเอง ก็มีชีวิตเหมือนคนทั่วไป ที่ต่างก็มีปัญหาและต้องพยายามเพื่ออนาคตของตัวเองเหมือนกัน
WV” ในรายการ Knowing Bros คุณได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดของคุณในงานจับมือ คุณคิดว่าการเล่าเรื่องนั้นก็คือสิ่งที่เมื่อสักครู่คุณพยายามจะสื่อหรือเปล่า
ซากุระ: อันที่จริงเรื่องนั้นมันไม่ใช่ความลับหรอกค่ะ ฉันไม่ได้คิดว่า อ้ะ นี่มันถึงเวลาที่จะเปิดเผยความจริงหรืออะไรอย่างนั้นเลย ที่ฉันไม่เคยเล่าก็แค่เพราะมันไม่ได้มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องเล่า และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยค่ะ คือฉันก็แค่เล่าว่า “มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นกับฉันล่ะ” แต่กลายเป็นว่าหลายๆคนกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องสะเทือนใจเหลือเกิน ฉันเลยคิดว่าหรือจริงๆฉันไม่ควรจะเล่านะ(หัวเราะ) นั่นเป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ฉันสงสัยว่าฉันมีชีวิตที่หนักหนากว่าคนอื่นเหรอ อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกขอบคุณพ่อผู้ให้กำเนิดฉันนะคะ แต่ฉันสำนึกในบุญคุณคุณพ่อที่เลี้ยงดูฉันมามากกว่า ท่านเลี้ยงดูฉํนเหมือนกับฉันเป็นลูกแท้ๆของท่าน และสนับสนุนฉันในทุกเรื่องรวมถึงเส้นทางชีวิตไอดอลของฉัน บางครั้งก็ยิ่งกว่าคุณแม่เสียอีก เพราะฉะนั้นฉันมีชีวิตที่สมบูรณ์แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่อยากให้ Fearnot/พิโอน่า ต้องมากังวลกับเรื่องแบบนี้
WV: หมายความว่าคุณเองก็พร้อมที่จะเปิดเผยตัวเองตลอดอยู่แล้ว แต่แค่ไม่ค่อยมีโอกาส แสดงว่า LE SSERAFIM ต้องมีความหมายกับคุณมาก เพราะเพลงของวงต่างสะท้อนชีวิตของพวกคุณ และคุณก็เป็นตัวของตัวเองมากในรายการวาไรตี้ คุณถึงกับบอกว่า ชีวิตนี้สมบูรณ์ดีแล้ว
ซากุระ: แม้แต่พวกเราก็ไม่รู้ตัวค่ะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง(หัวเราะ) มันมหัศจรรย์มากที่อยู่ดีๆพวกเราก็เปิดเผยตัวตนเข้าหากันและสนิทสนมกันได้มากขนาดนี้ ก่อนเดบิวท์ พวกเราพูดว่า “เราไปออกรายการวาไรตี้ไม่ได้แน่ๆ” เพราะพวกเราคิดว่าเราห่วยมากค่ะ(หัวเราะ) แต่พอได้ลองไปก็ปรากฎว่าเราก็ตลกใช้ได้ Fearnot เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเราสนุกไปกับมันแน่ๆเลย พวกเรามีมายด์เซ็ทว่าถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีแล้วก็สนุกไปกับมันด้วย ถึงแม้ว่ามันจะยากบ้างก็ตาม เราพูดว่า “เราต้องผ่านมันไปให้ได้เพื่อเป็น LESSERAFIM!” หรือไม่ก็ “พวกเรา FEARLESS พวกเรา ANTIFRAGILE” (หัวเราะ)
WV: ทัศนคติแบบนี้ถึงทำให้พวกคุณทำงานเข้าขากันได้ดี แม้กระทั่งการแสดงที่เทศกาล AKARAKA มหาวิทยาลัยยอนเซ ผู้คนต่างก็ฮือฮาพูดถึงการแสดงของพวกคุณ
