น้ำท่วมหนัก "ผักสด-ข้าวเหนียว" ราคาพุ่ง "น้ำมันปาล์ม" ขาลงเหลือไม่ถึง 60 บาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_3621712
น้ำท่วมหนัก “ผักสด-ข้าวเหนียว” ราคาพุ่ง “น้ำมันปาล์ม” ขาลงเหลือไม่ถึง 60 บาท
วันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาของสดและของแห้งในตลาดแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ผลพวงจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ราคาผักสดยังปรับขึ้นหลายชนิด เช่น พริกขี้หนูสดราคาอยู่ที่170- 230 บาท/กิโลกรัม(กก.) กระชายขึ้น 40 บาท เป็น 80 บาท/กก. ใบโหระพาจาก 70-80 บาท/กก. เป็น 160 บาท/กก. ใบกระเพรา จาก 60 บาท/กก. เป็น 80 บาท/กก. ผักชีจาก 110 บาท/กก. เป็น 160 บาท/กก. ต้นหอมจาก130 บาท/กก. เป็น 180 บาท/กก. แตงกวาจาก 250 บาท/ถุง เป็น 350 บาท/ถุง ถั่วฟักยาว จาก 50 บาท/กก. เป็น 70 บาท/กก. เป็นต้น ขณะเดียวกันเริ่มเห็นข้าวสารขยับราคาขึ้น ล่าสุดข้าวเปลือกเหนียวขึ้นราคาอีก 20-30 บาท/กระสอบ
ปลาป๋อง-ผลิตภัณฑ์ถั่วขึ้นราคาต้นทุน
ส่วนของแห้ง ”
นางอุบล” เจ้าของร้านค้าในตลาดกล่าวว่า ช่วงนี้ยังมีสินค้าที่ปรับขึ้นราคาต้นทุนอยู่หลายรายการ ทำให้ขายได้กำไรลดลง ล่าสุดมีผลิตภัณฑ์ตระกูลถั่วขึ้นทั้งราคาต้นทุนและขนส่ง 2 บาท /กก. พริกป่นขึ้นต้นทุนจาก 155 บาท/กก. เป็น 170 บาท/กก.ขายปลีกอยู่ที่ 190 บาท/กก. ข้าวเหนียวบรรจุถุงขนาด 1 กก. ขึ้นราคาต้นทุน 3 บาท/ถุง ปลากระป๋องยี่ห้อโรซาร์ ขึ้นราคาต้นทุน 20 บาท/แพค(10 กระป๋อง) จาก 200 บาท/แพค เป็น 220 บาท/แพ็ค หรือเพิ่มขึ้น 2 บาท/กระป๋อง
“สินค้าบางอย่าง ไม่ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกตาม เพราะหากขายแพงก็ทำให้ขายยาก อย่างน้ำแดงเฮลบลูบอยที่ขึ้นราคา ขวดละ 10 บาท จาก 55 บาท เป็น 65 บาท ทำให้ขายได้ช้า ล่าสุดปรับลดราคาลงมาเหลือ 60 บาท” นางอุบลกล่าว
ปาล์มขวดไม่ถึง60บ.-ถั่วเหลืองยังนิ่ง
ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาในร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด สำหรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบรรจุ 10 ซอง ในโมเดิร์นเทรดยำยำอยู่ที่ 60 บาท ไวไว มาม่าและนิสชินอยู่ที่ 62 บาท ขณะที่น้ำมันพืชขวด 1 ลิตร ในร้านสะดวกซื้อน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 49-53 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลือง 67-69 บาท/ขวด ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ ส่วนในโมเดิร์นเทรดน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 48-54 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลือง 64-68 บาท/ขวด แต่มีในบางโมเดิร์นเทรดที่ขายอยู่ในสถานบริการน้ำมัน(ปั๊ม) ยังขายน้ำมันถั่วเหลืองบางยี่ห้ออยู่ที่ 70 บาท/ขวด ด้านร้านค้าในตลาดขายน้ำมันปาล์มราคาอยู่ที่ 50-52 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 65-70 บาท/ขวด
"วรวัจน์" จี้กกต.ออกระเบียบผ่อนปรน ให้ส.ส.ช่วยปชช.ประสบภัยน้ำท่วม
https://siamrath.co.th/n/391502
วันที่ 17 ต.ค. 65 นาย
วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต ว่าตั้งแต่มีสถานการณ์พายุโนรูที่ทำให้น้ำท่วมบริเวณภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางไปแล้ว วันนี้น้ำก็ท่วมหนักอีกที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้
