ถ้าผมไม่หายจากโรคนี้ ผมก็ต้องหายจากโลกนี้

สวัสดีครับทุกคนที่มาอ่าน ผมอยากมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าที่ผมเคยเป็น 
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามันมีจุดไต้ตำตอที่เล็กนิดเดียวที่ผมมองข้ามไป แต่คุณเชื่อมั้ยครับว่า 

แค่นอนให้ดี ฝันให้ดี ก็เหมือนได้มี “ ชีวิตใหม่ 

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินประโยคตัดพ้อที่พูดกันว่า “ ถ้าเลือกเกิดใหม่ได้ อยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้เป็นแบบนี้” หรือว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะ....” ใช่ครับ ผมก็เป็นคนนึงที่เคยคิดประโยคแบบนี้ แล้วเคยไปถึงขั้นเกือบที่จะทำให้มันเกิดขึ้นด้วยซ้ำ (ไม่นับว่ายังไม่ชัวร์นะว่าชีวิตในชาติหน้ามีจริงมั้ย) ใช่ครับ ผมเคยมีอาการของโรคซึมเศร้า และเคยคิดอยากลองมีชีวิตใหม่...
..
.
เชื่อว่าด้วยสภาพสังคมปัจจุบันซึ่งมันทั้ง เร่งรีบ ทุกคนต้องแย่งกันทำงาน แข่งกัน รวมถึงผลกระทบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด 
รถติด การเมือง ฯลฯ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันๆนึง คุณต้องเครียดมากกว่าครั้งหรือสองครั้งแน่ๆ ยกเว้นแค่บางคนที่อาจจะโชคดี
มีปัจจัยที่ดีกว่าก็อาจจะเครียดน้อยกว่าหน่อย แต่เชื่อเถอะครับว่า ทุกคนมีเรื่องที่หนักใจและทุกข์ใจในแบบของตัวเอง 
เราไม่ควรไปตัดสินอยู่ดีครับว่าเรื่องของใครมันหนักมาก หนักน้อย ผมคิดนะว่าเพราะเรื่องรอบๆตัวเราเนี่ย 
มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเกิดเป็นสภาวะซึมเศร้าขึ้นมา .. 

แต่จริงๆแล้วบางทีผมว่าเราอาจจะคิดโทษสิ่งแวดล้อมเรามากจนเกินไป จนเราลืมโทษ...ตัวเอง
.
ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณสู้ไม่พอ จิตใจคุณแข็งแรงไม่พอ หรือคุณอดทนไม่พอ แต่มันอาจจะเป็นแค่ว่า...คุณนอนไม่พอ หรือนอน “ไม่ดีพอ”


ย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน (ตอนพิมพ์นี่รู้สึกแก่จัดเลยนะ :x) สมัยผมเรียนอยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 
ซึ่งหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินสภาพความเป็นอยู่ของเด็กคณะนี้มาบ้าง นอกจากกินเหล้าเก่งแล้ว 
อีกหนึ่งอย่างที่เก่งคือ อดนอนเก่ง ใช่ครับ ด้วยงานจำนวนมาก (ซึ่งก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่อาจจะแบ่งเวลาไม่ดีพอ 
ยังมีเวลาออกไปเที่ยวบ้างหรือไปสังสรรค์ แต่ก็นะครับวัยรุ่นอะเนอะ) ทำให้เรื่องของการที่ต้องทำงานโต้รุ่งกลายเป็นเรื่องปกติ 
การไม่ได้นอน 1-2 คืนนี่เป็นเรื่องสบายๆ แต่ด้วยวัยตอนนั้นร่างกายฟิตปั๋งขนาดนั้น มันไม่เห็นผลอะไรมากหรอกครับ 
จนกระทั่งมาทำงานอยู่ที่เอเจนซี่โฆษณา ในวันที่เรามีไฟอย่างแรงนั้น  ทุกอย่างมันต้องสุดสิ นอกจากจะต้องทำงานให้ปัง 
ทำงานให้เท่ แล้วยังต้องทำงานให้ทันด้วย(ใครเคยทำเอเจนซี่โฆษณาจะรู้เรื่องนี้ดี แต่เราจะไม่นินทาลูกค้านะ :d ) 

