สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่มีคอนโด ความชื้น น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ตัวนึงที่เจอกันประจำแบบผมแน่ๆ ยิ่งเข้าหน้าฝนที่ฝนตกหนักๆถี่ๆแทบทุกวันแบบนี้ ความชื้นพุ่งสุดๆ ไหนจะเชื้อรา ความอับ ไหนจะตากผ้าไม่แห้ง มีกลิ่นอับๆอีก สารพัดเรื่องเลยครับ ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวยิ่งจัดการลำบากเข้าไปใหญ่
จากที่ผมเคยอ่านมาความชื้นที่เหมาะกับร่างกายเราอยุ่ที่ 40-60 % ครับ แต่หน้าฝนแบบนี้ในคอนโดที่ระบายได้ไม่เท่าบ้าน จะสูงไปถึง 70% ได้ไม่แปลกเลย และถ้าใครจำได้รอบก่อนผมเคยรับฝากเจ้าฟู แมวตัวโตจากเพื่อนมาเลี้ยงช่วยดูคุณเค้าเวลาเพื่อนไม่อยู่ยาวๆ ช่วงอยู่บ้าน ยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงไหนมาอยู่คอนโด ความชื้นมักจะทำให้น้องเป็นเชื้อราติดต่อมาที่ผิวเราได้ด้วยครับ ยิ่งแมวขนยาวอย่างคุณฟูแกยิ่งเป็นง่ายเลย
ผมเลยลอง search หาตัวช่วยแก้ปัญหา หาพวกเครื่องลดความชื้น จนมาเจอกับ
LG PuriCare Dehumidifier 16 รุ่น MD 16GQSA1 ตัว 16 ลิตร ที่ทำงานด้วยคอมเพรสเซอร์ระบบ
Dual Inverter ตอบโจทย์ผมได้ครบเลยครับ เพราะนอกจากลดความชื้นในอากาศ ให้หายใจสะดวกขึ้นช่วยเรื่องภูมิแพ้ผมได้ด้วยแล้ว ยังมีทำงานเงียบ มีโหมดให้ใช้เพียบ ทั้งแบบเป่าแห้งเฉพาะจุด แก้ปัญหารองเท้าชื้นหน้าฝน ช่วยตากผ้าแห้งไว กำจัดแบคทีเรีย และอื่นๆเพียบ ที่สำคัญยังตั้งเวลา และสั่งงานด้วยมือถือได้ด้วย สะดวกสุด เดี๋ยวผมจะรีวิวไล่ไปให้ฟังทีละส่วนไล่ไปเลยละกัน
เริ่มจากตัวเครื่องดีไซน์เรียบสวย วางในห้องไม่เกะกะ ผมเลือกตัวนี้มาเพราะครอบคลุมพื้นที่ 25-66 ตร.ม. ดูแลคอนโดผมได้สบาย ประสิทธิภาพการลดความชื้นสูงถึง 28 ลิตรต่อวัน พร้อมมีคอมเพรสเซอร์ระบบ Dual Inverter ที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเสียงรบกวนต่ำ (ระบบที่มีในแอร์ที่เราคุ้นเคยกัน) และยังมีเทคโนโลยี Plasmaster Ionizer กำจัดเชื้อแบคทีเรียในอากาศด้วยไอออนไนซ์เซอร์ ตัวเครื่องมีด้านจับถนัดมือ พร้อมล้อเลื่อนได้รอบทิศทาง ทำให้ลากไปวางตามจุดต่างๆสะดวกเลย
