😎 ไม่เอางานนี้มาเขียนถึงไม่ได้แน่ ยังไงมันก็คาใจ ตอนเห็นหัวข้อ และ Graphic abstract มันก็เกิดความสนใจอยู่ว่ารายละเอียดเป็นไง จริงๆงานนี้เขาศึกษาว่า จุลินทรีย์ของแต่ละคนตอบสนองต่อการทานน้ำตาลเทียม ต่อการทนน้ำตาลยังไงบ้าง
📚 คร่าวๆของตัวงานนี่คือเขา ให้คนสุขภาพดีจำนวน กลุ่มละ 20 คน มาทาน Saccharin , Sucralose , Aspartame และ Stevia เทียบกับ Glucose และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ทานอะไร แต่ตรงนี้ถ้าไปดูรายละเอียดจริงๆ มันไม่ใช่ว่าใช้สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลตรงๆนะ เพราะว่าซองที่ให้ไปทานแต่ละอันมันมี Glucose เป็น bulking agent อยู่ด้วย!? ก็เหมือนให้กินน้ำตาลผสมน้ำตาลเทียมทุกวัน ?
🤔 แต่ว่าเท่าที่ดูฟีดแบคจากคนที่แชร์งานนี้กัน (คนต่างชาติที่ผมเห็นในฟีดทวิตเตอร์) หลายคนเข้าใจว่างานนี้บอกว่าสารทดแทนความหวาน จริงๆมีน้ำตาล เพราะกราฟค่าน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้น จะบอกว่าอันนี้ที่มันขึ้นก็ไม่แปลกนาเพราะว่าอย่างที่บอกเขากินร่วมกับน้ำตาลไง
🤔 ทีนี้มันมีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่กลุ่มตัวอย่าง เขาเลือกที่จะกำหนดว่า 6 เดือนก่อนหน้านั้นต้องไม่ใช้สารทดแทนความหวานมาก่อน ทั้งสารทดแทนความหวานเองและจากการถูกใช้ในผลิตภัฑณ์อื่นๆด้วย ถ้าจะดูว่าเพื่อไม่ให้มีผลต่อสิ่งที่เขาสนใจคือจุลินทรีย์ (Microbiome) มันก็พอได้ แต่พอมีเกณฑ์แบบนี้ มันมีโอกาสที่คนที่ไม่เคยใช้เลยเนี่ย มันเป็นเพราะเขามี Bias อะไรกับสารทดแทนความหวานด้วยรึเปล่า เลยไม่ใช้เลย อันนี้ก็เป็นจุดนึง ซึ่งถ้าคนไม่ทานอะไรพวกนี้ เวลามาทานยังไงมันก็รู้นะ รสชาติมันเปลี่ยน รู้สึกได้อาจจะส่งผลด้านอื่นอะไรบ้างก็ไม่รู้
🤔 อีกจุดนึงการตรวจสอบความทนทานต่อน้ำตาล มันไม่ได้ทำโดยผู้วิจัยเป็นคนควบคุมแต่เขาให้กลุ่มตัวอย่างไปทำเอง .. อันนี้ก็อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนอะไรต่างๆได้มากกว่า แต่อาจจะไม่กระทบกับในส่วนหลักที่เขาสนใจ แต่นั่นแหละ มันก็ทำให้ข้อมูลความทนทานต่อน้ำตาลของแต่ละคน มันก็อาจจะมีข้อที่ต้องตั้งข้อสังเกตได้ ส่วนข้อมูลจาก CGM นี่ก็อีกเรื่องนึง
🔎 ในงานนี้เขาพบว่า ในสารทดแทนความหวานที่ทำให้การตอบสนองต่อน้ำตาลไม่ปกติ (impaired glycemic responses) ซึ่งมันไม่ได้มีผลทุกคน แต่มีผลบางคน แยกเป็นคนที่มีผลกับไม่มีผล ซึ่งในข้อมูลคนที่เป็น bottom responder มีค่า ketone body (beta-hydroxybutyrate) สูงพอทานน้ำตาลเข้าไปก็ลดลง ส่วนคนที่มี ketone body ต่ำทานน้ำตาลเข้าไปก็สูงขึ้น (แต่ไม่ได้สูงมาก) ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่านอกจากเรื่องของ Microbiome แล้วปัจจัยอื่นอย่าง Diet ที่ทานอยู่ด้วยรึเปล่าที่ส่งผลต่อ Microbiome
ตรงนี้ก็น่าสนใจว่าถ้าเจาะในแต่ละกลุ่มมันตกกลุ่มละ 20 คน ถ้าแยกออกเป็น Top กับ Bottom responses แล้วเนี่ย มีคนที่ให้ผลต่าง 2 คนนี่ก็เทียบเป็น 10% อยู่นะครับ มันไม่ได้มีความชัดเจนจนสรุปได้ว่าผลนี้เกิดขึ้นกับทุกคนแน่ๆ ก็น่าจะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