เพราะงั้นเรื่องการได้นอนเต็มอิ่ม หรือได้นอนแต่หัวค่ำนี่ไม่เคยอยู่ในสาระบบผมเลย ผมใช้ชีวิตเข้างาน 8 โมงเลิกงาน 5 ทุ่ม
(หรือตี1-2ถ้าใกล้วันส่งงานลูกค้า) โดยมีความเครียดและความกังวลเป็นส่วนเสริมอยู่เป็นปีๆ จนกระทั่งวันนึงผมรู้สึกว่า 
ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว...ใช่ครับและวันนั้นเป็นวันที่ผมเริ่มเข้าสู่โลกของโรคที่เรียกว่า ภาวะซึมเศร้า ชีวิตผมหักเหทันที
จากไฟที่อยากทำงานให้เท่ กลายเป็นความวิตกกังวล จนไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ตื่นมาสิ่งมีแต่ความรู้สึกอยากร้องไห้ทุกๆเช้า
และเอาแต่คิดว่าจะทำให้ชีวิตเฮงซวยแบบนี้  จบๆไปได้ยังไงให้คนข้างหลังไม่ต้องเดือดร้อน
(ถ้าตอนนั้นไม่มีคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งผมค่อนข้างจะห่วงความรู้สึกท่านมากๆ ตอนนี้คงไม่มีผมที่มานั่งพิมพ์คอนเทนท์ที่คุณนั่งอ่านกันอยู่แน่นอน )

 ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรอยู่ ผมทำงานไม่ได้จนสุดท้ายผมลาออกจากงาน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะกลายเป็นว่าผมกลับรู้สึกว่าชีวิตผมไร้ค่าหนักขึ้นไปอีก จนวันนึงที่ผมตัดสินใจว่า ถ้าผมไม่หายจากโรคนี้ ผมก็ต้องหายจากโลกนี้ 
แต่โชคดีครับที่มีเพื่อนสนิทผมคนนึง ยังไม่ยอมให้ผมหายไป เลยลากกันไปพาผมไปหาหมอจนได้ คุณรู้ไหมครับประโยคแรกที่คุณหมอถาม 
หรือที่หลายๆคนที่เคยไปพบหมออาจจะเคยเจอ คุณหมอถามว่า “คุณนอนหลับรึเปล่า” ตอนนั้นผมก็เฮ้ย นอนหลับอะไรวะ เครียดขนาดนี้กับชีวิตแบบนี้ นอนไม่หลับถึงหลับก็รู้สึกเหมือนไม่ได้หลับอยู่ดี หมอบอกนั่นแหละอาจจะเป็นสาเหตุที่ผมเริ่มเป็นโรคนี้ หลังจากรักษาตัวได้ระยะนึง พออาการผมเริ่มดีขึ้นบ้าง ความอยากรู้อยากเห็นกับประโยคที่ว่า ผมเป็นแบบนี้เพราะปัจจัยเรื่องของการนอนทำให้ผมลองไปหาข้อมูลศึกษาดู จากหลายๆทางทั้งหนังสือ WHY WE SLEEP ของ Matthew Walker และเอกสารงานวิจัยต่างๆ ทำให้ผมได้ข้อมูลพอสังเขป ผมจะมาสรุปให้ฟังกันแบบง่ายๆนะครับ

ช่วงสาระมีอยู่จริง : การนอนจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลักๆคือ

หลับตื้น เป็นระยะแรกที่เราเริ่มหลับ แต่เรายังไม่ฝัน

หลับลึก หรือช่วงหลับสนิท ร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อน ใช้เวลาเพียง 30-60 นาที

หลับฝัน ระยะนี้ก็สำคัญ เพราะถ้าเราฝันได้เลขสามตัวตรงๆ มันก็จะดีมาก ยัง!! ช่วงนี้เป็นช่วงที่ร่างกายพักผ่อนแต่สมองยังทำงานอยู่นั่นจึงทำให้เราฝันครับ
บางคนสงสัยว่าทำไมนอนน้อยบางครั้งก็สดชื่น แต่นั่นอาจเป็นเพียงการหลับตื้นเพราะการหลับตื้นนั่นก็ทำให้สดชื่นได้แต่การทำงานฟังก์ชั่นต่างๆในร่างกายเราอาจจะลดลงนั่นเป็นเพราะเรามีชั่วโมงการนอนที่ไม่เพียงพอ หรือบางคนนอน 7-8 ชั่วโมงแต่ก็ยังไม่สดชื่นนั่นก็เพราะเราอาจมีปัจจัยที่ทำให้ร่างกายไม่เข้าสู่สภาวะหลับลึก หรือแม้กระทั่งคนที่หลับๆตื่นๆ จะส่งผลทำให้การทำงานของระบบหายใจและหลอดเลือดทำงานหนัก กลายเป็นว่าตื่นมาแล้วรู้สึกเพลียแทนที่จะรู้สึกสดชื่น และจะส่งผลต่ออารมณ์หลังตื่นนอน บางคนอาจมีอาการหงุดหงิดและแปรปรวน ซึ่งส่งผลมาจากทั้งอาการนอนไม่หลับและนอนหลับไม่สนิท

