JJNY : ยื่นฟันป.ป.ช.ปมจีที200 แจกกล้วย│ส่อลาม!ปมนายกฯขาดตอนทำพิษ│ทีดีอาร์ไอเสนอ6 มาตรการ│ผวาน้ำมันหวน "ขาขึ้น" อีก

ฝ่ายค้านลุยต่อ! ยื่นฟันป.ป.ช.ปมไม่ชี้มูลจีที200 เอาผิดพรรคใหญ่แจกกล้วยพรรคจิ๋ว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7309069
  
 
ฝ่ายค้านล่าชื่อสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 3 ยื่นญัตติเปิดวิสามัญ ถกปัญหายาเสพติด เผยจ่อเอาผิดป.ป.ช.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปมไม่ชี้มูลจีที200 – พรรคใหญ่แจกกล้วย
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ต.ค.2565 ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการยื่นญัตติขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาปัญหากรณีโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู เรื่องที่จะขอหารือมีทั้งการปราบปราบยาเสพติด การควบคุมการใช้อาวุธปืน และเรื่องอื่นๆ ที่ควรมาพูดกันในสภา

แต่การยื่นญัตติดังกล่าวต้องใช้เสียงสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 3 หรือ 243 คน เสียงของฝ่ายค้านมีอยู่ไม่ถึง 210 เสียง จึงต้องขอความร่วมมือ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล  และส.ว. ร่วมลงชื่อขอยื่นญัตติดังกล่าว ทราบว่ามี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนสนใจที่จะร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อ แต่จะได้ครบหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ
 
ด้านนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นั้นเนื่องจากนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ 12 เรื่อง ผ่านมาเกือบ 4 ปี ยังไม่สำเร็จสักเรื่อง เช่น การปราบปรามยาเสพติด การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น การแก้รัฐธรรมนูญ และการแก้ปัญหาความยากจน ฝ่ายค้านจำเป็นต้องซักถามและตั้งข้อสังเกตไปยังรัฐบาล คาดว่าจะยื่นญัตติตามมาตรา 152 ได้ภายในกลางเดือนพ.ย.นี้
 
ส่วนการติดตามการยื่นเอาผิดรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งหมด 16 เรื่อง ขณะนี้ฝ่ายค้านยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 11 เรื่อง เหลืออยู่ 5 เรื่อง กำลังรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยื่นเอาผิด อาทิ กรณีการพิจารณาเอาผิดพรรคใหญ่พรรคหนึ่งที่จ่ายเงินรายเดือนให้กับพรรคเล็ก
 
รวมถึงการกล่าวหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีไม่ชี้มูลเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200 ถือว่าจงใจปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฝ่ายค้านจะต้องเข้าชื่อกันยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระมาดำเนินการเอาผิดป.ป.ช. ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ตั้งเป้าไว้ว่าทั้ง 16 เรื่อง จะต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เสร็จก่อนจะหมดอายุรัฐบาล



ส่อลาม! ปมนายกฯ ขาดตอนทำพิษ ลุ้น 5 รมต.-อดีตสนช. ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7309110
 
ส่อลาม 5 รมต.-อดีตสนช. ปมนายกฯ ขาดตอนต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ ป.ป.ช.เร่งสังเคราะห์ข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมาย-รอคำวินิจฉัยฉบับเต็มศาลรธน.
 
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2565 รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี เนื่องจากเริ่มนับการดำรงตำแหน่งเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้ คือนับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560
 
โดยคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าเป็นนายกฯ ขาดตอน ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 62 ไม่สามารถใช้ช่องตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสี่ ที่ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกันได้นั้น
 
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เริ่มดำเนินการสังเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้ว แต่เบื้องต้นคงต้องรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญมาพิจารณาก่อนว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคำวินิจฉัยเป็นอย่างไร
 
รายงานข่าวระบุอีกว่า นอกเหนือจากกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 62 แล้ว ยังต้องพิจารณากรณีการเข้ารับตำแหน่งในปี 62 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ซึ่งดำรงตำแหน่งต่อเนื่องตั้งแต่ยุคคสช. และใช้ช่องตามมาตรา 105 เช่นเดียวกันด้วย
 
นอกจากนี้ ยังจะพิจารณารวมไปถึงบรรดาอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้รับการสรรหามาดำรงตำแหน่ง ส.ว. หรือตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันหลายราย ที่ใช้ช่องตามมาตรา 105 ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกัน โดยไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งนายกฯ และรัฐมนตรีสมัย คสช. รวม 6 ราย ที่ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกันในปี 2562 และมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้กับ ป.ป.ช. ไว้เป็นหลักฐาน ตามมาตรา 105 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร นายวิษณุ และพล.อ.อนุพงษ์ ส่วนนายดอน และ พล.อ.ชัยชาญ ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้เป็นหลักฐานแก่ ป.ป.ช. หรือไม่
 