😎 โดยตัวงานเองก็มีความน่าสนใจ ที่เอาเรื่องของ Microbiome มาศึกษากับ สารทดแทนความหวาน มีการนำ Microbiome ในคนไปถ่ายโอนให้หนูเพื่อดูผลด้วย ว่ามีความเหมือนหรือต่างจากคนให้ยังไง ตรงนี้ก็น่าสนใจ ก็น่าจะได้ผลให้เห็นอยู่ว่า Microbiome สายไหนยังไงมีผลอะไรบ้าง ในแง่นี้คงต้องติดตามการศึกษาต่อไปอีกว่าจะพบอะไรอีกบ้าง
📌 หนูที่เขาใช้ทดลองนี่ transplant fecal microbiome จากคนกลุ่มตัวอย่างไปนะ ไม่ได้ทานสารทดแทนความหวานโดยตรง ตรงนี้ผมเห็นบางที่เขียนว่าหนูก็ทานสารทดแทนความหวานด้วย ไม่ใช่นะ หนูรับจุลินทรีย์จากอุจจาระกลุ่มตัวอย่างไป ถ้าจะว่าตรงๆ ผลที่เกิดขึ้นกับ glucose tolerance test ในหนูเกิดจากการ microbiome ที่แตกต่างกันไปมากกว่า
📌 อีกส่วนนึงนึงที่เห็นค่า Glycemic response ของ Saccharin และ Sucralose ระหว่างการตรวจครั้งที่ 1 กับ baseline ดูสูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอครั้งที่ 1 กับ 2 ดูไม่ต่างกันมาก และเมื่อดูตอน follow up นี่ก็ดูจะย้อนกลับไปที่ baseline ดูก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลในระยะเวลาประมาณนี้ ระยะยาวกว่านั้น ข้อมูลไม่ได้มีบอกไว้
😎 เท่าที่อ่านจากในงานนี้ มันไม่ได้มีอะไรสรุปได้ว่าตัวสารทดแทนความหวานเป็นอันตรายขนาดแบบที่บางคนอ่านแต่หัวข้อแล้วสรุปเลยทันที บางบทความบอกว่าทานสารทดแทนความหวานทำให้เป็นเบาหวานไปแล้ว ในงานนี้มันไม่ได้ถึงจุดนั้น ส่วนถ้าเอางานอื่นๆที่ชัดเจนกว่า มันก็ยังไม่ใช่อยู่เหมือนกัน อันนี้เท่าที่อ่านแล้วอยากจะตั้งข้อสังเกตนะ
📌 อย่างไรก็ตามก็ยังเห็นเหมือนเดิม คือ
1. ถ้าเทียบกับทานน้ำตาลไปเลย การใช้สารทดแทนความหวานก็ยังดีต่อการควบคุมน้ำหนักกว่า
2. ทานได้แต่อย่าให้มันเยอะนัก ในส่วนที่เขาศึกษาว่ามันไม่มีผลอะไรแล้วน่ะโอเค แต่ในส่วนที่เรายังไม่รู้ก็อาจจะมี และที่สำคัญในผลิตภัณฑ์มันไม่ได้มีแค่สารทดแทนความหวาน อย่าง Diet soda มันก็มีส่วนผสมอื่นอยู่ด้วย การดื่มปริมาณมาก เป็นเวลานานต่อเนื่อง งานวิจัยมักจะไม่ได้ครอบคลุมถึง
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-08-24-non-nutritive-sweeteners-on-human-glucose-tolerance/
งานอื่นๆที่น่าสนใจ
อันนี้ก็ศึกษานาน 12 สัปดาห์นะครับ ไม่พบว่ามีผลอะไร ในเรื่อง glycemic response / insulin ก็ไม่พบผลดังกล่าว
https://doi.org/10.1093/ajcn/nqy381
อันนี้ 12 สัปดาห์เหมือนกัน ดู glycemic control ด้านต่างๆสำหรับ Sucralose ก็ไม่พบผลดังกล่าวนะครับ
https://doi.org/10.1016/j.yrtph.2017.05.011
สารทดแทนความหวาน ทำให้ความทนน้ำตาลบกพร่อง ? อาจทำให้เป็นเบาหวาน !?! 😱
📚 คร่าวๆของตัวงานนี่คือเขา ให้คนสุขภาพดีจำนวน กลุ่มละ 20 คน มาทาน Saccharin , Sucralose , Aspartame และ Stevia เทียบกับ Glucose และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ทานอะไร แต่ตรงนี้ถ้าไปดูรายละเอียดจริงๆ มันไม่ใช่ว่าใช้สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลตรงๆนะ เพราะว่าซองที่ให้ไปทานแต่ละอันมันมี Glucose เป็น bulking agent อยู่ด้วย!? ก็เหมือนให้กินน้ำตาลผสมน้ำตาลเทียมทุกวัน ?