แล้วทีนี้จะทำยังไง ถ้าเกิดเรามีเวลานอนน้อยจริงๆ หรือมีเวลานอนแหละ แต่นอนหลับไม่สนิท เราก็ต้อง นอนให้ดีนอนให้มีคุณภาพให้ครบทุกวงจรการหลับ และที่สำคัญต้องฝันดีด้วย หลายคนอาจจะร้องเฮ้ย ฝันดีหรือฝันร้ายมันบังคับกันได้ด้วยเหรอ จริงๆแล้วอาจจะเลือกไม่ได้สักทีเดียว แต่เราสามารถเลี่ยงได้ครับ

ฝันร้าย (nightmare) เป็นภาวะที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะทำให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ในเชิงลบ ซึ่งเกิดในภาวะการนอนหลับในระยะ REM (rapid eye movement) ตรงนี้ถ้าอยากรู้แบบละเอียดๆ ลองหาอ่านจากหนังสือ WHY WE SLEEP ได้ครับอธิบายไว้ละเอียดมากๆ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่กว่า60%นั้นเกิดจากความวิตกกังวล และความเครียด หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และที่สำคัญ การมีปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าด้วย ตื่นมาก็เศร้านอนหลับก็ฝันร้าย แล้วชีวิตมันจะดีขึ้นมาได้ยังไงครับ ทีนี้มาว่ากันถึงวิธีที่จะทำให้เรานอนได้อย่างมีคุณภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทั้งโรคต่างๆรวมถึงสภาวะซึมเศร้าด้วย ซึ่งถ้าผมอยากรู้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้วก็คงดีครับ ช่วงเวลาที่ต้องเจอกับโรคซึมเศร้ามันไม่สนุกเลยและมันสูญเสียเวลาชีวิตผมไปหลายปีมากๆ 

1.จัดระเบียบเวลานาน ถ้าจะให้ดีนอนก่อนสี่ทุ่ม (กดหยุดซีรีย์ไว้ที่ตอนนี้ ห้ามขออีกตอน) และตื่น6โมง (อันนี้ผมยังทำไม่ค่อยได้55)
2.ทำสมาธิ (ได้ผลจริงๆครับ จริงๆการสวดมนต์นี่ด้วยตัวไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไรเพียงแต่ว่ามันทำให้ก่อเกิดสมาธิครับ)
3.งดแอลกอฮอล์ (เมาหลับไม่นับนะครับ อันนั้นจะเป็นการนอนไม่มีคุณภาพสังเกตได้ว่าตื่นมาจะไม่สดชื่น ต้องถอน ยัง!) 
4.ออกกำลังกายทุกวัน อันนี้ช่วยได้จริงครับ ไม่อ้วนด้วย แต่ต้องเว้นอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนนอนนะครับ
5.ถ้าเป็นหนักๆ  ไปหาหมอครับ ทั้งเรื่องนอนไม่หลับหรือภาวะซึมเศร้า ถ้ารู้สึกว่ามีแนวโน้ม ไปเถอะครับ อย่าให้มันมาทำลายเวลาชีวิตเราเลยจริงๆ
6.อย่านอนตอนกินอิ่มจนเกินไป 
7.อย่านอนตอนหิว ถ้าหิวจริงๆ ให้ดื่มนมอุ่นๆ หรือโกโก้ที่ที่มีส่วนผสมสำหรับการนอนหลับก็ได้ครับ... มาเริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราทำได้จากตัวเราเอง อย่าง การนอน กันเถอะครับ : ) … ฝันดีครับ (ในรูปขอเซ็นเซอร์ไว้นะครับกันโดนลบ)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่