JJNY : 6in1 เจ้าของรถกระบะโวย│จับตาBA.2.75│แนวโน้มใช้จ่ายน้อยลง│กิจการเชียงใหม่ทยอยหาย│ย้ำซักฟอก5วัน│‘ก้าวไกล’แกะงบฯกทม.

เจ้าของรถกระบะ โดนลูกหลงเครื่องบินรบเมียนมา โวยไร้คนรับผิดชอบ
https://www.one31.net/news/detail/56162
 

 
ภรรยาเจ้าของรถกระบะที่ถูกสะเก็ดระเบิด จากการสู้รบในเมียนมา เครียดประกันอาจไม่รับผิดชอบ วอนทางการไทยเจรจาฝั่งเพื่อนบ้านออกมารับผิด เนื่องจากได้รับผลกระทบขณะจอดในฝั่งไทย ยอมรับเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ชาวบ้านได้รับผลกระทบต้องได้รับการช่วยเหลือ…
 
นางสาวพรวิภา ฟูปิง ภรรยาเจ้าของรถกระบะที่ถูกสะเก็ดระเบิด เปิดเผยว่า ตั้งแต่รถได้รับผลกระทบจากสะเก็ดระเบิดและมีร่องรอยคล้ายกระสุนยิงเจาะทะลุตัวถังรถและกระจก ผ่านไป 3 วัน ยังไม่มีใครเข้ามาให้คำแนะนำเรื่องการขอเยียวยาหรือแนวทางที่ชัดเจนในการพูดคุยหาคนรับผิดชอบ จนตอนนี้ได้นำรถไปประเมินซ่อมแซมกับอู่ ราคาประเมินสูงถึงเกือบ 2 แสนบาท ซึ่งไม่มั่นใจว่า จะเข้าเงื่อนไขของประกันภัยหรือไม่ เพราะกระสุนทะลุเจาะทุกอย่างเข้าไปในรถพรุนพังเสียหายเกือบทั้งคัน ส่งผลให้ตอนนี้ไม่มีรถใช้ในการทำมาหากิน เนื่องจากเป็นรถคันเดียวที่ใช้ในการประกอบอาชีพ จึงต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยเหลือหาแนวทางช่วยเหลือ
  
ขณะที่วันนี้ตามรายงานระบุว่าทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กองกำลังเคเอ็นดีโอ และฝ่ายพีดีเอฟ ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมาได้ถอนกำลังทหารออกจากค่ายอูเกรทะ ตรงข้าม ตำบลวาเล่ย์ ของไทย ไปแล้ว หลังจากที่ในห้วงระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมา ได้สู้รบกับทหารเมียนมาอย่างหนัก โดยฝ่ายทหารเมียนมาที่มีกำลังทหารมากกว่า อาวุธมากกว่า โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินรบ มิก-29 และเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปะทะกันทางภาคพื้นดิน จึงถอนกำลังกลับไปอยู่ในฐานที่มั่นเดิม
 
นายทหารเคเอ็นดีโอ แจ้งว่าฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมาเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับทหารเมียนมา เสียชีวิต 70 – 80 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก.
  

 
ดร.อนันต์ เผยจับตาดูโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 หลังพบเยอะในอินเดีย และอีกหลายประเทศ
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3433674
  
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ได้ออกมาเตือนให้คอยจับตาดูไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 หลังพบแล้วในอินเดียเป็นส่วนใหญ่ และเริ่มพบในอีกหลายประเทศ ทั้งสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
 
คาดว่าอีกไม่นานไวรัสสายพันธุ์ BA.2.75 จะมีการพูดถึงในสื่อมากขึ้นครับ ข้อมูลตอนนี้พบไวรัสสายพันธุ์นี้ในอินเดียเป็นส่วนใหญ่ แต่พบว่าหลายประเทศมีการรายงานไวรัสสายพันธุ์นี้แล้ว เช่น ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ไวรัสสายพันธุ์นี้ได้รับความสนใจด้วยเหตุผล 2 ประการหลักๆ คือ
 
1. เป็น BA.2 ที่มีการกลายพันธุ์เพิ่มถึง 9 ตำแหน่งบนโปรตีนหนามสไปค์ (เทียบกับ BA.4/BA.5) แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ 493 (R493Q) เป็นการเปลี่ยนกลับจากโอมิครอนไปเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิม ทำให้บางคนนับว่าเป็น 8 ตำแหน่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าปกติ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ 446 ซึ่งเปลี่ยนจาก G (Glycine) ไปเป็น S (Serine) G446S เคยมีคนพูดถึงว่าเป็นตำแหน่งที่ทำให้ไวรัสหนีภูมิจากการจับของแอนติบอดีได้มากขึ้น
 