🤔 แต่ว่าเท่าที่ดูฟีดแบคจากคนที่แชร์งานนี้กัน (คนต่างชาติที่ผมเห็นในฟีดทวิตเตอร์) หลายคนเข้าใจว่างานนี้บอกว่าสารทดแทนความหวาน จริงๆมีน้ำตาล เพราะกราฟค่าน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้น จะบอกว่าอันนี้ที่มันขึ้นก็ไม่แปลกนาเพราะว่าอย่างที่บอกเขากินร่วมกับน้ำตาลไง
🤔 ทีนี้มันมีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่กลุ่มตัวอย่าง เขาเลือกที่จะกำหนดว่า 6 เดือนก่อนหน้านั้นต้องไม่ใช้สารทดแทนความหวานมาก่อน ทั้งสารทดแทนความหวานเองและจากการถูกใช้ในผลิตภัฑณ์อื่นๆด้วย ถ้าจะดูว่าเพื่อไม่ให้มีผลต่อสิ่งที่เขาสนใจคือจุลินทรีย์ (Microbiome) มันก็พอได้ แต่พอมีเกณฑ์แบบนี้ มันมีโอกาสที่คนที่ไม่เคยใช้เลยเนี่ย มันเป็นเพราะเขามี Bias อะไรกับสารทดแทนความหวานด้วยรึเปล่า เลยไม่ใช้เลย อันนี้ก็เป็นจุดนึง ซึ่งถ้าคนไม่ทานอะไรพวกนี้ เวลามาทานยังไงมันก็รู้นะ รสชาติมันเปลี่ยน รู้สึกได้อาจจะส่งผลด้านอื่นอะไรบ้างก็ไม่รู้
🤔 อีกจุดนึงการตรวจสอบความทนทานต่อน้ำตาล มันไม่ได้ทำโดยผู้วิจัยเป็นคนควบคุมแต่เขาให้กลุ่มตัวอย่างไปทำเอง .. อันนี้ก็อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนอะไรต่างๆได้มากกว่า แต่อาจจะไม่กระทบกับในส่วนหลักที่เขาสนใจ แต่นั่นแหละ มันก็ทำให้ข้อมูลความทนทานต่อน้ำตาลของแต่ละคน มันก็อาจจะมีข้อที่ต้องตั้งข้อสังเกตได้ ส่วนข้อมูลจาก CGM นี่ก็อีกเรื่องนึง
🔎 ในงานนี้เขาพบว่า ในสารทดแทนความหวานที่ทำให้การตอบสนองต่อน้ำตาลไม่ปกติ (impaired glycemic responses) ซึ่งมันไม่ได้มีผลทุกคน แต่มีผลบางคน แยกเป็นคนที่มีผลกับไม่มีผล ซึ่งในข้อมูลคนที่เป็น bottom responder มีค่า ketone body (beta-hydroxybutyrate) สูงพอทานน้ำตาลเข้าไปก็ลดลง ส่วนคนที่มี ketone body ต่ำทานน้ำตาลเข้าไปก็สูงขึ้น (แต่ไม่ได้สูงมาก) ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่านอกจากเรื่องของ Microbiome แล้วปัจจัยอื่นอย่าง Diet ที่ทานอยู่ด้วยรึเปล่าที่ส่งผลต่อ Microbiome
ตรงนี้ก็น่าสนใจว่าถ้าเจาะในแต่ละกลุ่มมันตกกลุ่มละ 20 คน ถ้าแยกออกเป็น Top กับ Bottom responses แล้วเนี่ย มีคนที่ให้ผลต่าง 2 คนนี่ก็เทียบเป็น 10% อยู่นะครับ มันไม่ได้มีความชัดเจนจนสรุปได้ว่าผลนี้เกิดขึ้นกับทุกคนแน่ๆ ก็น่าจะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
