อย่าประมาท!... ลุยฝน ลุยน้ำ เสื้อผ้าเปียก เสี่ยงโรคผิวหนัง
หน้าฝนแบบนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ กับปัญหา ฝนตก รถติด น้ำท่วมขัง และที่เจอบ่อยสุด คือการต้องเดินลุยฝนจนเสื้อผ้าเปียกตอนเดินทางไปทำงาน
รู้ไหมว่า? สภาพอากาศและความชื้นสูงในหน้าฝนนั้นเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่ายขึ้น โรคผิวหนังที่พบส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียที่ชอบอยู่ในที่อับชื้น
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ โรคผิวหนังยอดฮิตที่มักมาพร้อมกับหน้าฝน พร้อมวิธีป้องกันง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ มาดูกันเลยว่ามีโรคอะไรต้องระวังบ้าง? และควรดูแลตัวเองอย่างไร? ในช่วงฤดูฝนนี้!
ทำไมหน้าฝนถึงเสี่ยงโรคผิวหนัง?
น้ำท่วมขัง : เป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย สารเคมี และสิ่งสกปรกต่างๆ
ความชื้นสูง : สภาพอากาศเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
เสื้อผ้าอับชื้น : เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง
โรคผิวหนังที่ต้องระวัง!...
โรคกลาก : ลักษณะเป็นผื่นวงมีขอบเขตชัดเจน มีขุย คัน แดง มักลามเป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และคันมากขึ้น พบในบริเวณอับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ ศีรษะ ซอกนิ้ว ฝ่าเท้า
โรคเกลื้อน : ลักษณะเป็นผื่นวงกลมหลายวง มีขุยละเอียด ผื่นอาจมีสีขาว ชมพู หรือน้ำตาล พบที่หลัง หน้าอก ไหล่ คอ มักเกิดในคนที่เหงื่อออกเยอะและใส่เสื้อผ้าเปียกชื้น
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง : เกิดจากอุณหภูมิและความชื้นเปลี่ยนแปลง ทำให้ผิวระคายเคืองเกิดผื่นแดง แห้ง ลอก คันมาก โดยเฉพาะที่ข้อพับ แขน ขา ใบหน้า และซอกคอ
ผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลง : ฤดูฝนแมลงต่างๆ เช่น ยุง หมัด ไร ด้วงก้นกระดก จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น หากถูกกัดหรือสัมผัสโดน อาจทำให้เกิดผื่นแดง บวม และอักเสบได้
โรคน้ำกัดเท้า : เกิดจากการเดินลุยน้ำที่สกปรกนานๆ ทำให้เกิดผื่น คัน แดงที่เท้าและซอกนิ้วเท้า อาจลอก ติดเชื้อราหรือแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
โรคเท้าเหม็น : เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในรองเท้าและเท้าที่เปียกชื้น ทำให้เท้ามีกลิ่นแรงผิดปกติ มีรูพรุนเล็กๆ หรือผิวแห้งลอกบริเวณฝ่าเท้าและง่ามนิ้ว
วิธีป้องกันตัวเองง่ายๆ ที่ทุกคนควรทำ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคผิวหนัง
รีบอาบน้ำ สระผม ทันทีหลังโดนฝน : อย่าปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้นนาน เพราะจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี
ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดหลังลุยน้ำ : ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างให้ทั่วถึง โดยเฉพาะซอกนิ้ว แล้วเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง
สวมเสื้อผ้าที่สะอาด แห้งสนิท ไม่เหม็นอับ : หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่อับชื้น เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียชั้นดี
สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง : หากพบอาการผิดปกติ เช่น คัน มีผื่นแดง หรือตุ่มขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
ใครที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง ไม่ว่าจะจากโรคที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอผิวหนังนะคะ เพราะการวินิจฉัยที่ถูกต้องจะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาตามชนิดของโรคและอาการที่พบ ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาได้ผลดีและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หน้าฝนนี้ดูแลตัวเองและคนที่คุณรักให้ห่างไกลโรคผิวหนังกันนะคะ ใครมีเคล็ดลับการดูแลตัวเองอื่นๆ มาแชร์กันได้ในคอมเมนต์เลยน้าาา!
อย่าประมาท!... ลุยฝน ลุยน้ำ เสื้อผ้าเปียก เสี่ยงโรคผิวหนัง
อย่าประมาท!... ลุยฝน ลุยน้ำ เสื้อผ้าเปียก เสี่ยงโรคผิวหนัง
หน้าฝนแบบนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ กับปัญหา ฝนตก รถติด น้ำท่วมขัง และที่เจอบ่อยสุด คือการต้องเดินลุยฝนจนเสื้อผ้าเปียกตอนเดินทางไปทำงาน
รู้ไหมว่า? สภาพอากาศและความชื้นสูงในหน้าฝนนั้นเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่ายขึ้น โรคผิวหนังที่พบส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียที่ชอบอยู่ในที่อับชื้น
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ โรคผิวหนังยอดฮิตที่มักมาพร้อมกับหน้าฝน พร้อมวิธีป้องกันง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ มาดูกันเลยว่ามีโรคอะไรต้องระวังบ้าง? และควรดูแลตัวเองอย่างไร? ในช่วงฤดูฝนนี้!
ทำไมหน้าฝนถึงเสี่ยงโรคผิวหนัง?
น้ำท่วมขัง : เป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย สารเคมี และสิ่งสกปรกต่างๆ
ความชื้นสูง : สภาพอากาศเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
เสื้อผ้าอับชื้น : เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง
โรคผิวหนังที่ต้องระวัง!...
โรคกลาก : ลักษณะเป็นผื่นวงมีขอบเขตชัดเจน มีขุย คัน แดง มักลามเป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และคันมากขึ้น พบในบริเวณอับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ ศีรษะ ซอกนิ้ว ฝ่าเท้า
โรคเกลื้อน : ลักษณะเป็นผื่นวงกลมหลายวง มีขุยละเอียด ผื่นอาจมีสีขาว ชมพู หรือน้ำตาล พบที่หลัง หน้าอก ไหล่ คอ มักเกิดในคนที่เหงื่อออกเยอะและใส่เสื้อผ้าเปียกชื้น
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง : เกิดจากอุณหภูมิและความชื้นเปลี่ยนแปลง ทำให้ผิวระคายเคืองเกิดผื่นแดง แห้ง ลอก คันมาก โดยเฉพาะที่ข้อพับ แขน ขา ใบหน้า และซอกคอ
ผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลง : ฤดูฝนแมลงต่างๆ เช่น ยุง หมัด ไร ด้วงก้นกระดก จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น หากถูกกัดหรือสัมผัสโดน อาจทำให้เกิดผื่นแดง บวม และอักเสบได้
โรคน้ำกัดเท้า : เกิดจากการเดินลุยน้ำที่สกปรกนานๆ ทำให้เกิดผื่น คัน แดงที่เท้าและซอกนิ้วเท้า อาจลอก ติดเชื้อราหรือแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
โรคเท้าเหม็น : เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในรองเท้าและเท้าที่เปียกชื้น ทำให้เท้ามีกลิ่นแรงผิดปกติ มีรูพรุนเล็กๆ หรือผิวแห้งลอกบริเวณฝ่าเท้าและง่ามนิ้ว
วิธีป้องกันตัวเองง่ายๆ ที่ทุกคนควรทำ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคผิวหนัง
รีบอาบน้ำ สระผม ทันทีหลังโดนฝน : อย่าปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้นนาน เพราะจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี
ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดหลังลุยน้ำ : ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างให้ทั่วถึง โดยเฉพาะซอกนิ้ว แล้วเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง
สวมเสื้อผ้าที่สะอาด แห้งสนิท ไม่เหม็นอับ : หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่อับชื้น เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียชั้นดี
สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง : หากพบอาการผิดปกติ เช่น คัน มีผื่นแดง หรือตุ่มขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
ใครที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง ไม่ว่าจะจากโรคที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอผิวหนังนะคะ เพราะการวินิจฉัยที่ถูกต้องจะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาตามชนิดของโรคและอาการที่พบ ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาได้ผลดีและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หน้าฝนนี้ดูแลตัวเองและคนที่คุณรักให้ห่างไกลโรคผิวหนังกันนะคะ ใครมีเคล็ดลับการดูแลตัวเองอื่นๆ มาแชร์กันได้ในคอมเมนต์เลยน้าาา!