ถังเก็บน้ำแบบใสของเครื่องอยู่ด้านข้างถอดออกได้ด้วยมือเดียวได้ มองเห็นระดับน้ำได้จากด้านนอก และมีระบบป้องกันน้ำรั่วซึมด้วยครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มใช้งานกันดีกว่า ผมจะเล่าไล่ไปทีละโหมดของเครื่องเลยนะครับ เริ่มจากโหมดแรกสุดอย่าง ‘SMART’ โหมดอัตโนมัติที่ช่วยปรับระดับความชื้นในอากาศได้เองโดยอัตโนมัติ เราสามรถเลือกระดับความชื้นที่ต้องการได้โดยแนะนำตั้งแต่ 40-60% โดยกดแต่ละครั้งจะปรับไปทีละ 5% ครับ ( กดเสร็จซักพักหน้าจอจะแสดงเป็นค่าความชื้น ณ ปัจจุบัน นะครับไม่ต้องแปลกใจ ) รวมถึงเราสามารถปรับความแรงของลมได้ตามต้องการด้วยครับโดยเริ่มต้นเครื่องจะเซตค่าไว้ที่ High ครับ
โหมดถัดมาจะเป็นโหมด ‘Jet’ สำหรับการลดความชื้นแบบเร่งด่วน โดยโหมดนี้จะทำงานเป็นเวลา 60 นาที โดยจะใช้ลมแบบแรง จากนั้นจะค่อยปรับเป็นเป็นโหมด Smart เอง แต่ถ้าเรามาปรับให้ความแรงของลมลดลง เครื่องจะกลับสู่โหมด Smart เช่นกันครับ //สำหรับคนไม่ค่อยอยู่ห้องแบบผม กลับมาเปิดแบบเร่งก่อนเข้า smart กำลังดีเลย
โหมดที่สามคือ ‘Silent’ หรือการลดความชื้นแบบเงียบ จะเหมาะไว้ใช้ช่วงกลางคืนครับ ยิ่งเครื่องมีที่จับสะดวกนี่ผมลากไปไว้ในห้องนอนสบายเลย เปิดโหมดนี้แล้ว เครื่องจะทำงานแบบเงียบให้เรานอนหลับได้สบายเลย แถมพอใช้แล้วผมนอนหลับสบายขึ้นเยอะเลยครับเพราะตื่นมาไม่รู้สึกคัดจมูกหรือระคายคอเหมือนตอนนอนแบบมีความชื้นเยอะๆ
โหมดที่สี่ของเครื่องคือ ‘Spot’ ที่เอาไว้ใช้ลดความชื้นเฉพาะจุดสำหรับรองเท้าและตู้เสื้อผ้าเป็นหลัก เรียกว่าผมถูกใจโหมดนี้มากครับ เพราะหน้านี้ออกไปไหนมาไหน sneaker คู่โปรดโดนฝนชื้นประจำเลย วิธีใช้ก็สะดวก ในเซ็ตจะมีท่อต่อเสริมมาให้ เราเอามาต่อกับเครื่อง และต่อกับหัวที่ต้องการง่ายๆเลย
เริ่มจากหัวแรกสำหรับลดความชื้นในรองเท้า ใช้หัวต่อ Y-Hose (รูปร่างเหมือนตัว Y) เสียบไปในรองเท้าได้เลยครับ ตั้งทิ้งไว้ได้ จะใช้ตอนชื้นๆ หรือหลังซักรองเท้ามาก็สะดวก
อีกหัวนึงที่ให้มาด้วยจะแบนหน่อย เป็นหัวต่อ T-Hose (รูปร่างเหมือนตัว T) ใช้ในการลดความชื้นในตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชักสะดวกเลยครับ เปิดแล้วสอดเข้าไปทิ้งไว้ได้เลย
โหมดที่ห้า น่าจะถูกใจคนอยู่คอนโดช่วงนี้สุดๆคือโหมด ‘Laundry’ ที่เอาไว้เป็นตัวช่วยสำคัญในการตากผ้าแห้งในช่วงหน้าฝน ยิ่งห้องผมตัวระเบียงมีกระจกปิดให้เป็นห้องเล็กๆ ถึงแม้จะช่วยกันฝน แต่ก็อับชื้น ใช้โหมดนี้ช่วยในการตากผ้าหลังซักได้สะดวกเลยครับ ทีนี้ผมก็ออกไปลุยไหนๆได้ไม่กลัวเสื้อมีกลิ่นอับแล้ว