2. ข้อมูลของจำนวนตัวอย่างไวรัสที่ถอดรหัสในอินเดียพบการเพิ่มจำนวนของสายพันธุ์นี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งถ้าจำได้เป็นถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์อย่างเดลต้ามาก่อน มีผู้พยายามเปรียบเทียบความสามารถของ BA.2.75 กับ BA.5 ในการแพร่กระจาย มีแนวโน้มว่า BA.2.75 จะวิ่งได้ไวกว่า แต่เนื่องจากตัวอย่างยังมีไม่มาก ทำให้ความน่าเชื่อถือของข้อมูลยังมีน้อย
 
ทั้งนี้ ยังไม่มีประเด็นเรื่องของความรุนแรงของเชื้อชนิดนี้ออกมา คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดครับ
 
https://www.facebook.com/anan.jongkaewwattana/posts/5719774208062454
  

  
แนวโน้มคนใช้จ่ายน้อยลง จากราคาสินค้าที่แพงขึ้น
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/175539
  
แบงก์ชาติเปิดผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) เดือนมิถุนายน 2565 ลดลงจากภาวะต้นทุนธุรกิจและราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นและซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังเปราะบาง และมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคใช้จ่ายลดลงด้วย
  
ต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นกดดันการฟื้นตัวของธุรกิจค่าปลีก รวมถึงราคาสินค้าหลายรายการที่ยังคงอยู่ในระดับสูงซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังเปราะบาง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังมีความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขันด้านราคาที่อาจมีมากขึ้นในระยะต่อไป
  
ส่งผลให้ดัชนี RSI เดือนมิถุนายนปรับลดลงทั้งในปัจจุบันและในอีก 3 เดือนข้างหน้า
  
นอกจากนั้น เมื่อสินค้ามีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคเลือกซื้อเฉพาะสินค้าจำเป็น ทำให้ความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิมทุกภูมิภาคปรับลดลงจากเดือนก่อน
  
โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังกังวลกับกำลังซื้อที่อ่อนแอ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและการแข่งขันที่สูงขึ้น
  
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเป็นการซื้อสินค้าใกล้บ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางตรงนี้สะท้อนจาก ความเชื่อมั่นของร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้น
  
ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค 
  
มีแนวโน้ม ใช้จ่ายลดลงจากเดือนก่อน เป็นผลมาจากราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพปรับตัวสูงขึ้น ตามต้นทุนและค่าขนส่ง และยังพบว่า ผู้บริโภคปรับลดความถี่ในการใช้บริการลงด้วย
  
อย่างไรก็ตาม ก็ตามในสภาวะที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงและมีผลโดยตรงต่อราคาสินค้า ในมุมของผู้ประกอบการ แม้ส่วนใหญ่มีความพร้อมทั้งในด้านแรงงาน สินค้า และเงินทุนเพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้าหลังการเปิดประเทศ แต่กลับพบว่า
  
ภาคธุรกิจมีสภาพคล่องลดลงถึง 41% ลดลงจากเดือนก่อนที่ 52% แต่ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอมากกว่า 12 เดือน โดยมองว่าช่วงไตรมาส 2 กำลังซื้อจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย
 

 
กิจการเชียงใหม่ทยอยหาย ลดสาขา ปิดปรับปรุง เซ่นพิษโควิด
https://www.chiangmainews.co.th/social/2201870/
  
กลุ่มผู้ประกอบการและผู้ค้าย่านตลาดวโรรส นครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา และภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ ประกอบกับภาวะน้ำมันที่พุ่งสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจการ ในย่านการค้าดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านบริการภาคการเงิน การธนาคารมีการปิดปรับปรุง หรือแม้แต่การย้ายตู้เอทีเอ็ม.ออกไปจากจุดที่เคยบริการประชากร นอกจากนั้นร้านสดวกซื้อชื่อดัง ปรับลดสาขาลงไปรวมกับร้านสาขา หน้าตลาดต้นลำไย เป็นต้น
  
“ยังไม่นับรวม แผงค้าขาย ในพื้นที่กาดหลวง ที่มีการค้าขายคึกคักในช่วงเทศกาล วันหยุดยาว จากการที่นักท่องเที่ยว เข้ามาเลือกซื้อสินค้าของฝาก ของที่ระลึก หลายๆ ร้าน แผง ถ่าฝืนไม่ไหวก็ปล่อยเซ้ง ดีกว่าแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่าย”
  
ผู้ค้า สินค้าที่ระลึกย่านกาดหลวง หลายราย ระบุว่า เคยใช้บริการ ธนาคารบางสาขา แต่เมื่อปิดไปก็ต้องไปใช้สาขาอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กัน อาจจะเป็นเพราะปัจจุบัน ผู้คนส่วนหนึ่งหันมาใช้ธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนด้วย กลุ่มที่อาจลำบากยุ่งยากขึ้นคือ กลุ่มที่ เคยมาเบิก มาเบิกถอนเงินผู้สูงอายุ หรือมาใช้บริการอื่นๆ คงต้องไปใช้บริการ ที่สาขาใกล้ๆ แถวท่าแพแทน
  
