คุณแม่มาดูโทรศัพท์เรา แบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าคะ

สวัสดีค่ะ เราอายุ 18 ย่าง 19 เป็นลูกสาวคนเดียว คุณแม่เป็นห่วงในระดับหนึ่ง และคุณแม่ก็ดูแลสอดส่องโซเชียลมีเดียของเรามาตั้งแต่เราอายุ 11 ปี ช่วงแรกเราไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเราก็รู้ตัวว่าเรายังเด็ก ต้องได้รับการดูแลในหลาย ๆ เรื่อง แต่พอโตขึ้นจนอายุ 16 ปี เราเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำนี้เลยค่ะ และเราก็ทราบจากเพื่อนหลาย ๆ คนด้วย ว่าไม่มีคุณแม่คนไหนทำแบบนี้ เราเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ จนไม่มีความสุข เพราะเราก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง ซึ่งแน่นอนค่ะ เราเลือกที่จะพูดคุยกับคุณแม่ตรง ๆ แต่เขาไม่โอเค และยืนยันที่จะทำแบบเดิม และก็เกิดเหตุการณ์ให้ผิดใจกันเรื่อยมา จนตอนนี้เราอายุ 18 แล้ว เรารู้สึกไม่มีความสุขทุกครั้งที่อยู่บ้านเลยค่ะ เราก็รู้สึกผิดที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้กับคุณแม่ เพราะที่ผ่านมา คุณแม่เลี้ยงดูเราอย่างดีมาตลอด แต่จากใจเลย เราไม่มีความสุขเพราะไม่มีพื้นที่ของตัวเองจริง ๆ นะคะ เพราะการที่คุณแม่เราทำแบบนี้ เหมือนกับการเข้ามาควบคุมชีวิตเรา ให้เราเดินไปตามทางที่เขาวางไว้ เขาจะชอบพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า ให้ทำตัวเองให้ดี ทำอะไรก็นึกถึงหน้าพ่อแม่ หรืออย่างเลวร้ายที่สุด เขาบอกกับเราว่า ถ้าคิดว่าชีวิตเป็นของตัวเองก็ไปอยู่ที่อื่น เรารู้สึกเสียใจมากเลยค่ะ เราเองก็รู้ว่าทุกครั้งที่ผิดใจกัน คุณแม่เราก็เสียใจ แต่เราแค่อยากมีพื้นที่ของตัวเอง แบบนี้เราเรียกร้องมากเกินไปหรือเปล่าคะ เราแค่อยากถามทุกคน ว่าสิ่งที่เราต้องนั้น มากเกินไปหรือเปล่า เพราะตอนนี้เราไม่มีความสุขจริง ๆ และคุณแม่ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกเราเลยด้วย ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
สิ่งที่แม่คุณทำนั้นไม่ถูกต้องและความอึดอัดใจของคุณก็ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ

แม่ที่ดีจะเคารพสิทธิ์ในตัวลูก ไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว เช่น ไม่แอบอ่านไดอารี่ ไม่แอบติดกล้องวงจรปิดในห้องนอนโดยไม่บอก ไม่รื้อค้นของในห้องลูก ไม่แกะพัสดุของลูก และไม่ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของลูกมาเช็ค เป็นต้น

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณไม่ได้ทำตัวให้แม่ไว้ใจ แต่แม่เขาคิดว่าเขาเป็นเจ้าของชีวิตคุณ คุณจะต้องได้ดั่งใจเขา เขาจึงบอกว่าทำอะไรให้นึกถึงหน้าพ่อแม่ แม่คุณนึกถึงความสุขของตัวเองมากกว่าคุณค่ะ ฉะนั้นแล้วต่อให้คุณทำตัวอยู่ในกรอบอย่างที่แม่วางไว้เป๊ะ ๆ แม่ก็จะไม่ไว้ใจคุณและทำแบบเดิมอยู่ดีเพราะแม่คิดว่าแม่คือแม่ แม่ต้องควบคุมชีวิตคุณได้

มันอาจจะมีความรักและเป็นห่วงจริงอยู่บ้าง แต่ในความต้องการคืออยากควบคุมเพื่อให้คุณได้ดั่งใจนั่นล่ะ ห้ามทำอย่างนั้นนะ ห้ามเป็นอย่างนี้นะ ต้องทำอย่างนั้นสิ ต้องทำอย่างนี้สิ

ทุกครั้งที่ผิดใจกันแม่คุณไม่ได้เสียใจที่ตัวเองทำร้ายความรู้สึกคุณ แต่เสียใจที่คุณทำตัวไม่ได้ดั่งใจแม่ต่างหาก  

ถ้าจขกท.มีโอกาสไปอยู่ที่อื่นได้ก็อยู่ค่ะ อยู่ห่างกัน แยกกันอยู่จะดีที่สุด อาจจะไปเรียนมหาลัยไกลบ้านหรืออดทนจนเรียนจบแล้วย้ายออกไปอยู่คนเดียวอะไรแบบนี้ ช่วงนี้ก็อดทนหน่อยแล้วกันนะคะ ซ่อนอะไรได้ก็ซ่อน ใส่รหัสอะไรได้ก็ใส่รหัสค่ะ
ความคิดเห็นที่ 20
เรื่องอื่นๆ คนอื่นแนะนำไปเยอะแล้ว  
แต่ เราขอติงเรื่องเดียว  สิ่งที่เพื่อนพูด  ไม่จำเป็นต้องจริงเสมอไปนะคะ
เช่น  คำว่า  "ไม่มีแม่คนไหนทำแบบนี้"   ไม่จริงเสมอไปนะ
ยังมีแม่"บางคน"ที่ทำแบบนี้   และ มีลูก"บางคน"ที่รับได้  
เรื่องบางเรื่อง  ถ้าต้องตัดสินผิด-ถูก ขาว-ดำ  มันทำให้เกิดขัดแย้ง แตกหัก ทุกข์ใจ
เรื่องราวในครอบครัว  มันเป็น love&hate relationship  มันต้องใช้ศิลปะการเจรจา
หลายครั้ง  สามารถหาจุดกึ่งกลางได้  พบกันครึ่งทางได้  เพราะมีความรัก  เป็นจุดเชื่อม
ลองเอาจุดนี้ไปปรับใช้ดูค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
Social Media เป็นดาบสองคม อาจย้อนมาทำร้ายตัวเองได้ ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ โตจนทำงานหลายปีแล้วก็ตาม  สิ่งสำคัญมันไล่ลบจนหมดเกลี้ยงไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีคือระวังไม่ทำอะไรที่จะทำให้ต้องเสียใจในวันหน้า

แม่ไม่อยากเห็นลูกสาวใช้วาจาหยาบคาย (ตามเพื่อน หรือเพราะมันเป็น trend ในหมู่วัยรุ่น)  ไม่อยากเห็นลูกถ่ายรูปตัวเองโชว์นม โชว์ก้น แถมไม่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ปล่อยให้ใครต่อใครเห็นหมด ฯลฯ  แม่ไม่อยากเห็นลูกหลงคารมคนแหลกหน้าที่เพิ่งเจอกันผ่านอินเตอร์เน็ท กลัวลูกหลงเขาจนพูดอะไรไม่ฟัง

หนูรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าทำให้แม่เขาเป็นกังวล  ถ้าทำได้ เขาก็ไม่มาดูหรอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่