อีกข้อดีที่ชอบเลยคือของ LG เค้าจะมีแอปในมือถือเป็นแอป LG ThinQ ที่ให้ควบคุมสั่งงานผ่านมือถือได้สะดวก โดยเราจะสั่งโหมดต่างๆ ตั้งเวลา หรือดูการใช้ไฟผ่านแอปได้ด้วยครับ
การดูแลตัวเครื่องก็ชิลมาก เพราะตัวนี้มี Auto Cleaning ระบบไล่ความชื้นอัตโนมัติ เป่าลมกำจัดความชื้นภายในตัวเองทุกครั้งหลังปิดการใช้ ลดการสะสมของเชื้อรา แบคทีเรียและกลิ่นอับในตัวเครื่องได้อย่างดี นอกจากนั้นเรายังสามารถซื้อท่อมาต่อเพิ่มได้เพื่อระบายน้ำแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องถอดถังน้ำไปเททิ้งได้ด้วย
โดยรวมจากที่ลองใช้เครื่องลดความชื้น
LG PuriCare รุ่น 16 ลิตร มาแล้วอาทิตย์กว่าๆผมถูกใจเลยครับ ถ้าใครมีคอนโดแล้วมีปัญหาเรื่องความชื้นแบบผมนี่แนะนำให้ลองเลย อย่างหน้าฝนตอนนี้ที่ปกติจะเหนอะหนะตัวก็รู้สึกสบายขึ้นมาก ภูมิแพ้ผมก็ดีขึ้นด้วยครับ โดยรวมแล้วเครื่องนี้ตอบโจทย์มากๆ แนะนำว่าหาติดห้องไว้ได้ใช้แน่นอน
[BR] รีวิวป้ายยาเครื่องลดความชื้น LG PuriCare Dehumidifier 16 สำหรับชาวคอนโดไว้สู้หน้าฝน
สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่มีคอนโด ความชื้น น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ตัวนึงที่เจอกันประจำแบบผมแน่ๆ ยิ่งเข้าหน้าฝนที่ฝนตกหนักๆถี่ๆแทบทุกวันแบบนี้ ความชื้นพุ่งสุดๆ ไหนจะเชื้อรา ความอับ ไหนจะตากผ้าไม่แห้ง มีกลิ่นอับๆอีก สารพัดเรื่องเลยครับ ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวยิ่งจัดการลำบากเข้าไปใหญ่
จากที่ผมเคยอ่านมาความชื้นที่เหมาะกับร่างกายเราอยุ่ที่ 40-60 % ครับ แต่หน้าฝนแบบนี้ในคอนโดที่ระบายได้ไม่เท่าบ้าน จะสูงไปถึง 70% ได้ไม่แปลกเลย และถ้าใครจำได้รอบก่อนผมเคยรับฝากเจ้าฟู แมวตัวโตจากเพื่อนมาเลี้ยงช่วยดูคุณเค้าเวลาเพื่อนไม่อยู่ยาวๆ ช่วงอยู่บ้าน ยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงไหนมาอยู่คอนโด ความชื้นมักจะทำให้น้องเป็นเชื้อราติดต่อมาที่ผิวเราได้ด้วยครับ ยิ่งแมวขนยาวอย่างคุณฟูแกยิ่งเป็นง่ายเลย
