🇹🇭💚มาลาริน💚🇹🇭24ส.ค.โควิดไทยที่29โลก/ป่วย2,062คน หาย2,100คน ตาย28คน/อนุทินหารือ สธ.สหรัฐแก้สัญญาไฟเซอร์นำเข้าวัคซีน


https://www.bangkokbiznews.com/social/public_health/1022630



วันนี้ (24 ส.ค.2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผย ภายหลังหารือทวิภาคีร่วมกับ  "แอนเดรีย ปาล์ม" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการสุขภาพ และบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการหารือก่อนการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค

โดยการหารือ ในวันนี้ เป็นการประชุมวงเล็ก ก่อนประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยเป็นการหารือเรื่องความร่วมมือในการจัดการโรคระบาด
ที่ผ่านมาสหรัฐ ได้ช่วยเหลือไทยเป็นอย่างมากในเรื่องของการจัดหาวัคซีน mRNA ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกันทางสหรัฐ ได้ชื่นชมไทยในการส่งตัวอย่างเชื้อโควิด-19 เมื่อคราวพบครั้งแรกๆ ให้ทางสหรัฐ ได้นำไปใช้ผลิตเป็นยา และวัคซีน

👉เล็งแก้สัญญาไฟเซอร์นำเข้าวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน 3 ล้านโดส
รมว.สธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี ว่า ได้มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เจรจากับบริษัท ไฟเซอร์ เรียบร้อยแล้ว

ในการปรับปรุงสัญญาการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ล็อตเดิม มาเป็นสัดส่วนวัคซีนสำหรับเด็กเล็กดังกล่าว จำนวน 3 ล้านโดส ซึ่งจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เบื้องต้นทางบริษัท ไฟเซอร์ ก็เห็นชอบในหลักการที่ให้ปรับเปลี่ยนได้ ไม่มีปัญหา และคาดว่าน่าจะสามารถนำเข้ามาได้โดยเร็วที่สุด เพื่อฉีดให้กับเด็กเล็กในกลุ่มวัยดังกล่าว
 
👉ชื่นชมชาวไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐ
"อนุทิน" กล่าวต่อว่า ในนามรัฐบาลไทยได้ขอบคุณความช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐ ทั้งการบริจาควัคซีน mRNA มาให้หลายล้านโดส การส่งเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ต่างๆ มาช่วยเหลือ ขณะที่ ทางสหรัฐ ก็ได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งข้อมูลวิชาการ รวมถึงตัวอย่างเชื้อไปให้ทางการสหรัฐ เพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์

นอกจากนี้ยังได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย ที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนค่อนข้างสูงในการตอบสนองนโยบาย และมาตรการต่างๆ จากรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย ที่ยังปฏิบัติอยู่ ขณะที่สหรัฐไม่สามารถบังคับได้
รวมถึงประเทศไทยยังดูแลผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ในการรักษาพยาบาล การฉีดวัคซีน ทำให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง ที่สามารถแก้วิกฤติต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้

https://www.bangkokbiznews.com/social/1022805

ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02foVeiX8pghZAbxf9oUFBLYaQtxXxVbwgPAzps1v867MVLVdazrLadGPQLKVdwVgol


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 23 ส.ค. 2565)
รวม 142,515,148 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 23 สิงหาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 33,255 โดส

เข็มที่ 1 : 3,673 ราย
เข็มที่ 2 : 7,885 ราย
เข็มที่ 3 : 21,697 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,227,694 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,670,662 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,616,792 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02Fb3zQyc21mW1fdnzVG9Ecc2PqEGDnBuzkWamQw5461sUogXdjSFffLoNh5Cx53fol


อนามัยโพล เผย !! คนไทยมีพฤติกรรมป้องกันโควิด “เพิ่มขึ้น” เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น
-สวมหน้ากาก ร้อยละ 95.5
-ล้างมือ ร้อยละ 88.4
-เว้นระยะห่าง ร้อยละ 87.2

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การป้องกันตนเองจากโควิด-19 ด้วยหลัก UP (Universal Prevention) ยังคงเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ต้องปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการสำรวจอนามัยโพล ในเดือนสิงหาคม 2565 แนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากมากขึ้น จากร้อยละ 94.2 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95.5 โดยเหตุผลที่สวมหน้ากากมากขึ้นเนื่องจากเข้าสถานที่หรืออาคารปิด ใกล้ชิดผู้ป่วย ผู้เสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ และเข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันหนาแน่น พบมีการล้างมือเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 86.9 เป็นร้อยละ 88.4 โดยสาเหตุที่ล้างมือมากขึ้น เนื่องจากต้องหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร และพบมีการเว้นระยะห่างเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 86.3 เป็นร้อยละ 87.2 โดยมีสาเหตุเพราะจะต้องไปเจอกลุ่ม 608 หรือพบเจอคนที่ไม่รู้จัก จึงต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่นมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลการสังเกตเห็นผู้อื่นปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่า พบเห็นเด็กนักเรียนสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ร้อยละ 93.3 เห็นประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ร้อยละ 92.7 ส่วนผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป พบว่า ร้อยละ 92.2 สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กับผู้อื่น

ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้มีการดำเนินชีวิตภายใต้มาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่เพื่อความไม่ประมาทและป้องกันตนเองจากความเสี่ยง ประชาชนยังคงพึงปฏิบัติพฤติกรรมสุขอนามัยที่ดี ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีเมื่อมีอาการป่วย รวมถึงเมื่อใกล้ชิดผู้ป่วย ผู้เสี่ยงสูง กลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือเมื่อร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หมั่นล้างมือเป็นประจำเมื่อสัมผัสสิ่งของ หลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่แออัด พร้อมทั้งควรตรวจ ATK ทันที เมื่อมีอาการน่าสงสัย หรือตรวจหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือผู้เสี่ยงสูง 3-5 วัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0odoveqjS8wqcoWSJQghiBANhjo4tN5Cuuf59nszZLWJjmTpkKQZcG31kLpibMPyul


อย. อนุมัติ!! วัคซีนไฟเซอร์ ฉีดในกลุ่มเด็ก 6 เดือน – น้อยกว่า 5 ปี

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 คณะอนุกรรมการพิจารณาการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์ที่เป็นวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีมติ เห็นชอบการขยายขอบเขตข้อบ่งใช้ของวัคซีนโคเมอร์เนตี (COMIRNATY VACCINE) ของบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน – น้อยกว่า 5 ปี ขวดฝาจุกสีม่วงแดง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว

ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และมีการขยายอายุให้ใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี สำหรับการฉีดในกลุ่มเด็ก โดยมีขนาดการใช้วัคซีนลดลงเหลือ 10 ไมโครกรัม ด้วยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน

สำหรับปริมาณการใช้วัคซีน “ในกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน – น้อยกว่า 5 ปี” จะใช้วัคซีนโดสละ 0.2 มิลลิลิตร (3 ไมโครกรัม) ฉีด 3 เข็ม โดยเข็ม 2 ห่างจากเข็ม 1 3 สัปดาห์ และเข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 8 สัปดาห์สามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 80.3%

ข้อมูล : อย. 24/8/2565
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid0fJmpWSYFxQqYuCpLnmV1ebTjg7cMSjNKKZ54GQpWy3ZzD4ix4v5mCCoVduUKNpkol
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่