https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
[๓๖] ๑๐. (๒) อนึ่ง ในฐานะที่ ๒ สมณพราหมณ์ผู้เจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไร
จึงมีทิฏฐิว่า
โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้ บัญญัติว่า
โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้?
---A
ดูกรภิกษุทั้งหลายสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส
อาศัยความเพียรที่ตั้งมั่นอาศัยความประกอบเนืองๆ อาศัยความไม่ประมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ
แล้วบรรลุเจโตสมาธิอันเป็นเครื่องตั้งมั่นแห่งจิต
จึงมีความสำคัญในโลกว่าไม่มีที่สุด เขากล่าวอย่างนี้ว่า โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B
สมณพราหมณ์พวกที่พูดว่า โลกนี้มีที่สุดกลมโดยรอบนั้นเท็จโลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า ข้าพเจ้าอาศัยความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส
อาศัยความเพียรเป็นที่ตั้งมั่น อาศัยความประกอบเนืองๆ อาศัยความไม่ประมาท
อาศัยมนสิการโดยชอบ แล้ว
บรรลุเจโตสมาธิอันเป็นเครื่องตั้งมั่นแห่งจิต
จึงมีความสำคัญในโลกว่าหาที่สุดมิได้ ด้วยการบรรลุคุณวิเศษนี้
ข้าพเจ้าจึงรู้อาการที่.....โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นฐานะที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง อาศัยแล้วปรารภแล้วมีทิฏฐิว่า
โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ ย่อมบัญญัติว่า โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้.
ปล... ทฺฏฐินี้..ถ้าจะมีใครแปลผิด..
ทิฏฐินี้..ในฉบับหลวง..บอกว่า " โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ " <== 2 คำนี้มันขัดกันเอง..
คือ...โลกมีที่สุด...แต่ดัน..หาขอบเขตไม่ได้ <==อันนี้ไม่เป็นเหตุเป็นผล
แต่ฉบับภาษาอังกฤษ..แปลส่วนนี้ว่า " the world is Infinite...and... boundless"
แปลว่า..." โลกไม่มีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ "
ภาษาปัจจุบันคือ...โลกไม่มีที่สิ้นสุด..และไร้ขอบเขต <== โลกที่ไร้ขอบเขต..ก็คือโลกที่ไม่มีที่สุด
อันนี้สมเหตุสมผล.. โลกในที่นี้..หมายถึง " Cosmos" ...นะ ไม่ใช่แค่ดาวโลก
ไม่ใครก็ใคร...แปลผิด..หละ แต่ผมเอาตามพระสูตรอังกฤษ..เพราะสมเหตุสมผล..
จากการสอบเทียบบาลีไทย..กับ..ฉบับนานาชาติ
พบว่า... ทิฏฐิที่ว่า "
โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B " ...ข้อความนี้ เป็น Subset ของ
" โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้(B) --- A " ...แต่เพราะการแปลไทย..จึงแปลออกมาเหมือนกัน
จึงดูสับสน... กรปอกับการใช่คำว่า " และ - หรือ "...ด้วย
คำว่า " บัญญัติว่า โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้ --- A "...มาจากบาลีที่ว่า
อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ(B) โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ
" assert that the cosmos is finite or infinite "
ส่วนคำว่า " โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B "...มาจากบาลีที่ว่า
อนนฺโต อยํ โลโก อปริยนฺโต
" The cosmos is infinite and unbounded "
สรุปว่า.. อนฺตานนฺตํ(infinite) โลกสฺส <= อนนฺโต(infinite) อยํ โลโก อปริยนฺโต(unbounded)
อนฺตานนฺติกา(finite) โลกสฺส <= อนฺตวา(finite) อยํ โลโก ปริวฏุโม(bounded) <-ทิฏฐิก่อนหน้าที่ว่าโลกกลม..มีขอบเขต
สรุป...(จะไม่สรุปในความเห็นนี้..ครับ)