ซากุระ: ฉันอยากจะอยู่ในวงแบบนั้นมาตลอดเลยค่ะ วงที่เต้นได้เป๊ะบนเวที แต่พอเลิกการแสดงแล้วก็ยังเข้าถึงได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ช่วงนี้ฉันจะได้ยินคนพูดถึง LE SSERAFIM เสมอว่า “ฉันชอบการแสดงพวกเขานะ” “บรรยากาศในวงเข้ากันดี” ฉันชอบทำงานค่ะ และฉันตื่นเต้นกับการคัมแบคครั้งนี้ยิ่งกว่าใคร
WV: อีกอย่างนึงที่เห็นได้ชัดคือคุณเติบโตขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะการจัดระเบียบร่างกายของคุณให้เข้ากับเพลง Impurities เป็นไปได้ไหมว่า นอกจากที่เก่งขึ้นแล้ว คุณยังค้นพบสไตล์การแสดงของตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
ซากุระ: ฉันต่างจากเมื่อก่อนแบบคนละเรื่องเลยค่ะตอนนี้ สมัยที่เราแสดง FEARLESS ฉันจดจ่อกับการแสดงเพื่อให้เห็นการพัฒนาของฉํน แต่ในอัลบัมนี้ฉันเริ่มค่อยๆที่จะเรียนรู้ว่าฉันถนัดแนวไหน และอะไรที่จะทำให้การเต้นของฉันออกมาน่ามองที่สุด ในเพลง Impurities มันมีหลายท่อนเลยค่ะที่เราต้องผลัดกันแสดงทักษะการเต้นทีละคน ดังนั้นหลังจากที่เราฝึกเต้นท่ารวมเสร็จ ฉันจะอยู่ต่อเพื่อฝึกในส่วนของฉันให้มากขึ้น ซึ่งมันสำคัญมากๆค่ะ ฉันยังคงรู้สึกกดดันกับการร้องอยู่บ้าง แต่คุณโปรดิวเซอร์ได้บอกกับฉันว่า ตอนนี้เวลาฉันร้องเพลง เขาได้ยินสไตล์เฉพาะตัวของฉันในนั้นแล้ว มันรู้สึกดีมากๆค่ะที่ได้ยินเสียงของตัวฉันเองจริงๆตอนเราแสดงที่ AKARAKA เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยมั่นใจในการร้องมากนัก แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าพยายามทำไปเถอะ ถึงแม้มันจะออกมาไม่ดีนัก แต่มันก็จะทำให้ฉันได้รู้ถึงศักยภาพของตัวเองจริงๆค่ะ
WV: เราคิดว่านั่นแหละคือทัศนะคติที่อัลบัมนี้ต้องการ เพลงอย่าง “ANTIFRAGILE” และ. No Celestial” เป็นการแสดงที่ต้องการจะให้คุณปลดปล่อยความเป็นตัวคุณจริงๆออกมา และแสดงทุกสิ่งที่คุณมี
ซากุระ: ใช่เลยค่ะ คุณผู้กำกับการแสดงบอกฉันเสมอว่า “อย่ามัวแต่ห่วงสวย เต็มที่กับการแสดงซะ” แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับฉันคือการพยายามสนุกโดยไม่สนใจกล้องค่ะ ฉันเป็นไอดอลมานานมากซะจนเวลาเห็นกล้อง ฉันคิดไปเองโดยอัตโนมัติเลยว่าต้องแสดงสีหน้าท่าทางยังไง หรือต้องทำอะไรบ้าง ฉันเลยต้องหาวิดีโอการแสดงของศิลปินต่างชาติมานั่งดูเป็นตัวอย่างค่ะ อย่างเช่นของคุณ Olivia Rodrigo เขาไม่สนใจกล้องเลย เป็นธรรมชาติกันมากๆ ฉันเลยลองจินตนาการว่า ที่นี่เป็นห้องของฉัน และฉันจะสนุกกับมันเหมือนไม่มีใครเห็น ฉันพยายามฝึกแบบนั้นค่ะ และมันก็ตลกดี ฉันแอบเห็นสีหน้าตัวเองในกระจกแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ(หัวเราะ) ก็กังวลเหมือนกันว่ามันจะออกมาดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่ก็น่าตื่นเต้นดีค่ะ