ทั้งนี้ ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูล จากคลังข้อมูล สถิติหน่วยงาน ที่เก็บรวบรวมตัวเลขสาขาธนาคารพาณิชย์ ทั้งระบบ พบว่าตั้งแต่ปี 2563 ที่เคยมีสาขาธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร 6,847 แห่ง ตัวเลขช่วง ม.ค. 2565 มีสาขาทุกธนาคาร 6,061 แห่ง ตัวเลขจำนวนของสาขาธนาคารลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยระบุเหตุผลพฤติกรรม การติดต่อ รับบริการของ ประชาน เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มีการใช้จาาย ผ่านสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น
  
ขณะเดียวกัน ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟดังๆ จำนวนหนึ่งในพื้นที่ นครเชียงใหม่ พบว่า มีการ ทยอยปิดบริการ ทั้งยุบรวมสาขา และ เลิกเช่าพื้นที่
  
จากหน่วยงานท้องถิ่น เนื่องจาก ต้นทุนค่าใช้จ่าย ไม่คุ้ม มีผู้ใช้บริการลดลง ประกอบกับยลูกค้าส่วนใหกญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เคยแน่นร้าน แต่เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อการลงทุน จนต้องปิดกิจการไปอย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องภาคท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบต้อง ลดพื้นที่ค้าขาย ปิด ลดสาขาลงไป แต่ตามย่านมหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ หลายๆ ย่านพบว่า หลังจาก มีการเปิดเทอม มีบรรยากาศ ค้าขาย สภาพเศรษฐกิจชุมชน ที่เริ่มมีสีสัน คึกคักขึ้น ทั้ง กาดนัด ,ย่านสถานบันเทิง ,หมูกะทะ ที่พบมีผ็ใช้บริการ ช่วงต้นเดือนนี้เป็นจำนวนมาก
 

 
วิปฝ่ายค้าน ย้ำขอซักฟอก 5 วัน ไม่รวมลงมติ งัดข้อบังคับสภาฯสู้ รบ.ชิงปิดอภิปราย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3433633
 
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะประธานกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีวิปรัฐบาลยืนยันให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 4 วัน ไม่รวมวันลงมติว่า ฝ่ายค้านยืนยันต้องได้วันอภิปราย 5 วัน ไม่รวมวันลงมติอีก 1 วัน รวม 6 วัน หากเริ่มวันที่ 19 กรกฎาคม อภิปรายถึงวันที่ 23 กรกฎาคม และลงมติวันที่ 24 กรกฎาคม หลังจากนี้ต้องไปตกลงในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อตกลงกรอบเวลาอภิปรายให้ชัดเจนฝ่ายค้านยืนยันต้องได้ 5 วันไม่รวมวันลงมติ
 
“หากฝ่ายรัฐบาลจะหักคอฝ่ายค้านในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ให้แค่ 4 วันก็ไม่เป็นไร ฝ่ายค้านไม่ตกลงด้วยถ้าถึงวันอภิปรายหากครบ 4 วันเมื่อไร แล้วฝ่ายค้านยังอภิปรายรัฐมนตรีไม่ครบ 11 คน ปิดอภิปรายไม่ได้เพราะผิดข้อบังคับการประชุมสภาที่ระบุให้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีต้องอภิปรายให้ครบทุกคน จึงปิดอภิปรายได้ถ้า 4 วัน ยังไม่ครบ วันรุ่งขึ้นก็ลงมติไม่ได้ ต้องอภิปรายต่ออีก 1 วันให้ครบก่อน” นายสุทิน กล่าว
 
นายสุทิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ต้องห่วงฝ่ายค้านจะอภิปรายวกวนซ้ำซาก ฝ่ายรัฐบาลอย่ากังวลมากไป โดยไม่มีเหตุผลจะกลัวอะไรนักหนา ถ้าเพิ่มอีกแค่ 1 วัน ฝ่ายค้านจะปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมคือ อภิปรายครบ 11 คน จึงปิดอภิปรายได้ อาจใช้เวลาไม่ถึง 4 วัน หรือใช้เวลา 5 วัน ขึ้นอยู่กับอภิปรายครบเมื่อไร แต่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม ส่วนข้อตกลงต่างๆ เป็นเรื่องที่ไปกำหนดกันเอง เพื่อให้การอภิปรายราบรื่น แต่ต้องยึดข้อบังคับเป็นหลัก หากครบ 4 วันแล้วยังอภิปรายรัฐมนตรีไม่ครบ 11 คน ถ้ารัฐบาลชิงปิดอภิปราย ฝ่ายค้านไม่ยอมแน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่