" สัตว์ "ตอนที่ 46 :ทิฏฐิ62..อันตานันติกทิฏฐิ ๔..แบบที่ 2...มีเจโตสมาธิ..จึงรูว่าโลกนี้ไม่มีที่สุด-หาที่สุดรอบมิได้
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
[๓๖] ๑๐. (๒) อนึ่ง ในฐานะที่ ๒ สมณพราหมณ์ผู้เจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไร
จึงมีทิฏฐิว่า โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้ บัญญัติว่า โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้?---A
ดูกรภิกษุทั้งหลายสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส
อาศัยความเพียรที่ตั้งมั่นอาศัยความประกอบเนืองๆ อาศัยความไม่ประมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ
แล้วบรรลุเจโตสมาธิอันเป็นเครื่องตั้งมั่นแห่งจิต
จึงมีความสำคัญในโลกว่าไม่มีที่สุด เขากล่าวอย่างนี้ว่า โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B
สมณพราหมณ์พวกที่พูดว่า โลกนี้มีที่สุดกลมโดยรอบนั้นเท็จโลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า ข้าพเจ้าอาศัยความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส
อาศัยความเพียรเป็นที่ตั้งมั่น อาศัยความประกอบเนืองๆ อาศัยความไม่ประมาท
อาศัยมนสิการโดยชอบ แล้วบรรลุเจโตสมาธิอันเป็นเครื่องตั้งมั่นแห่งจิต
จึงมีความสำคัญในโลกว่าหาที่สุดมิได้ ด้วยการบรรลุคุณวิเศษนี้
ข้าพเจ้าจึงรู้อาการที่.....โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นฐานะที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง อาศัยแล้วปรารภแล้วมีทิฏฐิว่า
โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ ย่อมบัญญัติว่า โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้.
ปล...
ทฺฏฐินี้..ถ้าจะมีใครแปลผิด..ทิฏฐินี้..ในฉบับหลวง..บอกว่า " โลกมีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ " <== 2 คำนี้มันขัดกันเอง..คือ...โลกมีที่สุด...แต่ดัน..หาขอบเขตไม่ได้ <==อันนี้ไม่เป็นเหตุเป็นผลแต่ฉบับภาษาอังกฤษ..แปลส่วนนี้ว่า " the world is Infinite...and... boundless"แปลว่า..." โลกไม่มีที่สุด...และ...หาที่สุดมิได้ "ภาษาปัจจุบันคือ...โลกไม่มีที่สิ้นสุด..และไร้ขอบเขต <== โลกที่ไร้ขอบเขต..ก็คือโลกที่ไม่มีที่สุดอันนี้สมเหตุสมผล.. โลกในที่นี้..หมายถึง " Cosmos" ...นะ ไม่ใช่แค่ดาวโลกไม่ใครก็ใคร...แปลผิด..หละ แต่ผมเอาตามพระสูตรอังกฤษ..เพราะสมเหตุสมผล..จากการสอบเทียบบาลีไทย..กับ..ฉบับนานาชาติ
พบว่า... ทิฏฐิที่ว่า " โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B " ...ข้อความนี้ เป็น Subset ของ
" โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้(B) --- A " ...แต่เพราะการแปลไทย..จึงแปลออกมาเหมือนกัน
จึงดูสับสน... กรปอกับการใช่คำว่า " และ - หรือ "...ด้วย
คำว่า " บัญญัติว่า โลกมีที่สุด..และ..หาที่สุดมิได้ --- A "...มาจากบาลีที่ว่า
อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ(B) โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ
" assert that the cosmos is finite or infinite "
ส่วนคำว่า " โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดรอบมิได้ ---B "...มาจากบาลีที่ว่า
อนนฺโต อยํ โลโก อปริยนฺโต
" The cosmos is infinite and unbounded "
สรุปว่า.. อนฺตานนฺตํ(infinite) โลกสฺส <= อนนฺโต(infinite) อยํ โลโก อปริยนฺโต(unbounded)
อนฺตานนฺติกา(finite) โลกสฺส <= อนฺตวา(finite) อยํ โลโก ปริวฏุโม(bounded) <-ทิฏฐิก่อนหน้าที่ว่าโลกกลม..มีขอบเขต
สรุป...(จะไม่สรุปในความเห็นนี้..ครับ)