WV: ว่ากันว่าตัวตนของคุณจะสะท้อนออกมาในการเคลื่อนไหวเมื่อคุณเต้น คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเกี่ยวกับตัวเองบ้างไหม
ซากุระ: คุณผู้กำกับการแสดงก็บอกแบบนี้เป๊ะเลยค่ะ(หัวเราะ) ตัวตนของเราจะออกมากับการเต้น ตอนฉันเต้น ฉันมักจะอยากเข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวมันออกมาเป็นแบบนี้ ทั้งที่ฉันก็เคลื่อนไหวแบบเดิมตลอดค่ะ แต่ความรู้สึกต่างหากที่สำคัญสำหรับการเต้น มันเป็นสิ่งที่อธิบายด้วยคำพูดลำบาก ฉันน่าจะต้องการเวลาในการทำความเข้าใจมันอีกนิดค่ะ
WV: ปกติคุณเป็นคนค่อนข้างมีเหตุผลมาก คุณคิดว่าการที่ต้องแสดงโดยใช้อารมณ์เป็นหลักในเพลงอย่าง “ANTIFRAGILE” และ “No Celestial” เปลี่ยนแปลงอะไรในตัวคุณบ้าง
ซากุระ: เมมเบอร์บางคนเก่งและเอนจอยกับอะไรแบบนี้ค่ะ ยุนจินกับแชวอนได้รับการตอบรับที่ดีในการแสดงสีหน้าของพวกเธอใน ANTIFRAGILE ฉันเลยคิดว่าจะลองเอนจอยไปกับมันดูบ้าง ก็เลยรู้สึกเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นเวลาอยู่นอกเวทีค่ะ เวลาเราอัดรายการกันฉันก็พูดมากขึ้นด้วย(หัวเราะ) ฉันเคยคอยระมัดระวังคำพูดของฉัน และต้องปั้นหน้าสวยเวลาหัวเราะตลอดเวลา แต่ตอนนี้ฉันปล่อยไปตามสบายแล้วค่ะ
WV: นั่นแหละคือความหมายของ ANRIFRAGILE สิ่งที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแม้ว่าจะเจอเรื่องแย่หรือข้อบกพร่องของตัวเองขนาดไหน
ซากุระ: แน่นอนค่ะว่าทุกคนต่างก็เคยทำพลาด และก็มีสิ่งที่ไม่ถนัดอยู่ ฉันอยู่ในวงการมานาน มันก็จะมีบางช่วงที่ฉันคิดว่า “อา ฉันไม่ค่อยจะเก่งเท่าไหร่เลย” ฉันคิดว่าการยอมรับเรื่องนั้นมันคือความ ANTIFRAGILE ในความหมายของฉันค่ะ ไม่มีใครอยากจะมองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง เราก็จะแค่พยายามทำลืมๆมันไปเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ความผิดพลาดมันคือส่วนนึงของสิ่งที่คุณเป็น และสิ่งที่กำลังจะเป็น เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเราเข้าใจและยอมรับทุกสิ่ง ทุกความสำเร็จและความล้มเหลวเล็กๆมันรวมตัวกันเป็นตัวฉันทุกวันนี้ค่ะ
WV: นั่นทำให้ฉันนึกถึงเนื้อเพลงท่อนนึงที่คุณเขียนในเพลง “Good Part ” : “ฉันอยากจะรักตัวฉัน ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายยังไงก็ตาม”
ซากุระ: บางครั้งฉันเห็นคอมเมนท์บนอินเตอร์เน็ต ที่ผู้คนตัดสินตัวตนไอดอลจากเรื่องผิดพลาดแค่เรื่องเดียว และมันรู้สึกแย่มากที่เห็นพวกเค้าต้องทนทุกข์เพราะเรื่องพวกนี้ เวลาฉันเห็นคอมเมนท์ที่จงใจโจมตีถึงตัวฉัน จนฉันรู้สึกว่า “นี่ที่ผ่านมาฉันแย่ขนาดนั้นเลยจริงๆเหรอ?” “ตัวฉันไม่มีข้อดีอะไรเลยเหรอ?” แต่ในความเป็นจริง เรื่องพวกนั้นมันก็ทำให้ตัวฉันเป็นฉันในทุกวันนี้ ตอนที่ฉันเขียนเนื้อเพลงนี้ ฉันคิดว่ามันคงจะดีนะถ้ามีแม้สักคนเข้าใจความรู้สึกของฉันบ้าง นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะสื่อถึงผู้คนที่กำลังลังเลสงสัยในตัวเอง ให้รู้จักรักตัวเองไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน
WV:ในสารคดี เราเห็นคุณคุยกับยุนจินก่อนเดบิวท์ว่า “ฉันก็อยากจะคิดว่าฉันไม่เป็นไร แต่ถึงจะคิดแบบนั้นได้จริงฉันก็คงไม่เชื่อตัวเองอยู่ดี จริงไหม ทำไมมันยากขนาดนี้” เป็นไปได้ไหมว่าเพลง “Good Part ” คือคำตอบของคำถามนั้น
ซากุระ : ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ค่ะ(หัวเราะ) “Good Part ” เนื้อหาจะเกี่ยวกับคนที่อยากจะรักและภูมิใจในตัวเอง ถึงแม้ว่าอาจจะยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มที่ก็ตาม เพราะมันจะมีบางวันที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เราคิดแม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหน และบางวันที่เรารู้สึกแย่และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำอะไรให้ดีไม่ได้สักอย่าง แต่นั่นมันก็คือส่วนหนึ่งของเรานี่คะ ดังนั้นมันจะดีกว่าไหมที่จะยอมรับมัน และพยายามทำให้ดีที่สุด บางครั้งเราอาจเกลียดตัวเองเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันบางครั้งเราก็ตื่นเต้นที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง ฉันคิดว่าเพลงนี้พูดถึงอารมณ์เหล่านั้นค่ะ
มีต่อ คห1.
[แปลบทความ] บทสัมภาษณ์ล่าสุดของซากุระ Weverse Magazine 2022.10.24
***แปลแบบงูๆปลาๆครับ ถ้ามีผิดพลาดต้องขออภัย รอบนี้เป็นมุมมองน้องที่พัฒนาไปจากตอนเดบิวท์อีกช่วง***
มิยาวากิ ซากุระ เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1998 เธอผ่านการเดบิวท์มาแล้ว 3 ครั้งในช่วงระยะเวลากว่า 11 ปี และตอนนี้เธอได้พบที่ที่ใช่สำหรับเธอแล้ว
WV: เราเห็นคุณอ่านหนังสือภาษาเกาหลีถึงแม้ว่าคุณจะยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปลงแม็กกาซีน
ซากุระ: สมัยที่ยังอยู่ญี่ปุ่น ฉันพยายามที่จะอ่านหนังสือให้ได้เดือนละเล่มค่ะ ที่จริงฉันก็เคยคิดอ่านหนังสือภาษาเกาหลีเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ลองสักที
เพราะคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับฉันค่ะ แต่พอได้ลองแล้วปรากฎว่าฉันอ่านหนังสือภาษาเกาหลีได้ดีกว่าที่คิดนะ (หัวเราะ) คือมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างภาษาญี่ปุ่นหรอกนะคะ และฉันก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอสมควร แต่ฉันก็อ่านไปได้2ใน3ส่วนแล้วค่ะ
WV: คุณน่าจะอินกับหนังสือเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลยนะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยความยากลำบากรวมถึงความกังวลต่างๆที่นักแสดงต้องเผชิญในวงการบันเทิง
