ถ้าเลือกได้ อยากย้อนเวลากลับไปตอนอยู่ ม.6 ตอนที่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จะได้เลือกอาชีพที่ชอบ ที่เป็นตัวเรามากที่สุด จะได้ไม่มานั่งเสียใจและมาทำอาชีพที่ไม่ได้อยากทำตั้งแต่แรก ถ้าเราอยากเป็น เราคงเลือกตั้งแต่แรก แต่ครอบครัวมีฐานะยากจน และไม่อยากให้เราลำบาก แต่สิ่งที่เราเลือกครอบครัวกลับไม่สนับสนุน จนตอนที่เราได้มาทำงานเราก็ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เขาคาดหวังอยากให้เป็น
ท้าวความกลับไปตอนเราอยู่ ม.6 เราอยากเป็นทนายความ จึงเลือกเรียนสาขานิติศาสตร์และสอบได้แล้วเหลือเพียงจ่ายค่าเทอม ก็เข้าเรียนได้เลย แต่ทีนี้ทางครอบครัวอยากให้เรียนครูถ้าไม่เรียนครู จะไม่ส่งให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย พี่สาวเราก็พูดชักชวนถึงข้อดีของข้าราชการสารพัด และข้อเสียของทนายว่าอาชีพนี้มันตกงานไม่เหมือนอาชีพครู ด้วยตอนนั้นเราไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเราก็ไม่อยากเรียนครูด้วย แต่ถ้าเราไม่เรียนต่อ เราก็จะจบแค่ ม.6 ซึ่งต้องไปทำงานโรงงานหรือหางานทำยากและบั้นปลายชีวิตจะไม่มีความมั่นคง เราจึงตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ครอบครัวต้องการ แต่นั่นมันกลับทำให้เราไม่มีความสุขเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก เราขะยั้นขยอให้พี่สาวให้เราเรียนนิติศาสตร์เพราะเราสอบได้แล้วเหลือแค่จ่ายเงินรายงานตัว เทอมแรก ส่วนเทอมต่อไปเราจะเป็นคนกู้กยศ.เรียนเองและหาเงินจ่ายค่าใช้จ่ายเอง แต่ครอบครัวก็ไม่ให้เราเรียนเลย เราจึงต้องเรียนครูด้วยภาวะจำยอม
หลังจากเราเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ นั่งตรงนี้ สาขานี้เลย ซึ่งสาขาที่เราเลือกเรียนมันเป็นสาขาที่เราตั้งใจเลือก ว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้เรียนจบได้ง่ายๆ เพราะไม่อยากเรียนตั้งแต่แรกเลยเลือกสาขาง่ายๆไว้ก่อน เลยไปตกที่ปฐมวัย ซึ่งเรียนเกี่ยวกับครูสอนอนุบาล บอกเลยว่ากว่าจะผ่านปี1-4ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีอยู่ครั้งนึ่งที่ใจไปยื่นหยุดอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ แล้วอยากเข้าไปเรียน มองเพื่อนที่เรียนสาขานี้แล้วย้อนมองตัวเองคือรู้สึกได้ว่า เราจะมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพื่อนสาขานั้นถามว่าสละสิทธิ์ทำไม เราแทบจะอยากบอกเขาว่าเราไม่อยากสละสิทธิ์หรอก แต่ครอบครัวให้ในสิ่งที่เราอยากเป็นไม่ได้
