" สัตว์ "ตอนที่ 49 :ทิฏฐิ62..อันตานันติกทิฏฐิ ๔..บ้างก็เห็นว่าโลกมีที่สุด..บ้างก็เห็นว่าโลกไม่มีที่สุด..ตอนสรุป

กระทู้สนทนา


https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1

แบบที่..1 ...เห็นว่า..โลกมีที่สุด(finite) ...โลกกลมโดยรอบ(bounded)
=>https://pantip.com/topic/41630921

แบบที่..2 ...เห็นว่า..โลกไม่มีที่สุด(infinite) ...โลกไร้ขอบเขต(unbounded..boundless)
=>https://pantip.com/topic/41632878

แบบที่..3 ...เห็นว่า..โลกด้านบนและล่างมีขอบเขต ...แต่ด้านข้างไม่มีขอบเขต
=>https://pantip.com/topic/41634791

แบบที่..4 ...เห็นว่า..3 แบบแรกผิดหมด.. จะมีขอบเขต - หรือ - ไม่มีขอบเขต..ก็ไม่ใช่ทั้งหมด..
=>https://pantip.com/topic/41636323

==============================================================
==  พระศาสดาท่านเรียกความเห็นทั้ง 4 แบบนี้ว่า.. " โลกมีที่สุด.. และ..โลกไม่มีที่สุด "  ==
==============================================================

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่านั้นมีทิฏฐิว่า   โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ 
ย่อมบัญญัติว่า...โลกมีที่สุดและหาที่สุดมิได้ ด้วยเหตุ ๔ ประการนี้แล.
             
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง มีทิฏฐิว่า โลกมีที่สุดและหาที่สุดมิได้ 
จะบัญญัติว่า โลกมีที่สุดและหาที่สุดมิได้ สมณพราหมณ์พวกนั้นทั้งหมด
ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๔ ประการนี้เท่านั้น หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ไม่มี.
             
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องนี้ตถาคตรู้ชัดว่า ฐานะที่ตั้งแห่งทิฏฐิเหล่านี้ บุคคลถือไว้อย่างนั้น
แล้ว ยึดไว้อย่างนั้นแล้ว ย่อมมีคติอย่างนั้น มีภพเบื้องหน้าอย่างนั้น 
และตถาคตย่อมรู้เหตุนั้นชัด    ทั้งรู้ชัดยิ่งกว่านั้น ทั้งไม่ยึดมั่นความรู้ชัดนั้นด้วย 
เมื่อไม่ยึดมั่นก็ทราบความเกิดนั้น ความดับไปคุณและโทษของเวทนาทั้งหลาย 
กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง
จึงทราบความดับได้เฉพาะตน เพราะไม่ถือมั่น ตถาคตจึงหลุดพ้น.
             
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้แลที่ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต
จะคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ที่เป็นเหตุให้กล่าวชมตถาคตตามความเป็นจริงโดยชอบ.



สรุป...

ดู clip นี้..ก่อน..แล้วฟังการสรุป..
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

อันนี้ต้องอ้างอิงพระสูตรหนึ่ง..คือ  " โรหิตัสสสูตรที่ ๑ " https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=21&A=1282&Z=1326
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดูกรอาวุโส สัตว์ย่อมไม่เกิด ย่อมไม่แก่ ย่อมไม่ตาย ย่อมไม่จุติ ย่อมไม่อุบัติ ในโอกาสใด 
เราไม่กล่าวโอกาสนั้น ว่าเป็นที่สุดแห่งโลก ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรถึง     ด้วยการไป 
และเราย่อมไม่กล่าวการกระทำที่สุดแห่งทุกข์ เพราะไปไม่ถึงที่สุดแห่งโลก 

แต่เราย่อมบัญญัติโลก เหตุเกิดแห่งโลก ความดับแห่งโลก และปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งโลก 
ในอัตภาพอันมีประมาณวาหนึ่ง มีสัญญาและมีใจนี้เท่านั้น ฯ

พระผู้มีพระภาคท่านกล่าวกับ.. โรหิตัสสเทวบุตร..ว่า
ที่สุดแห่งโลก...ที่สัตว์จะ-ไม่เกิด-ไม่แก่-ไม่เจ็บ-ไม่ตาย..
มันอยู่นี่... "  อยู่ที่อัตตาที่ไม่เที่ยงนี้...อยู่ที่ขันธ์5นี้ "....

โดยใช้อัตตานี้...ในการทำสติปัฏฐาน4...เพื่อการเบื่อหน่ายคลายกำหนัดจากขันธ์..
ที่เรา - หรือสัตว์ไปยึดถือ...ว่าเป็นตัวตนของเรามาตลอดสังสารวัฏฏ์...

อันนี้ก็ตรงกับอีกพระสูตร..


เพราเหตุนั้น...การที่ไปมีความเห็นเรื่องโลกว่ามีขอบเขต - มีที่สุดหรือไม่แบบกายภาพ..โดยการไป...โดยการมาในปัจจุบัน
มันไม่ได้ทำให้หลุกพ้นไปจากโลกไปได้...   แบบที่มนุษย์ในปัจจุบันพยายามที่จะศึกษาจักรวาล..โดยการส่ง 
" James Web "...ไปศึกษาการกำเนิดของจักรวาลต่างๆ

https://en.wikipedia.org/wiki/James_Webb_Space_Telescope

การไปมุ่งศึกษาสิ่งเหล่านี้...มันไม่ได้ทำให้หลุดพ้น.. พรหมจรรย์จะไม่ถูกกระทำให้มีขึ้น..
ไม่เป็นไปเพื่อการเบื่อหน่ายคลาบกำหนัด.. เพื่อหลุดพ้น.. เพื่อนิพพาน..  คือตายเปล่า..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่