ซากุระ: ฉันอินมากเลยค่ะ ผู้เขียนเค้าอยากจะเปิดเผยด้านที่แท้จริงของตัวเอง แต่ก็กังวลว่าจะไม่สามารถทำงานนักแสดงต่อไปได้ถ้าผู้คนรู้อายุจริงและความจริงที่ว่าเธอแต่งงานแล้ว สำหรับไอดอลแล้ว ภาพลักษณ์ที่เราแสดงออกก็สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ ฉันอยากจะทำงานด้านนี้ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันเองก็อายุมากขึ้นทุกวัน ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็กังวลค่ะ
WV: ในสารคดี “The world is my oyster” คุณค่อนข้างเปิดเผยถึงมุมมองความกังวลและความกดดันต่างๆที่คุณได้รับตอนกำลังจะเดบิวท์
ซากุระ: พอหลังจากสารดคีออกมาฉันก็รู้สึกโล่งขึ้นแล้วค่ะ(หัวเราะ) โดยปกติฉันก็ค่อนข้างจะเป็นคนตรงๆอยู่แล้ว แต่ในสารคดีนั่นฉันว่าฉันพูดตรงเป็นพิเศษค่ะ การเป็นไอดอลนั้นมีสิ่งที่วิเศษมากมาย แต่แน่นอนว่ามันก็ย่อมมาพร้อมกับความลำบากที่ต้องเผชิญ ฉันว่ามันไม่ถูกที่จะพยายามปิดบังสิ่งเหล่านั้นจากผู้ชมค่ะ ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าการที่ได้เห็นว่าฉันผ่านปัญหาแบบไหนมาบ้างมันอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางคน แต่ฉันก็อยากจะให้ผู้ชมได้เห็นว่าแม้แต่ไอดอลเอง ก็มีชีวิตเหมือนคนทั่วไป ที่ต่างก็มีปัญหาและต้องพยายามเพื่ออนาคตของตัวเองเหมือนกัน
WV” ในรายการ Knowing Bros คุณได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดของคุณในงานจับมือ คุณคิดว่าการเล่าเรื่องนั้นก็คือสิ่งที่เมื่อสักครู่คุณพยายามจะสื่อหรือเปล่า
ซากุระ: อันที่จริงเรื่องนั้นมันไม่ใช่ความลับหรอกค่ะ ฉันไม่ได้คิดว่า อ้ะ นี่มันถึงเวลาที่จะเปิดเผยความจริงหรืออะไรอย่างนั้นเลย ที่ฉันไม่เคยเล่าก็แค่เพราะมันไม่ได้มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องเล่า และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยค่ะ คือฉันก็แค่เล่าว่า “มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นกับฉันล่ะ” แต่กลายเป็นว่าหลายๆคนกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องสะเทือนใจเหลือเกิน ฉันเลยคิดว่าหรือจริงๆฉันไม่ควรจะเล่านะ(หัวเราะ) นั่นเป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ฉันสงสัยว่าฉันมีชีวิตที่หนักหนากว่าคนอื่นเหรอ อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกขอบคุณพ่อผู้ให้กำเนิดฉันนะคะ แต่ฉันสำนึกในบุญคุณคุณพ่อที่เลี้ยงดูฉันมามากกว่า ท่านเลี้ยงดูฉํนเหมือนกับฉันเป็นลูกแท้ๆของท่าน และสนับสนุนฉันในทุกเรื่องรวมถึงเส้นทางชีวิตไอดอลของฉัน บางครั้งก็ยิ่งกว่าคุณแม่เสียอีก เพราะฉะนั้นฉันมีชีวิตที่สมบูรณ์แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่อยากให้ Fearnot/พิโอน่า ต้องมากังวลกับเรื่องแบบนี้
WV: หมายความว่าคุณเองก็พร้อมที่จะเปิดเผยตัวเองตลอดอยู่แล้ว แต่แค่ไม่ค่อยมีโอกาส แสดงว่า LE SSERAFIM ต้องมีความหมายกับคุณมาก เพราะเพลงของวงต่างสะท้อนชีวิตของพวกคุณ และคุณก็เป็นตัวของตัวเองมากในรายการวาไรตี้ คุณถึงกับบอกว่า ชีวิตนี้สมบูรณ์ดีแล้ว
ซากุระ: แม้แต่พวกเราก็ไม่รู้ตัวค่ะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง(หัวเราะ) มันมหัศจรรย์มากที่อยู่ดีๆพวกเราก็เปิดเผยตัวตนเข้าหากันและสนิทสนมกันได้มากขนาดนี้ ก่อนเดบิวท์ พวกเราพูดว่า “เราไปออกรายการวาไรตี้ไม่ได้แน่ๆ” เพราะพวกเราคิดว่าเราห่วยมากค่ะ(หัวเราะ) แต่พอได้ลองไปก็ปรากฎว่าเราก็ตลกใช้ได้ Fearnot เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเราสนุกไปกับมันแน่ๆเลย พวกเรามีมายด์เซ็ทว่าถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีแล้วก็สนุกไปกับมันด้วย ถึงแม้ว่ามันจะยากบ้างก็ตาม เราพูดว่า “เราต้องผ่านมันไปให้ได้เพื่อเป็น LESSERAFIM!” หรือไม่ก็ “พวกเรา FEARLESS พวกเรา ANTIFRAGILE” (หัวเราะ)
WV: ทัศนคติแบบนี้ถึงทำให้พวกคุณทำงานเข้าขากันได้ดี แม้กระทั่งการแสดงที่เทศกาล AKARAKA มหาวิทยาลัยยอนเซ ผู้คนต่างก็ฮือฮาพูดถึงการแสดงของพวกคุณ
ซากุระ: ฉันอยากจะอยู่ในวงแบบนั้นมาตลอดเลยค่ะ วงที่เต้นได้เป๊ะบนเวที แต่พอเลิกการแสดงแล้วก็ยังเข้าถึงได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ช่วงนี้ฉันจะได้ยินคนพูดถึง LE SSERAFIM เสมอว่า “ฉันชอบการแสดงพวกเขานะ” “บรรยากาศในวงเข้ากันดี” ฉันชอบทำงานค่ะ และฉันตื่นเต้นกับการคัมแบคครั้งนี้ยิ่งกว่าใคร
WV: อีกอย่างนึงที่เห็นได้ชัดคือคุณเติบโตขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะการจัดระเบียบร่างกายของคุณให้เข้ากับเพลง Impurities เป็นไปได้ไหมว่า นอกจากที่เก่งขึ้นแล้ว คุณยังค้นพบสไตล์การแสดงของตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
ซากุระ: ฉันต่างจากเมื่อก่อนแบบคนละเรื่องเลยค่ะตอนนี้ สมัยที่เราแสดง FEARLESS ฉันจดจ่อกับการแสดงเพื่อให้เห็นการพัฒนาของฉํน แต่ในอัลบัมนี้ฉันเริ่มค่อยๆที่จะเรียนรู้ว่าฉันถนัดแนวไหน และอะไรที่จะทำให้การเต้นของฉันออกมาน่ามองที่สุด ในเพลง Impurities มันมีหลายท่อนเลยค่ะที่เราต้องผลัดกันแสดงทักษะการเต้นทีละคน ดังนั้นหลังจากที่เราฝึกเต้นท่ารวมเสร็จ ฉันจะอยู่ต่อเพื่อฝึกในส่วนของฉันให้มากขึ้น ซึ่งมันสำคัญมากๆค่ะ ฉันยังคงรู้สึกกดดันกับการร้องอยู่บ้าง แต่คุณโปรดิวเซอร์ได้บอกกับฉันว่า ตอนนี้เวลาฉันร้องเพลง เขาได้ยินสไตล์เฉพาะตัวของฉันในนั้นแล้ว มันรู้สึกดีมากๆค่ะที่ได้ยินเสียงของตัวฉันเองจริงๆตอนเราแสดงที่ AKARAKA เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยมั่นใจในการร้องมากนัก แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าพยายามทำไปเถอะ ถึงแม้มันจะออกมาไม่ดีนัก แต่มันก็จะทำให้ฉันได้รู้ถึงศักยภาพของตัวเองจริงๆค่ะ
WV: เราคิดว่านั่นแหละคือทัศนะคติที่อัลบัมนี้ต้องการ เพลงอย่าง “ANTIFRAGILE” และ. No Celestial” เป็นการแสดงที่ต้องการจะให้คุณปลดปล่อยความเป็นตัวคุณจริงๆออกมา และแสดงทุกสิ่งที่คุณมี
ซากุระ: ใช่เลยค่ะ คุณผู้กำกับการแสดงบอกฉันเสมอว่า “อย่ามัวแต่ห่วงสวย เต็มที่กับการแสดงซะ” แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับฉันคือการพยายามสนุกโดยไม่สนใจกล้องค่ะ ฉันเป็นไอดอลมานานมากซะจนเวลาเห็นกล้อง ฉันคิดไปเองโดยอัตโนมัติเลยว่าต้องแสดงสีหน้าท่าทางยังไง หรือต้องทำอะไรบ้าง ฉันเลยต้องหาวิดีโอการแสดงของศิลปินต่างชาติมานั่งดูเป็นตัวอย่างค่ะ อย่างเช่นของคุณ Olivia Rodrigo เขาไม่สนใจกล้องเลย เป็นธรรมชาติกันมากๆ ฉันเลยลองจินตนาการว่า ที่นี่เป็นห้องของฉัน และฉันจะสนุกกับมันเหมือนไม่มีใครเห็น ฉันพยายามฝึกแบบนั้นค่ะ และมันก็ตลกดี ฉันแอบเห็นสีหน้าตัวเองในกระจกแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ(หัวเราะ) ก็กังวลเหมือนกันว่ามันจะออกมาดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่ก็น่าตื่นเต้นดีค่ะ
WV: ว่ากันว่าตัวตนของคุณจะสะท้อนออกมาในการเคลื่อนไหวเมื่อคุณเต้น คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเกี่ยวกับตัวเองบ้างไหม
ซากุระ: คุณผู้กำกับการแสดงก็บอกแบบนี้เป๊ะเลยค่ะ(หัวเราะ) ตัวตนของเราจะออกมากับการเต้น ตอนฉันเต้น ฉันมักจะอยากเข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวมันออกมาเป็นแบบนี้ ทั้งที่ฉันก็เคลื่อนไหวแบบเดิมตลอดค่ะ แต่ความรู้สึกต่างหากที่สำคัญสำหรับการเต้น มันเป็นสิ่งที่อธิบายด้วยคำพูดลำบาก ฉันน่าจะต้องการเวลาในการทำความเข้าใจมันอีกนิดค่ะ
WV: ปกติคุณเป็นคนค่อนข้างมีเหตุผลมาก คุณคิดว่าการที่ต้องแสดงโดยใช้อารมณ์เป็นหลักในเพลงอย่าง “ANTIFRAGILE” และ “No Celestial” เปลี่ยนแปลงอะไรในตัวคุณบ้าง
ซากุระ: เมมเบอร์บางคนเก่งและเอนจอยกับอะไรแบบนี้ค่ะ ยุนจินกับแชวอนได้รับการตอบรับที่ดีในการแสดงสีหน้าของพวกเธอใน ANTIFRAGILE ฉันเลยคิดว่าจะลองเอนจอยไปกับมันดูบ้าง ก็เลยรู้สึกเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นเวลาอยู่นอกเวทีค่ะ เวลาเราอัดรายการกันฉันก็พูดมากขึ้นด้วย(หัวเราะ) ฉันเคยคอยระมัดระวังคำพูดของฉัน และต้องปั้นหน้าสวยเวลาหัวเราะตลอดเวลา แต่ตอนนี้ฉันปล่อยไปตามสบายแล้วค่ะ
WV: นั่นแหละคือความหมายของ ANRIFRAGILE สิ่งที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแม้ว่าจะเจอเรื่องแย่หรือข้อบกพร่องของตัวเองขนาดไหน