กฎหมายเลือกตั้งคุมฝ่ายการเมือง ทำให้ไม่สามารถลงไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ แต่ทางรัฐบาลที่มีอำนาจหน้าที่ทำได้ กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่เป็นความใส่ใจในการลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงทีเลย นอกจากนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ไม่รู้ว่าทางรัฐบาลมัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองอยู่หรือไม่ จนละเลยพี่น้องประชาชนเช่นนี้ วันนี้น้ำท่วมทั่วทุกพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้แล้วแต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่ได้ขยับดำเนินการอะไรที่จริงจัง ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าให้อีก 8 จังหวัดภาคใต้ เตรียมรับมือน้ำ ซึ่งขณะนี้เองฝนก็ยังไม่หยุดตก วันนี้รัฐบาลทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีรัฐบาล เรายังไม่เคยเห็นแผนการจัดการน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากรัฐบาลนี้เลย ทั้งนี้ ภาคใต้จัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ
วันนี้จังหวัดหลักๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลเท่าที่ควร ที่ผ่านมาเราเข้าใจได้ว่าพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานทางรัฐบาลอาจมองว่าไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายตน แต่ขณะนี้ปัญหาก็เกิดที่ภาคใต้แต่รัฐบาลยังกลับนิ่งนอนใจ และไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี วันนี้รัฐบาลโยนภาระการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนตัวเองกลับไม่มี ”ใจ” ให้ประชาชน เท่าที่ควรจะเป็น นายวรวัจน์ กล่าว
นาย
วรวัจน์ กล่าวอีกว่า ตนขอเสนอให้รัฐบาลเข้ามาเยียวยา และเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนให้มากกว่าที่ท้องถิ่นทำอยู่ อาจจะดำเนินการโดยการมีงบประมาณพิเศษจัดสรรลงไปให้ หรือเปิดช่องให้จังหวัดสามารถใช้งบกรณีฉุกเฉินล่วงหน้าเพื่อป้องกันน้ำท่วมได้ไม่ใช่ให้ยึดเพียงแต่กรอบงบประมาณเยียวยาแบบเดิม อย่างไรก็ตาม สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยจัดวางงบประมาณโดยแบ่งเป็น 2 กรอบ คือ กรอบป้องกันน้ำท่วม คือให้มีการเตรียมการก่อนที่น้ำจะท่วม และกรอบที่จะใช้หลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว รัฐบาลนี้ก็น่าจะผลักดันให้มีมติเหมือนสมัย ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือให้จังหวัดสามารถใช้วงเงินงบประมาณได้ก่อนจะเกิดเหตุ เช่น อาจจะวางช่องทางการระบายน้ำ การทำแผงกั้นน้ำ หรือการขุดลอกเพิ่มเติมเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สถานการณ์หนัก ในช่วงที่พายุลูกใหม่กำลังจะเข้ามานี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ควรดูแบบอย่างของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า คนที่คิดถึงประชาชนเป็นหลักก่อนนั้น เขาทำงานกันอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมามีข่าวว่าประชาชนเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทบทวนกฎเหล็ก 180 วัน พร้อมกับแสดงความต้องการที่จะให้ส.ส.เข้าช่วยเหลือด้วย นาย
วรวัจน์ กล่าวว่า เราเห็นว่า ทาง กกต. ควรทบทวนเช่นกัน เอาเข้าจริงๆ แล้วมาทบทวนเอาตอนนี้ก็เกือบจะไม่ทันแล้ว การป้องกันไม่สามารถทำได้ก่อน ขณะนี้เหลือเพียงช่วยเหลือเรื่องของอาหารและสิ่งของจำเป็นแต่ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลเข้าไปดำเนินการใดๆ ขณะที่ท้องถิ่นเองก็ไม่ได้มีงบประมาณและมีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลในส่วนนี้ หากมีการผ่อนปรนระเบียบตรงนี้ไม่ได้ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ แต่ทุกพรรคสามารถดำเนินการได้อย่างเท่าเทียมกันหมด การที่กกต.เข้มงวดกับฝ่ายการเมืองในภาวะวิกฤต ก็ยังไม่ได้เห็นภาพว่ารัฐบาลลงไปช่วยเหลืออะไรประชาชนอยู่ดีสุดท้าย อยากให้ กกต.ดูว่า ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ หรืออุทกภัยลักษณะนี้ฝ่ายการเมืองจะสามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในช่องทางใดได้บ้าง โดย กกต.เขียนออกมาเป็นข้อยกเว้น หรือข้อกำหนดเลยก็ได้ว่าให้ทำอะไรได้บ้าง เพื่อผ่อนคลายกรอบการให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งอาจจะไม่ใช่การแจกของก็ได้
ชาวบ้านระทึก! น้ำชีไหลเชี่ยว เซาะพนังกั้นน้ำขาด ทะลักท่วมสูง เร่งอพยพผู้ประสบภัย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7319047
กาฬสินธุ์ ลำน้ำชีไหลเชี่ยว เซาะพนังกั้นน้ำขาดยาว 50 เมตร ทะลักท่วมบ้านสูง เร่งอพยพชาวบ้าน อำเภอฆ้องชัย ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประกาศขอรับข้าวสารอาหารแห้งช่วยเหลือ
17 ต.ค. 65 – ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายศุภศาย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอฆ้องชัย ระดมทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กู้ภัยเมตตาธรรมจีโหงวเกาะ และกำลังเสริมจากทุกภาคส่วน อพยพราษฎรออกจากพื้นที่น้ำท่วมมาที่ปลอดภัย
เบื้องต้น อำเภอฆ้องชัย ได้ตั้งศูนย์อพยพ และศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย พร้อมให้ทีมเฝ้าระวังรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยช่วงเช้าพนังกั้นลำชีขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร เจ้าหน้าที่เร่งอพยพชาวบ้านกว่า 460 คน โดยจ่าเอกประสงค์ จันทร์กระจ่าง ป้องกันจังหวัดกาฬสินธุ์ ระดมทีมเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน
สำหรับหมู่บ้านที่ประสบภัยครั้งนี้ประกอบด้วย บ้านโนนแดง หมู่ที่ 2 ระดับน้ำเฉลี่ย 30 เซนติเมตร บ้านกุดเชื่อม หมู่ที่ 3 ระดับน้ำ เฉลี่ย 1 เมตร อพยพขึ้นที่สูงบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ผู้อพยพจำนวน 100 คน
บ้านวังยางหมู่ที่ 5 ระดับน้ำ 2-3 เมตร ผู้อพยพจำนวน 160 คน อพยพไปที่ลานข้าวหมู่บ้าน และบนพนัง และบ้านสะดำศรี หมู่ที่ 8 ระดับน้ำ 2-3.5 เมตร ผู้อพยพ จำนวน 200 คน อาศัยพื้นที่หน้าบ้านนายก อบต.ลำชี และเขื่อนวังยาง
ส่วนสถานการณ์น้ำขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากกระน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และมีปริมาณมาก ทำให้เครื่องจักใหญ่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ทันที เบื้องต้นทุกฝ่ายได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือแล้ว
รวมถึงการประกาศขอรับข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบเหตุที่สามารถประสานมาได้ที่ 0639036517 หรือ 0641807371
