JJNY : “ณัฐวุฒิ”เตือนประยุทธ์│กทม.จ่อเก็บภาษีที่ดินเกษตรเต็มเพดาน│จับตาจีน-ไต้หวันขัดแย้ง│เตือนหลายพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก

"ณัฐวุฒิ"เตือน"ประยุทธ์" หากอยู่ต่อระวังจบไม่สวย เส้นทางมุ่งสู่การเป็นทรราช
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3518259
  
 
สัมภาษณ์พิเศษ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ชี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรลาออก ณ ตอนนี้ ประเทศไทยอยู่ได้โดยไม่ต้องมีประยุทธ์และ 3 ป. หากฝืนอยู่ต่อระวังจบไม่สวยและกลายเป็นทรราชเสียเอง  ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



กทม.สั่ง 50 เขตสำรวจ 3 โซนจ่อเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรม 0.15% เต็มเพดาน
https://www.matichon.co.th/local/news_3518498
 
กทม.สั่ง 50 เขตสำรวจ 3 โซนจ่อเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรม 0.15% เต็มเพดาน
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ผู้บริหาร กทม.สั่งให้สำนักงานเขต 50 แห่ง สำรวจแปลงที่ดินที่ใช้ประโยชน์เป็นเกษตรกรรมทั้งหมดในที่ดินตามแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือตามโซนของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ได้แก่ ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม (โซนสีแดง) ที่ดินประเภทอุตสาหกรรม (โซนสีม่วง) ที่ดินประเภทคลังสินค้า (โซนสีเม็ดมะปราง) และที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก (โซนสีน้ำตาล) เพื่อเป็นข้อมูลให้สำนักการคลังจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการคิดอัตราภาษีเพิ่มขึ้น โดยขอให้สำนักงานเขตจัดส่งข้อมูลภายในวันที่ 30 กันยายนนี้
 
“กทม.มีนโยบายจัดเก็บภาษีในอัตราภาษีที่สูงกว่าอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายผังเมือง เช่น มีที่ดินอยู่โซนสีแดง แต่นำมาปลูกกล้วย มะม่วง มะนาว เพื่อให้เข้าเกณฑ์ภาษีที่ดินเกษตรกรรม และจ่ายอัตราภาษีในอัตราที่ถูกลง ถือว่าเป็นการใช้ประโยชนที่ดินไม่ถูกที่ถูกทาง แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้ดำเนินการได้ก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อให้ กทม.เก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น จึงจะขอสภา กทม.ออกข้อบัญญัติกำหนดอัตราภาษีที่ดินบางประเภทใหม่แต่ไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนด” แหล่งข่าวกล่าว
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำนักการคลัง กทม.ได้ยกร่างข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. … เพิ่มอัตราภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม ประเภทอุตสาหกรรม และประเภทคลังสินค้า ตามกฎหมายผังเมืองที่ใช้ในเขตกรุงเทพฯ เป็น 0.15% ของฐานภาษี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดตามที่ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 มาตรา 37 วรรคหนึ่ง ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไว้ ส่วนที่ดินนอกเหนือ 3 ประเภทดังกล่าว ใช้อัตราภาษีตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาในปัจจุบัน
 
“เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย สำนักการคลัง กทม.ทำหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หารือปัญหาการตราข้อบัญญัติ กทม.เพราะ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 มาตรา 39 วรรคหก ให้อำนาจ อปท.ตราข้อบัญญัติกำหนดอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บในอัตราที่สูงกว่าที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่มีข้อความดังเช่นวรรคห้าที่ให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีแยกตามประเภทการใช้ประโยชน์หรือตามเงื่อนไขในแต่ละประเภทการใช้ประโยชน์ได้ ทั้งนี้ อยู่ระหว่างรอคำตอบจากกระทรวงการคลัง” แหล่งข่าวกล่าว
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในที่ประชุมผู้บริหาร กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ความเห็นว่าในเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาพิจารณาในรายละเอียดให้สำนักการคลัง แจ้งฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต สำรวจแปลงที่ดินที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในที่ดินที่อยู่ในโซนสีแดงประเภทพาณิชยกรรม หรือสำรวจแปลงที่ดินที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีการทำเกษตรกรรมจริงจำนวนเท่าใด เพราะเจตนารมณ์ของการยกร่างข้อบัญญัตินี้ เพื่อให้เจ้าของที่ดินในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูง และไม่ได้ประกอบการอาชีพเกษตรกรรม เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
 
“กทม.รอดูแนวทางวันที่ 30 สิงหาคมนี้ ที่จะมีการประชุมอนุกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินฯ มีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เป็นประธานว่าจะมีแนวทางอย่างไรสำหรับข้อหารือที่ กทม.ได้ยื่นเสนอไปขอปรับเพดานเก็บภาษีที่ดิน สำหรับที่ดินเกษตรกรรมตามโซนสีผังเมือง จากปัจจุบัน 0.01-0.1% เป็น 0.15% หรือเพิ่มขึ้น 15 เท่า จากล้านละ 100 บาท เป็นล้านละ 1,500 บาท เพื่อให้ กทม.เก็บภาษีได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว และว่า สำหรับผลการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปีงบประมาณ 2565 ของ 50 สำนักงานเขต ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 กรกฎาคม 2565 มีจำนวนผู้เสียภาษี 488,855 ราย เป็นเงิน 10,376.158 ล้านบาท คิดเป็น 91.2% ทั้งนี้ มีธุรกิจรายใหญ่ขอผ่อนชำระ 3 งวด หลายรายร่วม 2,000 ล้านบาท
 


  
จับตาจีน-ไต้หวันขัดแย้ง ลากยาวฉุดส่งออก
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_394986/
 
เอกชน จับตาความขัดแย้งจีน-ไต้หวัน หากยืดเยื้อยาวนาน กระทบส่งออกภาพรวม วัตถุดิบขาดแคลน
 
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า เหตุความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันเวลานี้มีผลต่อการนำเข้าสินค้าของจีน ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนมานำเข้าจากประเทศอื่นๆ อาจเป็นโอกาสของสินค้าไทยและประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะสินค้าอาหาร
 
แต่หากความขัดแย้งยืดเวลานานขึ้น อาจทำให้การส่งออกในภาพรวมได้รับผลกระทบมากกว่าได้ประโยชน์ เป็นการได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากไต้หวันเป็นประเทศผู้ผลิตชิปเซนิคอนดักเตอร์สำคัญทั้งในส่วนของยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
 
รวมถึงสินค้าไอทีต่างๆ หากไม่สามารถผลิตได้จากเหตุความขัดแย้งกับประเทศจีน จะทำให้การผลิตสินค้าสำคัญของไทยโดยเฉพาะสินค้าที่กำลังพัฒนา เช่น รถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถผลิตเพื่อส่งออกได้ เพราะมีความต้องการใช้ทั้งชิปเซนิคอนดักเตอร์ และแบตเตอรี่ อาจทำให้การส่งมอบล่าช้าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งก็ไม่สามารถตอบได้ว่าความขัดแย้งจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน และจะมีผลต่อการส่งออกของไทยในระดับใด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่