การตื่นรู้จาก อวิชชา ที่วัดถ้ำสหาย

การตื่นรู้จาก อวิชชา ที่วัดถ้ำสหาย

        กลางวันผมจึงกลับมาภาวนาพุทโธ อีกครั้ง ปรากฏว่าอาการปวดเมื่อย เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมรู้สึกท้อแท้ใจมาก เอ๋ ทำไมปวดเมื่อยอีกแล้ว มันเหมือนตอนเราเพิ่งหัดนั่งสมาธิใหม่เลยๆ เหมือนคนถูกทำลายวรยุทธ์ ชัดๆ อยากจะสึกมากๆ ที่เราทำมา 7 ปี นี่ไม่ถูกเลยหรือ เย็นวันนั้นผมจึงกลับมานั่งภาวนาพุทโธอีกครั้ง อธิฐานจิตว่า ครั้งนี้จะอยู่กับภาวนาพุทโธตามหลวงปู่จันทร์เรียนสอน เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทิ้งคำภาวนาพุทโธ ผมก็นั่งภาวนาพุทโธ ไป 2 ชม. มีแต่ความปวดเมื่อย จิตก็สั่งมาว่า “พอเถอะจะหักโหมทำไม พรุ่งนี้ค่อยนั่งใหม่ก็ได้”

         ผมจึงตอบไปว่า “ขนาดพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีเป็นพระเตมีย์ใบ้นั่งเฉยๆ ตั้ง 16 ปี ยังทำได้ เราปราถนาความเป็นพุทธะ นั่งแค่ 2 ชม. ทนไม่ได้แล้วหรอ” ผมจึงนั่งพุทโธ ต่อภาวนาพุทโธ ไปเรื่อยๆ สักพักจิตก็ทิ้งพุทโธเอง ผมตามรู้ แล้วตัวก็ตั้งตรงเป็นไม้บรรทัด จิตจะหดเล็กลงมากๆ แล้วพุ่งรอดผ่านรูเข็มเล็กๆ หรือรูหนอนที่สว่างไสว ไปโผล่อีกมิติ ที่มีแต่ความว่าง เปล่า ไม่มีทิศ มีทาง ไม่มีขนาด ไม่มีกาลเวลา ไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความคิด ตรงกลางมิติเวิ้งว้าง มีจิตประภัสสรส่องแสงสว่างไสว เป็นแก้วใสส่องสว่างดุจดวงอาทิตย์ กลางห้วงนั้น จิตจะตัดขาดจากกายไม่เชื่อมต่อกันอีกต่อไป ไม่รับรู้ถึงกายเหมือนจิตกับกายแยกจากกัน อยู่กันคนละมิติ แต่สติ ตัวรู้ยังอยู่ครบ 100% มีแต่ตัวรู้ สติอยู่กับตัวรู้ ไร้ซึ่งความคิดใดๆ

         จะเกิดปัญญาว่า “กายเรา ความคิดเรา ล้วนไม่ใช่เราทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา หรือแม้แต่กายเรา ความคิดเรา ล้วนเกิดจากอวิชชาปรุงแต่ง” ปัญญานี้เมื่อออกจากสมาธิทำให้มองโลกแตกต่างจากเดิมมากๆ ทำลายความเป็นอัตราตัวตนทั้งหมดเมื่อความคิดเริ่มเกิดขึ้น จะเริ่มรู้สึกลมหายใจเหมือนน้ำซัดพังเขื่อน (มิติ) ลมหายใจค่อยๆแผ่ซ่าน ความสุขจะพุ่งไปทุกอณู สติปัญญาเต็ม 100%ความรู้สึกทุกข์ใจ เศร้าใจ อยากจะสึก หายไปหมด มีแต่ความสุข ชื่นใจไปทั่วร่างกาย ผมจึงรีบแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ จะนั่งสมาธิต่อก็นั่งไม่ได้แล้วมันสุขจึงนั่งต่อไม่ได้ จึงไปเดินจงกรมพิจาณาว่า เรานี่โง่แท้ถูกอวิชชาหลอกมาตั้งนาน ก็พิจาณาไปต่อ อวิชชา คือใคร จิตก็ตอบมาเอง ว่า อวิชชา ก็คือตัวเรานั่นเอง มันสว่างโล่งไปหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่