ผมเลยลอง search หาตัวช่วยแก้ปัญหา หาพวกเครื่องลดความชื้น จนมาเจอกับ LG PuriCare Dehumidifier 16 รุ่น MD 16GQSA1 ตัว 16 ลิตร ที่ทำงานด้วยคอมเพรสเซอร์ระบบ Dual Inverter ตอบโจทย์ผมได้ครบเลยครับ เพราะนอกจากลดความชื้นในอากาศ ให้หายใจสะดวกขึ้นช่วยเรื่องภูมิแพ้ผมได้ด้วยแล้ว ยังมีทำงานเงียบ มีโหมดให้ใช้เพียบ ทั้งแบบเป่าแห้งเฉพาะจุด แก้ปัญหารองเท้าชื้นหน้าฝน ช่วยตากผ้าแห้งไว กำจัดแบคทีเรีย และอื่นๆเพียบ ที่สำคัญยังตั้งเวลา และสั่งงานด้วยมือถือได้ด้วย สะดวกสุด เดี๋ยวผมจะรีวิวไล่ไปให้ฟังทีละส่วนไล่ไปเลยละกัน
เริ่มจากตัวเครื่องดีไซน์เรียบสวย วางในห้องไม่เกะกะ ผมเลือกตัวนี้มาเพราะครอบคลุมพื้นที่ 25-66 ตร.ม. ดูแลคอนโดผมได้สบาย ประสิทธิภาพการลดความชื้นสูงถึง 28 ลิตรต่อวัน พร้อมมีคอมเพรสเซอร์ระบบ Dual Inverter ที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเสียงรบกวนต่ำ (ระบบที่มีในแอร์ที่เราคุ้นเคยกัน) และยังมีเทคโนโลยี Plasmaster Ionizer กำจัดเชื้อแบคทีเรียในอากาศด้วยไอออนไนซ์เซอร์ ตัวเครื่องมีด้านจับถนัดมือ พร้อมล้อเลื่อนได้รอบทิศทาง ทำให้ลากไปวางตามจุดต่างๆสะดวกเลย
ถังเก็บน้ำแบบใสของเครื่องอยู่ด้านข้างถอดออกได้ด้วยมือเดียวได้ มองเห็นระดับน้ำได้จากด้านนอก และมีระบบป้องกันน้ำรั่วซึมด้วยครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มใช้งานกันดีกว่า ผมจะเล่าไล่ไปทีละโหมดของเครื่องเลยนะครับ เริ่มจากโหมดแรกสุดอย่าง ‘SMART’ โหมดอัตโนมัติที่ช่วยปรับระดับความชื้นในอากาศได้เองโดยอัตโนมัติ เราสามรถเลือกระดับความชื้นที่ต้องการได้โดยแนะนำตั้งแต่ 40-60% โดยกดแต่ละครั้งจะปรับไปทีละ 5% ครับ ( กดเสร็จซักพักหน้าจอจะแสดงเป็นค่าความชื้น ณ ปัจจุบัน นะครับไม่ต้องแปลกใจ ) รวมถึงเราสามารถปรับความแรงของลมได้ตามต้องการด้วยครับโดยเริ่มต้นเครื่องจะเซตค่าไว้ที่ High ครับ
โหมดถัดมาจะเป็นโหมด ‘Jet’ สำหรับการลดความชื้นแบบเร่งด่วน โดยโหมดนี้จะทำงานเป็นเวลา 60 นาที โดยจะใช้ลมแบบแรง จากนั้นจะค่อยปรับเป็นเป็นโหมด Smart เอง แต่ถ้าเรามาปรับให้ความแรงของลมลดลง เครื่องจะกลับสู่โหมด Smart เช่นกันครับ //สำหรับคนไม่ค่อยอยู่ห้องแบบผม กลับมาเปิดแบบเร่งก่อนเข้า smart กำลังดีเลย
โหมดที่สามคือ ‘Silent’ หรือการลดความชื้นแบบเงียบ จะเหมาะไว้ใช้ช่วงกลางคืนครับ ยิ่งเครื่องมีที่จับสะดวกนี่ผมลากไปไว้ในห้องนอนสบายเลย เปิดโหมดนี้แล้ว เครื่องจะทำงานแบบเงียบให้เรานอนหลับได้สบายเลย แถมพอใช้แล้วผมนอนหลับสบายขึ้นเยอะเลยครับเพราะตื่นมาไม่รู้สึกคัดจมูกหรือระคายคอเหมือนตอนนอนแบบมีความชื้นเยอะๆ
