อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่7)





บทที่ 7 ลางสังหรณ์

ชิตชัย   "สรุปแล้ว เธอคนนั้นก็คือ นิษา ใช่ไหมผมหมายถึงผู้หญิงที่ตายไปน่ะ"

ชลนที   "ใช่แล้วครับ คือเรื่องนี้มันค่อนข้างจะซับซ้อน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผมอยากให้คุณค่อยๆฟังจากปากผมไปทีละขั้นๆก็แล้วกัน"

ชิตชัย   " แล้วเป็นไงต่อ คุณตกลงสืบเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง"

ชลนที   "ใช่ หลังจากที่ผมฝัน"

         เมื่อกลับบ้านทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย และหลังจากที่ผมไม่ได้ฝันมาหลายคืน คืนนั้นผมก็กลับมาฝันถึงมันอีกครั้ง
 
ชิตชัย   "คุณฝันถึงเรื่องนั้นอีกเหรอ"

         ใช่ ครั้งนี้ไม่มีเธอและน้าเอ้ มีแค่ผมคนเดียวที่เดินเข้าไปในป่านั้น เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆและหยุดตรงที่เดิม ใต้เห็นตันตะแบกยักษ์ขนาดสี่คนโอบต้นนั้น ผมจำได้เพราะมันปรากฏอยู่ในความฝันทุกๆครั้งของผม และใช่ ที่ใต้ต้นตะแบกใหญ่นั้นก็คือหลุมที่น้าเอ้ขุดเอาไว้ในความฝันครั้งก่อนนั้นเอง ผมหยุดอยู่ที่หน้าหลุมนั้นเหมือนเดิม ผมเริ่มหันมองซ้ายขวาราวกับถูกสะกด มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสั่งให้ผมจดจำภูมิประเทศที่เห็น ซึ่งเคยเลือนรางในความฝันครั้งก่อน แต่ในครั้งนี้มันกลับชัดเจนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

         ผมจำไม่ได้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ มาสะดุ้งอีกทีเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ความจริงมันคล้ายเสียงนาฬิกาปลุกมากกว่า นึกว่าตัวเองตื่นเสียแล้วแต่ก็เปล่ายังอยู่ในความฝันนั้นแหละ ผมออกเดินไปรอบๆพยายามมองหาต้นต่อของเสียงนั้น แต่ก็ไม่พบจนในที่สุดก็เดินเวียนมาหยุดอยู่ปากหลุมอีกครั้ง ใช่ ไอ้หลุมเวรนี่อีกแล้ว ผมค่อยๆขุดดินออกมา ลึกลงไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็พบกับโทรศัพท์เจ้าของเสียง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์แปลกๆที่ไม่ได้เมมชื่อกำลังโทรเข้ามา ผมลองกดรับแล้วรอฟังปลายสายพูด แต่ก็เงียบ และพอขยับปากจะพูด ก็ดันรู้สึกตัวตื่นเสียก่อนเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่ข้างหูที่ผมตั้งเวลาเอาไว้ และมันก็ดังอยู่นานพอสมควรแล้ว

ชิตชัย   "ผมรู้สึกว่าฝันนั้นอาจกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างกับคุณ"

ชลนที   "ผมก็รู้สึกเช่นนั้น มันจึงเป็นอีกหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่ทำให้ผมต้องลงมือสืบเรื่องนี้ต่อ"

         หลังจากตื่นนอน ผมก็โทรไปหาพิมพกาเลขาของผมทันที

         "อ่า หวัดดีจ้ะ เป็นไงบ้าง ณรงค์อยู่หรือเปล่า อ้อ ออกไปข้างนอกเหรอ อืมๆ แล้วเรื่องอมรชัยที่ให้ตามหาล่ะคืบหน้าอย่างไรบ้าง หา หายไปเลยเหรอ หายไปไหน เหรอ งั้นก็ที่นี่น่ะสิ แน่นะ อืม แล้วตอนที่ออกจากบ้านไปเป็นช่วงเวลาไหน หา สามปีกว่าแล้วเหรอ ขอวันเวลาแบบชัดๆหน่อย เดี้ยวขอฉันหาปากกาก่อนนะ เอาล่ะว่ามา อืมๆ ขอบใจมาก ไว้จะติดต่อไปนะ"
 
