[ผ่าสมองกลคนอัจฉริยะ3] พญาเม่าสุดหล่อดีลขายทรัพย์สินแบบยกเข่งของเขา กับ ทางออกสุดท้ายของเม่า JASIF และ JAS ผู้มีความหวัง

กระทู้สนทนา
ขอโทษที่มาช้าครับ วันนี้ไม่สบายตื่นเอาบ่ายเลย -/\-

อย่างที่บอกไปว่า รายได้หลักของธุรกิจ JAS นั้นมาจากการทำ Broadband 95-96% ที่เหลือคือรับเหมาก๊อกแก๊กกับระบบเทเลคอม และการวางงานระบบ และ HBO Go



ซึ่งการขาย ASSET ในครั้งนี้มันจึงแลกมาด้วยการได้รับกระแสเงินสดราวๆ 2 หมื่นล้าน

หลังจากหักโน่นหักนี่ออก แลกกับการเลิกทำธุรกิจหลักไปเลย ซึ่งผมก็คิดว่า ก็คงจะไม่คุ้มหากขายไปแล้ว JAS จะกลับมาทำธุรกิจบรอดแบรนด์ที่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลอีก อนาคตของJAS ที่ฝากไว้ในมือเสี่ยหนุ่ม

พอเขียนมาจนถึงจุดนี้ ผมนึกย้อนไปถึงแผนการทำ Financial Engineering ที่ผมคัดค้านมาตลอดปี 2562 คือการที่เจ้าสัวบังคับขาย Goldenland จากมือของ Univentures เข้าสู่มือตัวเองอย่าง บริษัทอเดลฟอร์ซ

หากใครไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว สามารถย้อนกลับไปอ่านที่ https://pantip.com/topic/39073711 กระทู้นี้ได้

ซึ่งในตอนนั้นผมถือ UV อยู่ราวๆ 4-5 แสนหุ้น และผมก็พยายามจะบอกผู้ถือหุ้นรายย่อยของทั้ง Goldenland และ UV ว่าไอ้การขายสินทรัพย์ยกกระบิแบบนี้มันไม่คุ้มกันหรอก เพราะ Asset แต่ละตัวราคาแทบจะเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมต่างๆระดับ 5ดาวในย่านสาธรและหลังสวน และ office เกรดเอในย่านเพลินจิต

ยกตัวอย่างเช่น Marriott Mayfair , Ascott Bangkok , Sathorn Square

แต่เจ้าของกลับเอาบ.กองทุนมาตีราคาให้ตัวเองถูกๆ ให้ไปประชุมกันเยอะๆ ไปคัดค้านกันเยอะๆ เพียงแค่เรารวบรวมพลังกันให้เกิน 10 % ก็คัดค้านการ Delist ได้แล้ว

ในครั้งนั้นผมพ่ายแพ้ ในที่ประชุมเต็มไปด้วยรายย่อยที่ไม่ประสา ที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำทั้งๆที่ประกาศกันโครมๆ หลายส่วนไม่ไปประชุม ส่วนพวกกองทุนก็ไม่มีใครกล้าขัดมติเสี่ยอยู่แล้ว ยูวีได้เงินสดมาสามหมื่นล้านเอาไปจ่ายหนี้ แต่หลังจากนั้นผลประกอบการก็ไม่ค่อยจะเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ (ส่วนนึงก็อาจจะเพราะโควิดมั้ง)เม่าหนาว

ส่วนผมก็ต้องตัดใจขายหุ้นทิ้งหลังจากรู้แน่ๆว่า Gold จะต้องถูก Delisted ขาดทุนไปพอประมาน แต่ยังไม่เท่าทนถือจนราคาอยู่ ณ เวลาปัจจุบันนี้FacepalmFacepalmFacepalm



ทางออกของ JAS
 
1.เขาอาจจะไปจับธุรกิจอย่างอื่นแทนเช่นไม่แน่อาจจะเป็น Entertainment อาจจะลุย MONO หรือมาลงทุนขุดเหมืองบิทคอยน์เพิ่มกับ JTS

2.เขาอาจจะปันผลครั้งใหญ่อีกรอบเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋า เหลือเงินสดไว้ในบริษัทจำนวนนึงก็เป็นได้ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถบอกได้ จุดนี้อาจจะทำให้ JAS ที่ครั้งนึงเคย Market Cap เหยียบแสนล้าน ขาดเสน่ห์ไปในทันที

กลับมาที่ JASIF กับการ Delist

เงื่อนไขก็คือ AIS จะ Delisted ได้ก็ต่อเมื่อ JASIF โหวตผ่านเกิน 75%

ดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้นตรงนี้



ซึ่งๆๆๆ JASIF น่าจะได้โหวตเต็มๆJASอยู่แล้ว 19 % ส่วนพวกธนาคารรายใหญ่อะไรแบบนี้ก็น่าจะผ่านโหวตให้ เพราะเป็นลูกค้าในธุรกิจ

ทีนี้ในส่วนที่รายย่อยถืออยู่มันกระจัดกระจายมาก แต่ผมคิดว่าเป็นสัดส่วนที่เยอะ เพราะผู้ใหญ่วัยเกษียน Boomer ชอบซื้อ ถ้ารวมโหวตให้ได้เกิน 30% ยังไงก็รอดเม่าปัดรังควาน

1.แต่ปัญหาคือการรวมรายย่อยให้เกิน 10% ยังยากเลย สังเกตจากเคส UV-Gold คนไปประชุมไม่ถึง 5%

2.แต่ปัญหาคือ Boomer ไม่เล่น Social ไง ซึ่งผมสังเกตตอนยูวีกระทู้ผมติดท็อปตั้งหลายวัน แต่พอไปถึงที่ประชุม พวกบูมเมอร์ไม่มีใครรู้ข่าว

ซึ่งๆๆ ถ้า Worst case จริงๆ สามารถผ่านโหวตบังคับขายให้ AIS ได้ เดี๋ยว เรามาดูสิทธิประโยชน์กับผู้ถือหุ้นที่จะเพิ่มขึ้น / ลดลงกัน

ซึ่งในแง่ของ Commitment ในการทำธุรกิจ ผมคิดว่า AIS มีมากอยู่แล้ว น่าจะเป็นบริษัทอันดับต้นๆในตลาดเลยมั้ง

ขออนุญาติมาต่ออีกทีพอดีตอนนี้ปวดตามาก

ถ้าชอบคอนเท้นท์กระผม อย่าลืมกดโหวตให้ด้วยนะครับ 

เข้าไปกดไลค์และพูดคุยเรื่องการลงทุนได้ที่เพจ

https://www.facebook.com/Alohainvest

ส่วนอันนี้ผู้ถือหน่วยลงทุนฝากมา

https://line.me/ti/g2/knqOA7UTrsplXriFl2LusD4paTzyn3HsH387dg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่