😎 โดยตัวงานเองก็มีความน่าสนใจ ที่เอาเรื่องของ Microbiome มาศึกษากับ สารทดแทนความหวาน มีการนำ Microbiome ในคนไปถ่ายโอนให้หนูเพื่อดูผลด้วย ว่ามีความเหมือนหรือต่างจากคนให้ยังไง ตรงนี้ก็น่าสนใจ ก็น่าจะได้ผลให้เห็นอยู่ว่า Microbiome สายไหนยังไงมีผลอะไรบ้าง ในแง่นี้คงต้องติดตามการศึกษาต่อไปอีกว่าจะพบอะไรอีกบ้าง
📌 หนูที่เขาใช้ทดลองนี่ transplant fecal microbiome จากคนกลุ่มตัวอย่างไปนะ ไม่ได้ทานสารทดแทนความหวานโดยตรง ตรงนี้ผมเห็นบางที่เขียนว่าหนูก็ทานสารทดแทนความหวานด้วย ไม่ใช่นะ หนูรับจุลินทรีย์จากอุจจาระกลุ่มตัวอย่างไป ถ้าจะว่าตรงๆ ผลที่เกิดขึ้นกับ glucose tolerance test ในหนูเกิดจากการ microbiome ที่แตกต่างกันไปมากกว่า
📌 อีกส่วนนึงนึงที่เห็นค่า Glycemic response ของ Saccharin และ Sucralose ระหว่างการตรวจครั้งที่ 1 กับ baseline ดูสูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอครั้งที่ 1 กับ 2 ดูไม่ต่างกันมาก และเมื่อดูตอน follow up นี่ก็ดูจะย้อนกลับไปที่ baseline ดูก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลในระยะเวลาประมาณนี้ ระยะยาวกว่านั้น ข้อมูลไม่ได้มีบอกไว้
😎 เท่าที่อ่านจากในงานนี้ มันไม่ได้มีอะไรสรุปได้ว่าตัวสารทดแทนความหวานเป็นอันตรายขนาดแบบที่บางคนอ่านแต่หัวข้อแล้วสรุปเลยทันที บางบทความบอกว่าทานสารทดแทนความหวานทำให้เป็นเบาหวานไปแล้ว ในงานนี้มันไม่ได้ถึงจุดนั้น ส่วนถ้าเอางานอื่นๆที่ชัดเจนกว่า มันก็ยังไม่ใช่อยู่เหมือนกัน อันนี้เท่าที่อ่านแล้วอยากจะตั้งข้อสังเกตนะ
📌 อย่างไรก็ตามก็ยังเห็นเหมือนเดิม คือ
1. ถ้าเทียบกับทานน้ำตาลไปเลย การใช้สารทดแทนความหวานก็ยังดีต่อการควบคุมน้ำหนักกว่า
2. ทานได้แต่อย่าให้มันเยอะนัก ในส่วนที่เขาศึกษาว่ามันไม่มีผลอะไรแล้วน่ะโอเค แต่ในส่วนที่เรายังไม่รู้ก็อาจจะมี และที่สำคัญในผลิตภัณฑ์มันไม่ได้มีแค่สารทดแทนความหวาน อย่าง Diet soda มันก็มีส่วนผสมอื่นอยู่ด้วย การดื่มปริมาณมาก เป็นเวลานานต่อเนื่อง งานวิจัยมักจะไม่ได้ครอบคลุมถึง
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-08-24-non-nutritive-sweeteners-on-human-glucose-tolerance/
งานอื่นๆที่น่าสนใจ
อันนี้ก็ศึกษานาน 12 สัปดาห์นะครับ ไม่พบว่ามีผลอะไร ในเรื่อง glycemic response / insulin ก็ไม่พบผลดังกล่าว
https://doi.org/10.1093/ajcn/nqy381
อันนี้ 12 สัปดาห์เหมือนกัน ดู glycemic control ด้านต่างๆสำหรับ Sucralose ก็ไม่พบผลดังกล่าวนะครับ
https://doi.org/10.1016/j.yrtph.2017.05.011