         ผมมานั่งนึกวันที่นิษาตาย จากคำบอกเล่าของผู้หญิงคนที่อ้างว่าเป็นลัดดา มันเป็นช่วงต้นปี และเมื่อเทียบเคียงกับวันที่อมรชัยหายตัวออกไปจากบ้าน มันก็เป็นเวลาที่ห่างกันประมาณเจ็ดเดือน ซึ่งอมรชัยบอกกับแม่ของเขาก่อนที่จะออกจากบ้านไปว่า จะไปเก็บของที่บ้านของนิษา ก่อนที่จะหายตัวไป คำถามก็คือเขากลับที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร เพื่อเก็บของจริงๆน่ะหรือ แต่ถึงเรื่องนี้จะน่าสงสัยมากแค่ไหน ผมก็ยังมีเรื่องอื่นให้ต้องไปทำอยู่ดี และในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ผมก็ต่อสายถึงเอนกทันที

         "เอนกเหรอ ฉันเองนะโว้ย แกเข้ามาหาฉันที่บ้านหน่อยสิ เออ เข้ามาก่อนเถอะ แล้วเดี้ยวค่อยคุยกัน เจอกันในอีกครึ่งชั่วโมง บาย"

         ผ่านไปไม่นานผมก็มานั่งจ๊องอยู่บนรถของเอนก 

         "ฉันเดาไม่ผิด ว่าแล้วนายต้องปฏิเสธแม่นั่นไม่ลง" 

         "มันไม่ใช่แค่เธอน่ะสิ"

         "หมายความว่าไง"

         "ฉันกำลังสงสัยว่าการตายของนิษา อาจจะเกี่ยวข้องกับหลานสาวของฉันที่ตายในเวลาไล่เลี่ยกันน่ะสิ"

         "หลานนายที่ชื่อ มิ้น น่ะเหรอ"

         "ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนกับนิษา แถมยังสนิทกันมากเสียด้วย"

         "เอาล่ะ ฉันจะพยายามเชื่อแกก็แล้วกัน แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนกันดีล่ะ"

         "เราจะไปที่สถานีตำรวจ งานนี้ฉันต้องพึ่งนาย ตำรวจกับตำรวจคุยกันจะง่ายกว่า"

         "แต่นี่มันไม่ใช่ท้องที่ของฉันสักหน่อย" 

         "นายคงต้องใช้วาทะศิลป์หน่อยล่ะ ฉันอยากให้นายเข้าไปคุยกับพวกเขา ขอดูสมุดบันทึกประจำวันย้อนหลัง และรายชื่อของตำรวจที่ทำคดีของกำนัลการ และนิษากับมิ้น"

         "เออๆ ฉันจะลองเข้าไปคุยกับพวกนั้นดู"

         ผมขับรถมาส่งเอนกที่หน้าโรงพัก นั่งรออยู่อย่างนั้น ในขณะที่สมองก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนผ่าไปสัก 45 นาทีเห็นจะได้ เอนกก็เดินยิ้มแป้นเข้ามาที่รถ 

         "เป็นไงบ้าง"
         "คดีของนิษากับมิ้นไม่มีอะไรที่น่าสนใจ พวกเขาสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แล้วนายตำรวจเพียงคนเดียวที่รับทำคดีก็เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ไม่รู้เรื่องอะไร ในตอนนั้นอะนะ"

         "ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วเรื่องคดีของกำนัลการล่ะ"

         "จบได้สวย จับได้หมดยกแก็งค์ทั้งไทยและต่างชาติ มีหลักฐานและของกลางครบ ฉันว่าไอ้กำนัลการนี่ ต่อให้ไม่ป่วยตายยังไงก็ต้องเน่าตายในคุกอยู่แล้ว เพราะคดียาวเป็นหางว่าวเลย"

         "แล้วนายตำรวจที่ทำคดีล่ะ ชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ไหน"

         "ชื่อหมวดจักรกฤษ ยศในตอนนั้นอ่ะนะ เขาสังกัดอยู่หน่วยปราบปรามยาเสพติค ตอนนี้ย้ายไปประจำอยู่ที่กรุงเทพแล้ว"

         "มีเบอร์โทรติดต่อเขาไหม"

         "มีสิ ฉันแอบดึงกระดาษนี่ติดมือมาด้วย"

         "อืม ขอบใจมาก นายนี่มันรอบคอบจริงๆ ฉันคิดว่าจะต้องไปคุยกับผู้หมวดสักหน่อยแล้ว" 

         เย็นวันนั้นหลังจากที่วางสายจากผู้กองจักรกฤษ ผมก็รีบเก็บเสื้อผ้า เพื่อเดินทางไปพบเขาที่กรุงเทพทันทีตามที่ได้นัดกันเอาไว้ ผมเลือกเดินทางในกลางดึกคืนนั้นเลย เนื่องจากผู้กองมีเวลาว่างไม่มากนัก หลังจากนั่งหลับๆตื่นๆอยู่นานรถทัวร์ก็เดินทางมาถึงกรุงเทพในตอนสายของวันใหม่ จากนั้นก็เดินเล่นต่ออีกสักพักเพื่อรอเวลาที่ผู้กองพักเที่ยง และหลังจากเดินเตร่อยู่หน้าร้านได้สักครู่ สายตาของผมก็เลือบไปเห็นนายตำรวจรุ่นใหญ่คนหนึ่งท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่ที่โต๊ะแถวหน้า คล้ายกับกำลังรอใครสักอย่างใจเย็น ผมรู้ได้ทันทีเลยว่านายตำรวจท่านนี้จะต้องเป็นผู้กองจักรกฤษแน่

         "สวัสดีครับผู้กอง ผมชลนทีครับ คนที่โทรไปเมื่อคืนนี้"

         "อืมๆ หวัดดี นั่งก่อนสิ จะรับอะไรไหม"

         "ขอแค่น้ำเปล่าก็พอครับ" 

         "แล้ว จะให้ผมเล่าตรงไหนก่อน"

         "ก็ ตั้งแต่แรกเลยครับ เริ่มจากเรื่องสายที่ทำงานให้คุณ"

         "เรื่องนั้นผมเปิดเผยไม่ได้หรอกครับ" 

         "แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมั้งครับ"

         "คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"

         "ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนี่ครับ เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่อยากจะเปิดเผยเรื่องที่ปล่อยให้ผู้หญิงไปทำงานอันตรายอย่างนั้น"

         "ผมไม่เคยบังคับ พวกเธออาสามาเอง โทรมา เหมือนกับคุณ"

         "พวกเธองั้นเหรอ ?" 

         "ก็มีกันสองคน นิษา กับเพื่อนสนิทของเธอ"
 
         "อีกคนหนึ่งชื่อว่ามิ้นใช่ไหม ?" 

         "ใช่ คุณรู้จักเหรอ"

         "เธอเป็นหลานสาวของผมเอง"

         "โอ่ ผมเสียใจด้วย แต่การตายของพวกเธอมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานที่เธอทำ พวกเราปิดงานกันไปก่อนที่พวกเธอจะเสียชีวิตซะอีก"

         "คุณเชื่ออย่างนั้นจริงๆน่ะเหรอ คุณเชื่อว่าการที่สายสองคนที่ทำงานให้คุณได้ตายในเวลาไล่เลี่ยกัน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานที่พวกเธอทำอย่างนั้นเหรอ ?"

         "ก็จะให้ผมทำไง ผมก็เตือนไปแล้วว่ามันอันตราย แต่พวกเธอก็ไม่ยอมฟัง เธอเชื่อว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใกล้กำนัลการพอที่จะหาหลักฐานได้"
 
         "ช่วยเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ผมฟังอย่างละเอียดหน่อย"

         "เธอวางแผนเองทั้งหมด"

         "ใคร ?"

         "นิษา เธอเป็นคนพลักดันเรื่องนี้จนเกิดเป็นผลสำเร็จ โดยมีมิ้นเพื่อนของเธอเป็นผู้ช่วย เรื่องมันเริ่มมาจากที่เธอโทรมาแจ้งว่ามีการขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางหมู่บ้านของเธอส่งต่อไปยังกรุงเทพ โดยที่มีตำรวจและข้าราชการบางคนมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เผอิญวันนั้นผมเป็นคนรับโทรศัพท์พอดี ก็เลยบอกเธอไปว่าผมไม่สามารถจะทำอะไรได้หากไม่มีหลักฐาน เธอบอกว่าได้เดี้ยวจะหาหลักฐานมาให้ ทีแรกผมนึกว่าพูดเล่นหรือแค่โทรมาแกล้งสนุกๆ แต่เปล่าเลย ถัดจากนั้นไปอีกสองสามวันเธอก็นำมันมาให้กับผม"