ตอนปี5 เราออกฝึกสอน ชีวิตมหาลัยกับชีวิตจริงมันโคตรแตกต่างกัน แต่ก็ผ่านมาได้จนเรียนจบและได้ทำงานเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งมันเหนื่อยกับสิ่งที่ไม่ชอบแถมจบมาแล้ว ได้เงินเดือนเพียงครึ่งเดียวของคนจบป.ตรี เป็นอะไรที่ไม่คุ้มกับชีวิตเลย ครอบครัวก็บอกว่าให้อดทน เราโคตรจะรู้สึกว่า ถ้าเลือกได้จะไม่เรียนครูเลย จะเรียนในสิ่งที่ตนเองอยากเรียนตั้งแต่แรก ยายเลยบอกว่ามันกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ขอสู้เพื่อยาย เราเลยไปสอบพนักงานราชแล้วติด ชีวิตก็ไม่ต้องอดต้องอยาก แต่จิตใจก็ยังเหมือนเดิมคือถึงสอบได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกตั้งแต่แรก และครั้งสุดท้ายเราไปสอบข้าราชการครู(ครูผู้ช่วยปี64)สอบติดเลยได้ทำงานใกล้บ้าน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกตั้งแต่ต้น เวลาทำงานคนอื่นจะกระตือรือร้นแต่สำหรับเราไม่เลยกลับหมดไฟ เหนื่อยเร็ว แทบจะหมดแรงในแต่ละวัน บางวันเจอปัญหาสารพัดที่เราจัดการไม่ได้ ไม่ว่าจะเก็บเด็ก หรืองานอื่นๆที่ทางโรงเรียนสั่งให้ทำเราก็จะงกๆเงิ่นๆทำไม่เป็น มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ แต่ครอบครัวก็สนับสนุนทุกอย่าง เรารู้สึกว่าครอบครัวคาดหวังกับเรามากเกินไปเพราะเราเป็นลูกคนสุดท้ายและจะเป็นที่พึ่ง ยามป่วยไข้ ต่อจากนี้ก็จะได้เป็นหลักให้กับครอบครัวได้ เราเป็นให้ได้นะถ้าเราได้เป็นในสิ่งที่เลือก แต่ตอนนี้คือมันหมดใจกับอาชีพที่ท่านเลือกให้มานานแล้ว ได้แต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น แทบจะไม่มีชีงิตเป็นของตัวเองเลย
ความสุขเดียวเลยคือการเล่นกับน้องแมว หวังว่าอีก10ปีข้างหน้าเราคงลาออกจากอาชีพนี้ กว่าจะถึงวันนั้นไม่รู้ว่ามันจะมาถึงมั้ย เพื่อนๆคิดว่าเราควรทำยังไงดี จะย้อนกลับก็ย้อนไม่ได้ จะเดินหน้าต่อไปก็หมดแรง คิดแล้วเครียดเลย
รู้สึกว่าอาชีพที่เราทำมันไม่มีความสุข และไม่ใช่ตัวเรา เราไม่สามารถเลือกชีวิตเองได้เลย ควรหาทางออกยังไงหรือจัดการยังไงดี?
ท้าวความกลับไปตอนเราอยู่ ม.6 เราอยากเป็นทนายความ จึงเลือกเรียนสาขานิติศาสตร์และสอบได้แล้วเหลือเพียงจ่ายค่าเทอม ก็เข้าเรียนได้เลย แต่ทีนี้ทางครอบครัวอยากให้เรียนครูถ้าไม่เรียนครู จะไม่ส่งให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย พี่สาวเราก็พูดชักชวนถึงข้อดีของข้าราชการสารพัด และข้อเสียของทนายว่าอาชีพนี้มันตกงานไม่เหมือนอาชีพครู ด้วยตอนนั้นเราไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเราก็ไม่อยากเรียนครูด้วย แต่ถ้าเราไม่เรียนต่อ เราก็จะจบแค่ ม.6 ซึ่งต้องไปทำงานโรงงานหรือหางานทำยากและบั้นปลายชีวิตจะไม่มีความมั่นคง เราจึงตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ครอบครัวต้องการ แต่นั่นมันกลับทำให้เราไม่มีความสุขเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก เราขะยั้นขยอให้พี่สาวให้เราเรียนนิติศาสตร์เพราะเราสอบได้แล้วเหลือแค่จ่ายเงินรายงานตัว เทอมแรก ส่วนเทอมต่อไปเราจะเป็นคนกู้กยศ.เรียนเองและหาเงินจ่ายค่าใช้จ่ายเอง แต่ครอบครัวก็ไม่ให้เราเรียนเลย เราจึงต้องเรียนครูด้วยภาวะจำยอม
หลังจากเราเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ นั่งตรงนี้ สาขานี้เลย ซึ่งสาขาที่เราเลือกเรียนมันเป็นสาขาที่เราตั้งใจเลือก ว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้เรียนจบได้ง่ายๆ เพราะไม่อยากเรียนตั้งแต่แรกเลยเลือกสาขาง่ายๆไว้ก่อน เลยไปตกที่ปฐมวัย ซึ่งเรียนเกี่ยวกับครูสอนอนุบาล บอกเลยว่ากว่าจะผ่านปี1-4ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีอยู่ครั้งนึ่งที่ใจไปยื่นหยุดอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ แล้วอยากเข้าไปเรียน มองเพื่อนที่เรียนสาขานี้แล้วย้อนมองตัวเองคือรู้สึกได้ว่า เราจะมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพื่อนสาขานั้นถามว่าสละสิทธิ์ทำไม เราแทบจะอยากบอกเขาว่าเราไม่อยากสละสิทธิ์หรอก แต่ครอบครัวให้ในสิ่งที่เราอยากเป็นไม่ได้
ตอนปี5 เราออกฝึกสอน ชีวิตมหาลัยกับชีวิตจริงมันโคตรแตกต่างกัน แต่ก็ผ่านมาได้จนเรียนจบและได้ทำงานเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งมันเหนื่อยกับสิ่งที่ไม่ชอบแถมจบมาแล้ว ได้เงินเดือนเพียงครึ่งเดียวของคนจบป.ตรี เป็นอะไรที่ไม่คุ้มกับชีวิตเลย ครอบครัวก็บอกว่าให้อดทน เราโคตรจะรู้สึกว่า ถ้าเลือกได้จะไม่เรียนครูเลย จะเรียนในสิ่งที่ตนเองอยากเรียนตั้งแต่แรก ยายเลยบอกว่ามันกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ขอสู้เพื่อยาย เราเลยไปสอบพนักงานราชแล้วติด ชีวิตก็ไม่ต้องอดต้องอยาก แต่จิตใจก็ยังเหมือนเดิมคือถึงสอบได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกตั้งแต่แรก และครั้งสุดท้ายเราไปสอบข้าราชการครู(ครูผู้ช่วยปี64)สอบติดเลยได้ทำงานใกล้บ้าน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกตั้งแต่ต้น เวลาทำงานคนอื่นจะกระตือรือร้นแต่สำหรับเราไม่เลยกลับหมดไฟ เหนื่อยเร็ว แทบจะหมดแรงในแต่ละวัน บางวันเจอปัญหาสารพัดที่เราจัดการไม่ได้ ไม่ว่าจะเก็บเด็ก หรืองานอื่นๆที่ทางโรงเรียนสั่งให้ทำเราก็จะงกๆเงิ่นๆทำไม่เป็น มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ แต่ครอบครัวก็สนับสนุนทุกอย่าง เรารู้สึกว่าครอบครัวคาดหวังกับเรามากเกินไปเพราะเราเป็นลูกคนสุดท้ายและจะเป็นที่พึ่ง ยามป่วยไข้ ต่อจากนี้ก็จะได้เป็นหลักให้กับครอบครัวได้ เราเป็นให้ได้นะถ้าเราได้เป็นในสิ่งที่เลือก แต่ตอนนี้คือมันหมดใจกับอาชีพที่ท่านเลือกให้มานานแล้ว ได้แต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น แทบจะไม่มีชีงิตเป็นของตัวเองเลย
ความสุขเดียวเลยคือการเล่นกับน้องแมว หวังว่าอีก10ปีข้างหน้าเราคงลาออกจากอาชีพนี้ กว่าจะถึงวันนั้นไม่รู้ว่ามันจะมาถึงมั้ย เพื่อนๆคิดว่าเราควรทำยังไงดี จะย้อนกลับก็ย้อนไม่ได้ จะเดินหน้าต่อไปก็หมดแรง คิดแล้วเครียดเลย