 
ทีดีอาร์ไอ เสนอรัฐออก 6 มาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
https://www.thansettakij.com/business/economy/543347

นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ เสนอ 6 มาตรการ รับมือวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หลัง IMF ประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2566 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
 
ดร. นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงประเด็นที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตรียมปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2566 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ผันผวน ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องกับเศรษฐกิจโลก
 
โดยระบุว่า แม้จะเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากปัญหาโควิด-19 ที่กลายเป็นโรคเฝ้าระวัง คือ มีผู้ติดเชื้อในระดับที่ไม่รุนแรงมากนัก ประชาชนมีความคุ้นเคยและมีการรักษาตามอาการได้
 
แต่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกกำลังจะเผชิญกับปัญหาที่สำคัญ 4 ปัญหา คือ
 
วิกฤติการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ  วิกฤติความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ วิกฤติเศรษฐกิจภายในจีน และวิกฤติยูเครน-รัสเซีย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย และหลายประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจหดตัว
 
สหรัฐฯ มีปัญหาเงินเฟ้อสูงจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังโควิด-19 ทำให้เผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อในระดับที่สูงมากนับตั้งแต่ช่วงปี 1980 จึงมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลกระทบทำให้ค่าเงินของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอ่อนตัวลง
เมื่อค่าเงินของประเทศต่างๆ อ่อนตัวลง ทำให้หลายประเทศเผชิญกับปัญหาเงินไหลออก หลายประเทศเศรษฐกิจภายในเกิดความปั่นป่วนมีปัญหาเงินเฟ้อสูง และต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอปัญหาเงินเฟ้อ แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง บางประเทศที่กู้หนี้ในรูปของดอลลาร์ก็เสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติหนี้ บางประเทศพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศสูง ก็มีต้นทุนการนำเข้าสูงมากขึ้น
 
ปัญหาอากาศแปรปรวนเข้ามาซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก ภัยพิบัติแล้งเกิดขึ้นในยุโรปและจีน ในขณะที่หลายประเทศรวมทั้งไทยเผชิญกับปัญหาพายุและน้ำท่วม
 
เศรษฐกิจจีนที่เคยเป็นความหวังที่จะเป็นกำลังซื้อให้กับโลก กลับพบกับปัญหาภายในไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบาย zero covid ทำให้เกิดการล็อคดาวน์ปิดเมือง ปิดเศรษฐกิจ
 
ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งสัญญาณอ่อนแอตั้งแต่ก่อนโควิด-19 เกิดวิกฤติรุนแรงจากกำลังซื้อหดตัวลงและปัญหาปริมาณการผลิตล้นเกิน การหมุนเวียนเงินของธุรกิจทำไม่ทัน จีนจึงต้องแก้ไขปัญหาภายในกันเอง ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้เหมือนเช่นในอดีต
 
วิกฤติยูเครน-รัสเซียเริ่มส่งผลกระทบต่อยุโรปและโลก ผ่านราคาพลังงาน รัสเซ๊ยมีปัญหาการส่งก๊าซธรรมชาติไปใ้ห้ยุโรปทำให้ค่าไฟของยุโรปแพงขึ้นมาก ซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาวิกฤติจึงเกิดทับซ้อนกันทำให้ปัญหาทวีคูณมากขึ้น
 
แต่ทั้งนี้เศรษฐกิจในประเทศของไทย กำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวจากโควิด-19 ทั้งตัวเลขการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ดูดีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากกำลังซื้อของคนชั้นกลางและคนมีฐานะ และการกระตุ้นของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจไทยภายในมีความเข้มแข็งที่จะช่วยประคองเศรษฐกิจไปได้
 
ประกอบกับผลกระทบจากภาคต่างประเทศที่เข้ามากระทบกับไทยจะเข้ามาอย่างจำกัด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเรามีความทนทานต่อการอ่อนค่าของค่าเงินบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังฟื้นตัวได้ดี ซึงหากเทียบกับวิกฤติ 40 จึงไม่น่าจะใช่ เพราะวิกฤติรอบนี้เป็นวิกฤติภายนอกที่กระทบกับไทยอย่างจำกัด
 
ดร. นณริฏ เสนอมาตรการที่ภาครัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญ คือ 
 
1. สร้างโอกาสจากตลาดส่งออกเฉพาะ เช่น สินค้าเกษตรและอาหารไปยังยุโรปและจีนที่ประสบภัยแล้ง  
2. การสร้างไทยให้เป็นแหล่งพักหนีหน้าหนาวสำหรับชาวยุโรป 
3. เน้นการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น (เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน) 
4. เน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากปัญหาด้านค่าครองชีพ 
5. เน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากปัญหาภัยน้ำท่วม 
6. เตือนประชาชนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า ต้องวางแผนทางด้านการเงินเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่