ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 2 (ต่อ)
ล. วิลิศมาหรา
พรานถมมองดูร่องรอยบนพื้นดินและข้างทาง ที่กิ่งไม้ใบไม้มีรอยถูกหักฟัน คล้ายมีคนบุกเบิกเข้ามา
“รอยยังใหม่อยู่ แสดงว่าเพิ่งผ่านไปไม่นาน ไม่น่าจะเป็นพวกพรานเหมือนพวกเรา ร่องรอยน่าจะมาจากฝั่งพม่า เพราะที่ผ่านมาทางฝั่งเรา ไม่มีร่องรอยบุกป่าเข้ามาเลย หรือว่าจะเป็นพวกขนของเถื่อนจากฝั่งพม่าเข้ามาที่ฝั่งเรา ข้าว่า เปลี่ยนไปทางอื่นดีไหมวะ”
เขาหันมาหารือกับคู่หู ข่าวว่าพวกหากินกับของเถื่อนแถวชายแดน มักทำร้ายผู้คนที่ผ่านไปเห็นพวกมันเข้า พรานเยี่ยมยังไม่ทันตอบเพื่อน สายตาก็เหลือบไปเห็นเหมือนร่างคนนอนคุดคู้อยู่ในพงหญ้า
“เฮ้ย! นั่นมันคนนี่หว่า”
เขาอุทานออกมา พรานถมมองตามก็สังเกตเห็นว่าเป็นร่างคนจริง ๆ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในพงหญ้าที่บางส่วนราบเป็นทาง คล้ายกับมีการดิ้นรนต่อสู้กันในบริเวณนั้น นายพรานทั้งสองค่อย ๆ ก้าวช้า ๆ อย่างระมัดระวังเข้าไปหา เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนเมื่อมองเห็นชัด ทั้งคู่ก็ถึงกับตกตะลึงต่อสภาพร่างกายของมนุษย์ผู้ชาย ที่ไม่ได้มีแค่ร่างเดียว แต่มีถึงสองร่าง นอนตายอยู่ห่างกันไปคนละทิศละทาง ที่เหมือนกันก็คือร่างไร้ชีวิตเหล่านั้นมีเลือดสด ๆ ไหลนองจากช่องท้องและลำตัวที่มีแต่แผลฉกรรจ์เต็มตัวไปหมด
“พวกขนของเถื่อนจริง ๆ พวกมันน่าจะถูกควายป่าขวิดตาย”
พรานถมมองดูถุงย่ามและเป้สะพายหลังหลายใบ ที่หล่นตกอยู่ใกล้ซากศพ สิ่งของภายในหล่นออกมา ตราประทับหราบนห่อสิ่งของ บอกให้รู้ว่า มันคือยาเสพติดชนิดที่อันตรายที่สุดในยุคนั้น เขานั่งลงวางถุงย่ามของตัวเองไว้ข้างตัว ก้มลงพิจารณาดูศพ ยังไม่ทันทำอะไร พลันก็มีเสียงคนหลายคนบุกป่าเข้ามาด้วยอาการเร่งร้อน พรานเยี่ยมแตะหลังเพื่อน ทั้งคู่เผ่นจากที่ตรงนั้นเข้าไปบังโขดหินขนาดใหญ่ใกล้ ๆ เพื่อซุ่มดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ไม่นานก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสงครามในมือหลายคน มุ่งหน้าตรงมาที่ซากศพ คนทั้งหมดเร่งเก็บของที่หล่นตก และรีบกุลีกุจอช่วยกันขุดหลุม เพื่อฝังกลบร่างของคนเคราะห์ร้ายทั้งหมด ที่คงต้องเป็นพรรคพวกของพวกมันอย่างเร่งด่วน แต่มีบางคนสังเกตเห็นถุงย่ามของพรานถมที่วางอยู่ข้างศพ จึงชี้ให้คนอื่นดู ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาไปรอบ ๆ
สองพรานหลังโขดหินใจเต้นตุ้ม ๆ ต้อม ๆ เพราะไม่แน่ใจ หากพวกมันรู้มีคนแอบดูอยู่ จะทำยังไงกับพวกตน ปืนยาวที่มีอยู่ อานุภาพเทียบไม่ได้กับอาวุธร้ายแรงของพวกมัน ถึงจะมีวิชาคงกระพันอยู่ก็ตาม ทั้งคู่หันมาสบตากัน รีบมองหาลู่ทางรับมือกับพวกมัน หากต้องลงมือต่อสู้กันจริง ๆ
และโดยไม่นึกฝัน นกเค้าแมวตัวนั้นก็บินถลาผ่านหน้าไปทางด้านหลังของคนทั้งสอง พรานเยี่ยมมองตามไป รู้สึกเหมือนมันจะบอกทางให้ตามมันไป เขาพยักหน้ากับพรานถม ก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังห่างออกจากโขดหิน แล้วย่องตามนกไป ทันใดนั้น หูก็ได้ยินเสียงสัตว์ขนาดใหญ่หลายตัว วิ่งคึก ๆ ตรงรี่มา ตัวของมันคงใหญ่โตมาก เพราะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดิน
“ควายป่า”
พรานเยี่ยมกระซิบบอกเพื่อน ทั้งคู่รีบมองหาต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ปีนขึ้นไปอย่างว่องไว ไม่นานเสียงปืนก็ดังรัวขึ้นถี่ยิบ จากปากกระบอกปืนหลายกระบอก ทั้งคู่เขม้นมองลอดกิ่งไม้ใบไม้ลงไป แล้วก็ต้องพากันขนลุกซู่ เมื่อเห็นฝูงควายตัวใหญ่จำนวนสี่ห้าตัว พุ่งทะยานเข้าทั้งขวิดทั้งชนกลุ่มคนด้านล่าง ใช้กีบเท้าที่แข็งเหมือนเหล็กของมัน เหยียบย่ำลงบนลำตัวคนที่ล้มลง เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนดังลั่นป่า ฝูงควายที่บ้าคลั่งก้มลงใช้เขาอันแหลมคมของมันขวิดไม่ยั้ง ดวงตาแดงฉานสองข้างของพวกมัน รวมทั้งผิวเนื้อที่แข็งกระด้างจนลูกกระสุนยิงไม่ทะลุ บ่งบอกให้รู้ว่า ควายฝูงนี้ไม่ใช่ควายธรรมดา แต่เป็นควายที่ถูกปลุกเสกด้วยคาถาอาคมขึ้นมาใช้งาน
ไม่นานเสียงร้องโอดโอยก็เงียบไป พร้อมกับลมหายใจของเหล่ากองทัพมด ที่พากันนอนตายเกลื่อน จากนั้นฝูงควายก็ผละไป พรานเยี่ยมทำสัญญาณให้พรานถมลงมาจากต้นไม้
“รีบไปเก็บเอาถุงย่ามของเรามา เดี๋ยวต้องมีพวกมันมาเก็บเอาของไป พวกมาทีหลังมันปล่อยควายมา เพื่อปล้นเอาของนั่นเอง ท่าทางพวกมันจะมีวิชา ถึงได้ใช้ควายเสกมาทำร้ายพวกนั้นได้” เขาบอกเพื่อน พลางหันมองทางที่เจ้านกบินหายไป
“ไปทางนั้นกันก่อน ทางไปโป่งอาจไปเจอพวกมันเข้า”
ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งไปคว้าเอาถุงย่ามมาให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันขยับตัวไปไหน หูก็แว่วเสียงวิ่งคึก ๆ ของฝูงควายดังขึ้นอีก พร้อมร่างดำทะมึนวิ่งตะบึงเข้ามาหา
อัดเสียงตอนนี้เสร็จแล้วค่ะ ไปติดตามนายพรานทั้งสองได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/Dz6fx2jfFM0
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 2 (ต่อ)
“รอยยังใหม่อยู่ แสดงว่าเพิ่งผ่านไปไม่นาน ไม่น่าจะเป็นพวกพรานเหมือนพวกเรา ร่องรอยน่าจะมาจากฝั่งพม่า เพราะที่ผ่านมาทางฝั่งเรา ไม่มีร่องรอยบุกป่าเข้ามาเลย หรือว่าจะเป็นพวกขนของเถื่อนจากฝั่งพม่าเข้ามาที่ฝั่งเรา ข้าว่า เปลี่ยนไปทางอื่นดีไหมวะ”
เขาหันมาหารือกับคู่หู ข่าวว่าพวกหากินกับของเถื่อนแถวชายแดน มักทำร้ายผู้คนที่ผ่านไปเห็นพวกมันเข้า พรานเยี่ยมยังไม่ทันตอบเพื่อน สายตาก็เหลือบไปเห็นเหมือนร่างคนนอนคุดคู้อยู่ในพงหญ้า
“เฮ้ย! นั่นมันคนนี่หว่า”
เขาอุทานออกมา พรานถมมองตามก็สังเกตเห็นว่าเป็นร่างคนจริง ๆ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในพงหญ้าที่บางส่วนราบเป็นทาง คล้ายกับมีการดิ้นรนต่อสู้กันในบริเวณนั้น นายพรานทั้งสองค่อย ๆ ก้าวช้า ๆ อย่างระมัดระวังเข้าไปหา เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนเมื่อมองเห็นชัด ทั้งคู่ก็ถึงกับตกตะลึงต่อสภาพร่างกายของมนุษย์ผู้ชาย ที่ไม่ได้มีแค่ร่างเดียว แต่มีถึงสองร่าง นอนตายอยู่ห่างกันไปคนละทิศละทาง ที่เหมือนกันก็คือร่างไร้ชีวิตเหล่านั้นมีเลือดสด ๆ ไหลนองจากช่องท้องและลำตัวที่มีแต่แผลฉกรรจ์เต็มตัวไปหมด
“พวกขนของเถื่อนจริง ๆ พวกมันน่าจะถูกควายป่าขวิดตาย”
พรานถมมองดูถุงย่ามและเป้สะพายหลังหลายใบ ที่หล่นตกอยู่ใกล้ซากศพ สิ่งของภายในหล่นออกมา ตราประทับหราบนห่อสิ่งของ บอกให้รู้ว่า มันคือยาเสพติดชนิดที่อันตรายที่สุดในยุคนั้น เขานั่งลงวางถุงย่ามของตัวเองไว้ข้างตัว ก้มลงพิจารณาดูศพ ยังไม่ทันทำอะไร พลันก็มีเสียงคนหลายคนบุกป่าเข้ามาด้วยอาการเร่งร้อน พรานเยี่ยมแตะหลังเพื่อน ทั้งคู่เผ่นจากที่ตรงนั้นเข้าไปบังโขดหินขนาดใหญ่ใกล้ ๆ เพื่อซุ่มดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ไม่นานก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสงครามในมือหลายคน มุ่งหน้าตรงมาที่ซากศพ คนทั้งหมดเร่งเก็บของที่หล่นตก และรีบกุลีกุจอช่วยกันขุดหลุม เพื่อฝังกลบร่างของคนเคราะห์ร้ายทั้งหมด ที่คงต้องเป็นพรรคพวกของพวกมันอย่างเร่งด่วน แต่มีบางคนสังเกตเห็นถุงย่ามของพรานถมที่วางอยู่ข้างศพ จึงชี้ให้คนอื่นดู ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาไปรอบ ๆ
สองพรานหลังโขดหินใจเต้นตุ้ม ๆ ต้อม ๆ เพราะไม่แน่ใจ หากพวกมันรู้มีคนแอบดูอยู่ จะทำยังไงกับพวกตน ปืนยาวที่มีอยู่ อานุภาพเทียบไม่ได้กับอาวุธร้ายแรงของพวกมัน ถึงจะมีวิชาคงกระพันอยู่ก็ตาม ทั้งคู่หันมาสบตากัน รีบมองหาลู่ทางรับมือกับพวกมัน หากต้องลงมือต่อสู้กันจริง ๆ
และโดยไม่นึกฝัน นกเค้าแมวตัวนั้นก็บินถลาผ่านหน้าไปทางด้านหลังของคนทั้งสอง พรานเยี่ยมมองตามไป รู้สึกเหมือนมันจะบอกทางให้ตามมันไป เขาพยักหน้ากับพรานถม ก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังห่างออกจากโขดหิน แล้วย่องตามนกไป ทันใดนั้น หูก็ได้ยินเสียงสัตว์ขนาดใหญ่หลายตัว วิ่งคึก ๆ ตรงรี่มา ตัวของมันคงใหญ่โตมาก เพราะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดิน
“ควายป่า”
พรานเยี่ยมกระซิบบอกเพื่อน ทั้งคู่รีบมองหาต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ปีนขึ้นไปอย่างว่องไว ไม่นานเสียงปืนก็ดังรัวขึ้นถี่ยิบ จากปากกระบอกปืนหลายกระบอก ทั้งคู่เขม้นมองลอดกิ่งไม้ใบไม้ลงไป แล้วก็ต้องพากันขนลุกซู่ เมื่อเห็นฝูงควายตัวใหญ่จำนวนสี่ห้าตัว พุ่งทะยานเข้าทั้งขวิดทั้งชนกลุ่มคนด้านล่าง ใช้กีบเท้าที่แข็งเหมือนเหล็กของมัน เหยียบย่ำลงบนลำตัวคนที่ล้มลง เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนดังลั่นป่า ฝูงควายที่บ้าคลั่งก้มลงใช้เขาอันแหลมคมของมันขวิดไม่ยั้ง ดวงตาแดงฉานสองข้างของพวกมัน รวมทั้งผิวเนื้อที่แข็งกระด้างจนลูกกระสุนยิงไม่ทะลุ บ่งบอกให้รู้ว่า ควายฝูงนี้ไม่ใช่ควายธรรมดา แต่เป็นควายที่ถูกปลุกเสกด้วยคาถาอาคมขึ้นมาใช้งาน
ไม่นานเสียงร้องโอดโอยก็เงียบไป พร้อมกับลมหายใจของเหล่ากองทัพมด ที่พากันนอนตายเกลื่อน จากนั้นฝูงควายก็ผละไป พรานเยี่ยมทำสัญญาณให้พรานถมลงมาจากต้นไม้
“รีบไปเก็บเอาถุงย่ามของเรามา เดี๋ยวต้องมีพวกมันมาเก็บเอาของไป พวกมาทีหลังมันปล่อยควายมา เพื่อปล้นเอาของนั่นเอง ท่าทางพวกมันจะมีวิชา ถึงได้ใช้ควายเสกมาทำร้ายพวกนั้นได้” เขาบอกเพื่อน พลางหันมองทางที่เจ้านกบินหายไป
“ไปทางนั้นกันก่อน ทางไปโป่งอาจไปเจอพวกมันเข้า”
ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งไปคว้าเอาถุงย่ามมาให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันขยับตัวไปไหน หูก็แว่วเสียงวิ่งคึก ๆ ของฝูงควายดังขึ้นอีก พร้อมร่างดำทะมึนวิ่งตะบึงเข้ามาหา
อัดเสียงตอนนี้เสร็จแล้วค่ะ ไปติดตามนายพรานทั้งสองได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/Dz6fx2jfFM0