JJNY : ท่วมหนัก"ผักสด-ข้าวเหนียว"ราคาพุ่ง│"วรวัจน์"จี้กกต.ผ่อนปรนให้ส.ส.ช่วยปชช.│น้ำชีเซาะพนังกั้นน้ำขาด│เกาหลีใต้ซ้อมรบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3621712
น้ำท่วมหนัก “ผักสด-ข้าวเหนียว” ราคาพุ่ง “น้ำมันปาล์ม” ขาลงเหลือไม่ถึง 60 บาท
วันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาของสดและของแห้งในตลาดแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ผลพวงจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ราคาผักสดยังปรับขึ้นหลายชนิด เช่น พริกขี้หนูสดราคาอยู่ที่170- 230 บาท/กิโลกรัม(กก.) กระชายขึ้น 40 บาท เป็น 80 บาท/กก. ใบโหระพาจาก 70-80 บาท/กก. เป็น 160 บาท/กก. ใบกระเพรา จาก 60 บาท/กก. เป็น 80 บาท/กก. ผักชีจาก 110 บาท/กก. เป็น 160 บาท/กก. ต้นหอมจาก130 บาท/กก. เป็น 180 บาท/กก. แตงกวาจาก 250 บาท/ถุง เป็น 350 บาท/ถุง ถั่วฟักยาว จาก 50 บาท/กก. เป็น 70 บาท/กก. เป็นต้น ขณะเดียวกันเริ่มเห็นข้าวสารขยับราคาขึ้น ล่าสุดข้าวเปลือกเหนียวขึ้นราคาอีก 20-30 บาท/กระสอบ
ปลาป๋อง-ผลิตภัณฑ์ถั่วขึ้นราคาต้นทุน
ส่วนของแห้ง ”นางอุบล” เจ้าของร้านค้าในตลาดกล่าวว่า ช่วงนี้ยังมีสินค้าที่ปรับขึ้นราคาต้นทุนอยู่หลายรายการ ทำให้ขายได้กำไรลดลง ล่าสุดมีผลิตภัณฑ์ตระกูลถั่วขึ้นทั้งราคาต้นทุนและขนส่ง 2 บาท /กก. พริกป่นขึ้นต้นทุนจาก 155 บาท/กก. เป็น 170 บาท/กก.ขายปลีกอยู่ที่ 190 บาท/กก. ข้าวเหนียวบรรจุถุงขนาด 1 กก. ขึ้นราคาต้นทุน 3 บาท/ถุง ปลากระป๋องยี่ห้อโรซาร์ ขึ้นราคาต้นทุน 20 บาท/แพค(10 กระป๋อง) จาก 200 บาท/แพค เป็น 220 บาท/แพ็ค หรือเพิ่มขึ้น 2 บาท/กระป๋อง
“สินค้าบางอย่าง ไม่ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกตาม เพราะหากขายแพงก็ทำให้ขายยาก อย่างน้ำแดงเฮลบลูบอยที่ขึ้นราคา ขวดละ 10 บาท จาก 55 บาท เป็น 65 บาท ทำให้ขายได้ช้า ล่าสุดปรับลดราคาลงมาเหลือ 60 บาท” นางอุบลกล่าว
ปาล์มขวดไม่ถึง60บ.-ถั่วเหลืองยังนิ่ง
ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาในร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด สำหรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบรรจุ 10 ซอง ในโมเดิร์นเทรดยำยำอยู่ที่ 60 บาท ไวไว มาม่าและนิสชินอยู่ที่ 62 บาท ขณะที่น้ำมันพืชขวด 1 ลิตร ในร้านสะดวกซื้อน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 49-53 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลือง 67-69 บาท/ขวด ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ ส่วนในโมเดิร์นเทรดน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 48-54 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลือง 64-68 บาท/ขวด แต่มีในบางโมเดิร์นเทรดที่ขายอยู่ในสถานบริการน้ำมัน(ปั๊ม) ยังขายน้ำมันถั่วเหลืองบางยี่ห้ออยู่ที่ 70 บาท/ขวด ด้านร้านค้าในตลาดขายน้ำมันปาล์มราคาอยู่ที่ 50-52 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 65-70 บาท/ขวด
"วรวัจน์" จี้กกต.ออกระเบียบผ่อนปรน ให้ส.ส.ช่วยปชช.ประสบภัยน้ำท่วม
https://siamrath.co.th/n/391502
วันที่ 17 ต.ค. 65 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต ว่าตั้งแต่มีสถานการณ์พายุโนรูที่ทำให้น้ำท่วมบริเวณภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางไปแล้ว วันนี้น้ำก็ท่วมหนักอีกที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้