ซากุระ: แน่นอนค่ะว่าทุกคนต่างก็เคยทำพลาด และก็มีสิ่งที่ไม่ถนัดอยู่ ฉันอยู่ในวงการมานาน มันก็จะมีบางช่วงที่ฉันคิดว่า “อา ฉันไม่ค่อยจะเก่งเท่าไหร่เลย” ฉันคิดว่าการยอมรับเรื่องนั้นมันคือความ ANTIFRAGILE ในความหมายของฉันค่ะ ไม่มีใครอยากจะมองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง เราก็จะแค่พยายามทำลืมๆมันไปเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ความผิดพลาดมันคือส่วนนึงของสิ่งที่คุณเป็น และสิ่งที่กำลังจะเป็น เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเราเข้าใจและยอมรับทุกสิ่ง ทุกความสำเร็จและความล้มเหลวเล็กๆมันรวมตัวกันเป็นตัวฉันทุกวันนี้ค่ะ
WV: นั่นทำให้ฉันนึกถึงเนื้อเพลงท่อนนึงที่คุณเขียนในเพลง “Good Part ” : “ฉันอยากจะรักตัวฉัน ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายยังไงก็ตาม”
ซากุระ: บางครั้งฉันเห็นคอมเมนท์บนอินเตอร์เน็ต ที่ผู้คนตัดสินตัวตนไอดอลจากเรื่องผิดพลาดแค่เรื่องเดียว และมันรู้สึกแย่มากที่เห็นพวกเค้าต้องทนทุกข์เพราะเรื่องพวกนี้ เวลาฉันเห็นคอมเมนท์ที่จงใจโจมตีถึงตัวฉัน จนฉันรู้สึกว่า “นี่ที่ผ่านมาฉันแย่ขนาดนั้นเลยจริงๆเหรอ?” “ตัวฉันไม่มีข้อดีอะไรเลยเหรอ?” แต่ในความเป็นจริง เรื่องพวกนั้นมันก็ทำให้ตัวฉันเป็นฉันในทุกวันนี้ ตอนที่ฉันเขียนเนื้อเพลงนี้ ฉันคิดว่ามันคงจะดีนะถ้ามีแม้สักคนเข้าใจความรู้สึกของฉันบ้าง นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะสื่อถึงผู้คนที่กำลังลังเลสงสัยในตัวเอง ให้รู้จักรักตัวเองไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน
WV:ในสารคดี เราเห็นคุณคุยกับยุนจินก่อนเดบิวท์ว่า “ฉันก็อยากจะคิดว่าฉันไม่เป็นไร แต่ถึงจะคิดแบบนั้นได้จริงฉันก็คงไม่เชื่อตัวเองอยู่ดี จริงไหม ทำไมมันยากขนาดนี้” เป็นไปได้ไหมว่าเพลง “Good Part ” คือคำตอบของคำถามนั้น
ซากุระ : ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ค่ะ(หัวเราะ) “Good Part ” เนื้อหาจะเกี่ยวกับคนที่อยากจะรักและภูมิใจในตัวเอง ถึงแม้ว่าอาจจะยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มที่ก็ตาม เพราะมันจะมีบางวันที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เราคิดแม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหน และบางวันที่เรารู้สึกแย่และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำอะไรให้ดีไม่ได้สักอย่าง แต่นั่นมันก็คือส่วนหนึ่งของเรานี่คะ ดังนั้นมันจะดีกว่าไหมที่จะยอมรับมัน และพยายามทำให้ดีที่สุด บางครั้งเราอาจเกลียดตัวเองเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันบางครั้งเราก็ตื่นเต้นที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง ฉันคิดว่าเพลงนี้พูดถึงอารมณ์เหล่านั้นค่ะ
มีต่อ คห1.