         "อะไร ?" 
         "หลักฐานไง ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย เอกสารต่างๆ หรือแม้กระทั่งยา เราเริ่มจับตั้งแต่พวกรายเล็กๆ ไปจนถึงรายใหญ่ใช้เวลาอยู่หลายปีในที่สุดก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะจับกำนัลการและพรรคพวก"

         "แล้วพวกที่ขนยาล่ะ"

         "ก็ที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อจากนี้ไงล่ะ เมื่อถึงเวลานัดหมายผมก็นำกำลังบุกเข้าจับตัวกำนัลที่บ้าน ก่อนที่กองคาราวานขนยาจะผ่านเข้ามาตามวันและเวลาที่นิษาและมิ้นได้แจ้งเอาไว้ และหลังจากที่จับตัวกำนัลและพรรคพวกได้แล้ว พวกเราก็บังคับให้เขาติดต่อไปยังพวกขนยาเพื่อยืนยันสถานการณ์และให้พวกเขาขนยามายังจุดนัดพบตามเวลาที่นัดหมาย โดยที่มีตำรวจตะเวนชายแดนและพวกอาสาคอยดักซุ่มอยู่"

         "พวกอาสางั้นเหรอ ?" 

         "ตำรวจบ้านไง เราต้องพึ่งพวกนั้นเพราะเขาเป็นคนในพื้นที่ และเมื่อหลังจากเกิดการปะทะ พวกขนยาบางส่วนก็ถูกจับได้ บางส่วนก็ล่าถอยออกจากชายแดนไป ทิ้งของกลางเอาไว้ มีฝ่ายเราถูกยิงจนเสียชีวิตหนึ่งคน ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย อืม แต่มันก็มีเรื่องน่าแปลกเล็กๆเกิดขึ้นเหมือนกัน"

         "เรื่องอะไรเหรอครับ"

         "เรื่องของกลางนั้น คือต้องบอกก่อนว่าผมกับลูกน้องน่ะไม่ใช่ชุดที่เข้าปะทะในคืนนั้นนะ แต่ได้ยินพวกขนยาที่ถูกจับได้บางคนพูดกันว่า ตอนที่เข้าปะทะในคืนนั้นน่ะ เหมือนจะมีของกลางบางส่วนหายไป พวกนั้นให้การว่าตอนที่ขนมาน่ะมันมีมากกว่านั้น"

         "แล้วยังไงต่อ"

         "ผมก็ต้องหาความจริงเรื่องนี้ โดยการสืบสวนผู้ต้องสงสัยทุกคน ทั้งพวกอาสา และหมวดแสนชัยกับลูกน้องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็เหลว ไม่ว่าจะเอาคนพวกนี้เข้าเครื่องจับเท็จสักกี่ครั้งพวกเขาก็ผ่านตลอด เมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษใครได้ผมก็เลยต้องปล่อยเรื่องนี้ไป"

         "หลังจากนั้นคุณก็กลับมากรุงเทพ"

         "ใช่ ก็เสร็จงานผมแล้วนี่"

         "แล้วนิษาได้ติดต่อมาหาคุณบ้างไหม หลังจากนั้นน่ะ"
 
         "ไม่ ผมสั่งให้เธอไปเก็บตัวที่หอพักในเมือง ส่วนมิ้นก็อยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง ขอโทษนะ มีอะไรจะถามผมอีกไหม"

         "มีครับ คืนที่เกิดการปะทะนั้นทีมไหนที่เข้าถึงของกลางเป็นทีมแรก และเจ้าหน้าที่ตายเป็นพวกอาสาหรือตำรวจตะเวนชายแดน"

         "ตำรวจตะเวนชายแดนเป็นทีมแรกที่เข้าถึง แต่เพราะต้องติดตามพวกค้ายาที่ล่าถอย ก็เลยต้องให้ทีมอาสาเฝ้าของกลางเอาไว้ ผมทราบจากผลการสอบปากคำน่ะครับ อ้อ แล้วคนที่ตายก็เป็นหนึ่งในพวกอาสา"

         "ขอบคุณมากครับผู้กอง ข้อมูลที่ได้จากคุณ มีประโยชน์กับผมมากเลยครับ"

         "ถึงผมจะไม่รู้แน่ชัดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็พอจะเดาได้ ขอให้จับฆาตรกรให้ได้โดยเร็วนะครับ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่