กฎหมายเลือกตั้งคุมฝ่ายการเมือง ทำให้ไม่สามารถลงไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ แต่ทางรัฐบาลที่มีอำนาจหน้าที่ทำได้ กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่เป็นความใส่ใจในการลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงทีเลย นอกจากนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ไม่รู้ว่าทางรัฐบาลมัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองอยู่หรือไม่ จนละเลยพี่น้องประชาชนเช่นนี้ วันนี้น้ำท่วมทั่วทุกพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้แล้วแต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่ได้ขยับดำเนินการอะไรที่จริงจัง ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าให้อีก 8 จังหวัดภาคใต้ เตรียมรับมือน้ำ ซึ่งขณะนี้เองฝนก็ยังไม่หยุดตก วันนี้รัฐบาลทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีรัฐบาล เรายังไม่เคยเห็นแผนการจัดการน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากรัฐบาลนี้เลย ทั้งนี้ ภาคใต้จัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ
วันนี้จังหวัดหลักๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลเท่าที่ควร ที่ผ่านมาเราเข้าใจได้ว่าพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานทางรัฐบาลอาจมองว่าไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายตน แต่ขณะนี้ปัญหาก็เกิดที่ภาคใต้แต่รัฐบาลยังกลับนิ่งนอนใจ และไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี วันนี้รัฐบาลโยนภาระการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนตัวเองกลับไม่มี ”ใจ” ให้ประชาชน เท่าที่ควรจะเป็น นายวรวัจน์ กล่าว
นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ตนขอเสนอให้รัฐบาลเข้ามาเยียวยา และเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนให้มากกว่าที่ท้องถิ่นทำอยู่ อาจจะดำเนินการโดยการมีงบประมาณพิเศษจัดสรรลงไปให้ หรือเปิดช่องให้จังหวัดสามารถใช้งบกรณีฉุกเฉินล่วงหน้าเพื่อป้องกันน้ำท่วมได้ไม่ใช่ให้ยึดเพียงแต่กรอบงบประมาณเยียวยาแบบเดิม อย่างไรก็ตาม สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยจัดวางงบประมาณโดยแบ่งเป็น 2 กรอบ คือ กรอบป้องกันน้ำท่วม คือให้มีการเตรียมการก่อนที่น้ำจะท่วม และกรอบที่จะใช้หลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว รัฐบาลนี้ก็น่าจะผลักดันให้มีมติเหมือนสมัย ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือให้จังหวัดสามารถใช้วงเงินงบประมาณได้ก่อนจะเกิดเหตุ เช่น อาจจะวางช่องทางการระบายน้ำ การทำแผงกั้นน้ำ หรือการขุดลอกเพิ่มเติมเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สถานการณ์หนัก ในช่วงที่พายุลูกใหม่กำลังจะเข้ามานี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ควรดูแบบอย่างของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า คนที่คิดถึงประชาชนเป็นหลักก่อนนั้น เขาทำงานกันอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมามีข่าวว่าประชาชนเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทบทวนกฎเหล็ก 180 วัน พร้อมกับแสดงความต้องการที่จะให้ส.ส.เข้าช่วยเหลือด้วย นายวรวัจน์ กล่าวว่า เราเห็นว่า ทาง กกต. ควรทบทวนเช่นกัน เอาเข้าจริงๆ แล้วมาทบทวนเอาตอนนี้ก็เกือบจะไม่ทันแล้ว การป้องกันไม่สามารถทำได้ก่อน ขณะนี้เหลือเพียงช่วยเหลือเรื่องของอาหารและสิ่งของจำเป็นแต่ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลเข้าไปดำเนินการใดๆ ขณะที่ท้องถิ่นเองก็ไม่ได้มีงบประมาณและมีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลในส่วนนี้ หากมีการผ่อนปรนระเบียบตรงนี้ไม่ได้ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ แต่ทุกพรรคสามารถดำเนินการได้อย่างเท่าเทียมกันหมด การที่กกต.เข้มงวดกับฝ่ายการเมืองในภาวะวิกฤต ก็ยังไม่ได้เห็นภาพว่ารัฐบาลลงไปช่วยเหลืออะไรประชาชนอยู่ดีสุดท้าย อยากให้ กกต.ดูว่า ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ หรืออุทกภัยลักษณะนี้ฝ่ายการเมืองจะสามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในช่องทางใดได้บ้าง โดย กกต.เขียนออกมาเป็นข้อยกเว้น หรือข้อกำหนดเลยก็ได้ว่าให้ทำอะไรได้บ้าง เพื่อผ่อนคลายกรอบการให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งอาจจะไม่ใช่การแจกของก็ได้
ชาวบ้านระทึก! น้ำชีไหลเชี่ยว เซาะพนังกั้นน้ำขาด ทะลักท่วมสูง เร่งอพยพผู้ประสบภัย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7319047
กาฬสินธุ์ ลำน้ำชีไหลเชี่ยว เซาะพนังกั้นน้ำขาดยาว 50 เมตร ทะลักท่วมบ้านสูง เร่งอพยพชาวบ้าน อำเภอฆ้องชัย ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประกาศขอรับข้าวสารอาหารแห้งช่วยเหลือ
17 ต.ค. 65 – ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายศุภศาย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอฆ้องชัย ระดมทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กู้ภัยเมตตาธรรมจีโหงวเกาะ และกำลังเสริมจากทุกภาคส่วน อพยพราษฎรออกจากพื้นที่น้ำท่วมมาที่ปลอดภัย
เบื้องต้น อำเภอฆ้องชัย ได้ตั้งศูนย์อพยพ และศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย พร้อมให้ทีมเฝ้าระวังรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยช่วงเช้าพนังกั้นลำชีขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร เจ้าหน้าที่เร่งอพยพชาวบ้านกว่า 460 คน โดยจ่าเอกประสงค์ จันทร์กระจ่าง ป้องกันจังหวัดกาฬสินธุ์ ระดมทีมเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน
สำหรับหมู่บ้านที่ประสบภัยครั้งนี้ประกอบด้วย บ้านโนนแดง หมู่ที่ 2 ระดับน้ำเฉลี่ย 30 เซนติเมตร บ้านกุดเชื่อม หมู่ที่ 3 ระดับน้ำ เฉลี่ย 1 เมตร อพยพขึ้นที่สูงบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ผู้อพยพจำนวน 100 คน
บ้านวังยางหมู่ที่ 5 ระดับน้ำ 2-3 เมตร ผู้อพยพจำนวน 160 คน อพยพไปที่ลานข้าวหมู่บ้าน และบนพนัง และบ้านสะดำศรี หมู่ที่ 8 ระดับน้ำ 2-3.5 เมตร ผู้อพยพ จำนวน 200 คน อาศัยพื้นที่หน้าบ้านนายก อบต.ลำชี และเขื่อนวังยาง
ส่วนสถานการณ์น้ำขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากกระน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และมีปริมาณมาก ทำให้เครื่องจักใหญ่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ทันที เบื้องต้นทุกฝ่ายได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือแล้ว
รวมถึงการประกาศขอรับข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบเหตุที่สามารถประสานมาได้ที่ 0639036517 หรือ 0641807371