โหมดที่สี่ของเครื่องคือ ‘Spot’ ที่เอาไว้ใช้ลดความชื้นเฉพาะจุดสำหรับรองเท้าและตู้เสื้อผ้าเป็นหลัก เรียกว่าผมถูกใจโหมดนี้มากครับ เพราะหน้านี้ออกไปไหนมาไหน sneaker คู่โปรดโดนฝนชื้นประจำเลย วิธีใช้ก็สะดวก ในเซ็ตจะมีท่อต่อเสริมมาให้ เราเอามาต่อกับเครื่อง และต่อกับหัวที่ต้องการง่ายๆเลย
เริ่มจากหัวแรกสำหรับลดความชื้นในรองเท้า ใช้หัวต่อ Y-Hose (รูปร่างเหมือนตัว Y) เสียบไปในรองเท้าได้เลยครับ ตั้งทิ้งไว้ได้ จะใช้ตอนชื้นๆ หรือหลังซักรองเท้ามาก็สะดวก
อีกหัวนึงที่ให้มาด้วยจะแบนหน่อย เป็นหัวต่อ T-Hose (รูปร่างเหมือนตัว T) ใช้ในการลดความชื้นในตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชักสะดวกเลยครับ เปิดแล้วสอดเข้าไปทิ้งไว้ได้เลย
โหมดที่ห้า น่าจะถูกใจคนอยู่คอนโดช่วงนี้สุดๆคือโหมด ‘Laundry’ ที่เอาไว้เป็นตัวช่วยสำคัญในการตากผ้าแห้งในช่วงหน้าฝน ยิ่งห้องผมตัวระเบียงมีกระจกปิดให้เป็นห้องเล็กๆ ถึงแม้จะช่วยกันฝน แต่ก็อับชื้น ใช้โหมดนี้ช่วยในการตากผ้าหลังซักได้สะดวกเลยครับ ทีนี้ผมก็ออกไปลุยไหนๆได้ไม่กลัวเสื้อมีกลิ่นอับแล้ว
อีกข้อดีที่ชอบเลยคือของ LG เค้าจะมีแอปในมือถือเป็นแอป LG ThinQ ที่ให้ควบคุมสั่งงานผ่านมือถือได้สะดวก โดยเราจะสั่งโหมดต่างๆ ตั้งเวลา หรือดูการใช้ไฟผ่านแอปได้ด้วยครับ
การดูแลตัวเครื่องก็ชิลมาก เพราะตัวนี้มี Auto Cleaning ระบบไล่ความชื้นอัตโนมัติ เป่าลมกำจัดความชื้นภายในตัวเองทุกครั้งหลังปิดการใช้ ลดการสะสมของเชื้อรา แบคทีเรียและกลิ่นอับในตัวเครื่องได้อย่างดี นอกจากนั้นเรายังสามารถซื้อท่อมาต่อเพิ่มได้เพื่อระบายน้ำแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องถอดถังน้ำไปเททิ้งได้ด้วย
โดยรวมจากที่ลองใช้เครื่องลดความชื้น LG PuriCare รุ่น 16 ลิตร มาแล้วอาทิตย์กว่าๆผมถูกใจเลยครับ ถ้าใครมีคอนโดแล้วมีปัญหาเรื่องความชื้นแบบผมนี่แนะนำให้ลองเลย อย่างหน้าฝนตอนนี้ที่ปกติจะเหนอะหนะตัวก็รู้สึกสบายขึ้นมาก ภูมิแพ้ผมก็ดีขึ้นด้วยครับ โดยรวมแล้วเครื่องนี้ตอบโจทย์มากๆ แนะนำว่าหาติดห้องไว้ได้ใช้แน่นอน
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน