ASUS Zenbook 14 OLED (UX3402) สี Ponder Blue โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ นับเป็น Zenbook ดีไซน์ใหม่ของปี 2022 มาพร้อมหน้าจอ OLED ที่แน่นอนว่าคุณภาพจัดเต็มสุดๆ แสดงสีสันได้สวยโดนใจ อีกทั้งยังคงมีจุดเด่นเรื่องของการถนอมดวงตาที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าได้ถึง 70% ขับเคลื่อนด้วยโปรเซนเซอร์ล่าสุดจาก 12th Gen Intel processor รองรับการใช้งานได้แบบจุกๆ อีกทั้งในเรื่องของสเปกแน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ หรือแม้จะทำงานทั่วไป หรือการดูคอนเทนต์อะไรต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆ และในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นทางค่ายให้มารองรับการใช้งานได้ยาวๆตลอดทั้งวัน ให้มาสูงถึง 75Wh พร้อมระบบ Fast Charge ที่มีมาให้ใช้งาน เรียกได้ว่าเป็น ASUS Zenbook 14 OLED UX3402 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
ASUS Zenbook 14 OLED มาพร้อม โปรเซสเซอร์สูงสุด Intel Core i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo Platform, Intel Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board, storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD, Wi-Fi 6E(802.11ax) + Bluetooth 5.2 (Dual band) เป็นโน้ตบุ๊กพรีเมียม น้ำหนักเบาเพียง 1.39 KG / 16.9 mm พร้อมหน้าจอ OLED อัตราส่วน 16:10 2.8K OLED HDR NanoEdge, battery 75Wh สำหรับการใช้งานตลอดวัน ระบบ Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยตรงจุดนี้ และได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบทางทหาร US Military Grade ทนต่อสภาพอากาศ การกระแทก ความชื้น และเทคโนโลยี Smart Amplifier เพื่อความสุนทรีย์ทางภาพและเสียงสูงสุด เต็มที่กับความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรส และระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI noise cancellation พร้อมราคา เริ่มต้น 35,990 บาท !
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องของความบางเบาและพกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 1.39 KG / 16.9 mm เท่านั้นเองต้องบอกว่าบางเบาขั้นสุด จะพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ก็สามารถนำไปได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงสามารถกางจอได้ถึง 180 องศา สามารถเปิดหน้าจอราบไปกับพื้น เหมาะกับการใช้พรีเซนต์งาน, มี fingerprint สแกนลายนิ้วมือสำหรับ login เข้าเครื่องบนปุ่ม power กางจอราบกับพื้นได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล วัสดุอุปกรณ์ก็แข็งแรงทนทาน มีความพรีเมียมหรูหรา ผ่านการรับรองมาตรฐานมาเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่แตกหักหรือพังง่ายๆแน่นอน
ดีไซน์ตัวเครื่องมาในขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว มีขนาดที่ใหญ่ แต่น้ำหนักและขนาดก็ยังบางเบา จะเห็นได้เลยว่าขอบบางเฉียบ ให้เราได้ใช้พื้นที่หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ งานประกอบสวยงามหรูหรา มาพร้อมกับสีดำสนิท ทำให้ดูเท่ไปอีกแบบ ส่วนในด้านหลังจะเป็นพื้นเรียบธรรมดาๆ และเป็นสัญลักษณ์โลโก้ใหม่ที่ดูสวยงามโดดเด่นแปลกตาสุดๆ
และอีกเรื่องการดีไซน์ที่ไม่พูดไม่ได้นั้นก็คือในรุ่นนี้สามารถกางหน้าจอได้ถึง 180 องศา หรือเรียกได้ว่าสามารถกางหน้าจอได้แบบราบไปกับพื้นโดยไม่ต้องกลัวหักกลัวพังกันเลยแหละ เหมาะสำหรับการพรีเซนต์งาน หรือกิจกรรมต่างๆ ทำให้รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมี Finger print สำหรับเข้าใช้งานเครื่องบนปุ่ม Power อีกด้วยนะ
ในด้านหลังนั้นจะเป็นแบบด้าน มาพร้อมกับช่องระบายความร้อนตรงกลาง สามารถระบายความร้อนได้ค่อนข้างดีเลย และแน่นอนว่ารุ่นพวกนี้ไม่ได้มีพลังงานเยอะ ทำให้ความร้อนสะสมไม่ได้มากเท่าสาย Gaming และ Ryzen 5 U จึงทำให้กินไฟน้อย ประหยัดพลังงานมากขึ้น
SPEC
- หน้าจอ OLED ขนาด 14 inch, 600 nits, (2880 x 1800)
- อัตราส่วน 16:10
- DCI-P3: 100%, Pantone Validated, 70% less harmful blue light, Screen to body ratio 90%
- สามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1
- น้ำหนัก 1.39 KG / 16.9 mm
- Intel Core i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo™ Platform, Intel® Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board
- storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 0 Performance SSD
- Wi-Fi 6E(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2
- แบตเตอรี่ขนาด 75Wh พร้อมระบบ fast charge
- Dolby Atmos Audio พร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier
- ระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI noise cancellation
- Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง
- Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard
PERFORMANCE
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งานของรุ่นนี้โปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก 12th Gen intel i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo Platform ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ Intel Iris Xe Graphics ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย และให้ 16GB LPDDR5 on board, storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆเลยแหละ ทางด้านของคะแนนการทำสอบก็สามารถทำได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภาพรวมต่างๆของการใช้งานน่าประทับใจ
PCMARK คะแนนทำได้ 5355 ถือว่าเป็นคะแนนที่น่าพึงพอใจเลยนะ แรงเยอะอยู่ เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์ และได้คะแนนระดับถือว่าน่าประทับใจมาก ด้วยเรทราคานี้ รองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย แถมได้ประสิทธิภาพแบบอัดแน่นอีกด้วย โดยรวมแล้วแอดว่าโอเคขึ้นเยอะเลยนะ
CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 3837 pts ทำได้ดีมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือพัฒนามาในเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย ในคะแนนของตัว R23 นั้นทำไปได้ 9864 ถือว่าคะแนนสูงมากๆเลยแหละ ในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนเลย ทำคะแนนการอ่านไปได้ 6821 คะแนน ส่วนเขียนที่ 1668 คะแนน จากทดสอบหลายๆครั้ง การอ่านเขียนนั้นถือว่าทำได้ดี อยู่ในระดับกลางๆ การใช้งานในเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างสบายชิลๆเลย
SCREEN
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ที่ให้ภาพสวย สู้แสงได้ดีมากๆ แสดงสีสันได้แม่นยำ ด้วยขนาด 14 นิ้วที่ใหญ่ขึ้น สามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างจุใจ อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 16:10 ภาพสวยสีสด ให้สีสันระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างสบายตา เพราะเจ้าตัวนี้สามารถถนอมดวงตา ช่วยตัดแสงสีฟ้าได้สูงถึง 70% ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland-certified ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในทุกลักษณะการใช้งาน สามารถใช้งานได้ยาวๆแบบไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาเลย และยังให้สีที่ดำสนิทด้วย Contrast 1,000,000:1 ทำให้ภาพสวยคมชัดดูมีมิติขึ้นมาทุกรายละเอียด แถมได้รับการันตีจาก Pantone ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวก็สวยสมจริงสุดๆ ได้รับการรับรองจาก Pantone validated เป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก ในเรื่องของการใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้ดีมากๆ เมื่อนำมาใช้งานกลางแจ้งนั้นสามารถสู้แสงได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย สามารถใช้งานกลางแจ้งได้อย่างชิลๆ รวมไปถึงในเรื่องการแสดงสีสันหน้าจอรุ่นนี้สามารถแสดงสีสันได้อย่างคมชัด และแม่นยำ สำหรับสายตัดต่อ ออกแบบกราฟิกต้องชอบแน่ๆ เพราะให้สีที่ตรงมาก สดสวยทุกรายละเอียด
SPEAKER
มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart Amplifier ที่จะช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ทางภาพและเสียงให้สูงสุด ทำให้เราสนุกสุดขีดได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างอย่าง AI noise cancellation มาให้ได้ใช้งานอีกด้วย ทำให้เราได้รับเสียงแบบมีประสิทธิภาพสุดๆ ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นพัฒนาได้ดีขึ้นเยอะ เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบาย เสียงลำโพงที่มิติอะไรมาดีกว่าเดิมแรงขับมากกว่าเดิม รวมถึงเสียงเบสอะไรนั้นแน่นขึ้นมากๆ
KEYBOARD
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นก็เป็นที่คุ้นเคยกันดีเลย ไม่ว่าจะเป็นพวกระยะห่าง ตัวปุ่มกดต่างๆ ก็ยังคงทำออกมาได้คล้ายๆเดิม สำหรับใครที่เคยใช้งานของค่ายนี้แล้ว ก็สามารถใช้งานได้อย่างชินมือ ตัวอักษรที่อยู่บนปุ่มนั้นจะใช้เป็นสีขาวตัดกับสีเครื่องและตัวปุ่มกด ทำให้สามารถมองเห็นอักษรขณะใช้งานได้อย่างชัดเจน ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
โดยรวมนั้นในความรู้สึกของการใช้งานตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่าย ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น รองรับแรงกดได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย ปุ่มกดนั้นสามารถเด้งสู้นิ้วได้ดี สำหรับสายทำงาน หรือนักเรียนนักศึกษานั้นใช้งานกันอย่างเพลิดเพลินแน่นอน
TOUCHPAD
Touchpad มีปุ่มตัวเลขมาให้ใช้งานด้วย ดูดีพรีเมียมมากๆ มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีไปอีกขั้น สำหรับในด้านการใช้งานในส่วนนี้ เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจมาก
ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา เป็นพื้นผิวแบบเรียบๆ สามารถลื่นไหลตามติดนิ้วมือของเราไปได้ดี แถมการตอบสนองเวลาใช้งานนั้นก็สามารถตอบสนองได้ดี ไม่หน่วงไม่ค้างอะไร
CONNECTOR
การเชื่อมต่อนั้นรุ่นนี้ให้พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาครบมากๆ จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะมีเป็นช่อง USB-A 3.2 GEN 2 มาให้ใช้งาน 1 ช่อง และ USB-C 3.2 GEN 2 มาให้ 2 ช่อง รองรับช่อง MicroSD card พร้อม HDMI 2.0b และที่สำคัญรุ่นนี้เพิ่มช่องรู 3.5 mm มาให้ได้ใช้งานแล้วนะ สำหรับใครที่ยังคงใช้งานพอร์ตแบบนี้อยู่ ถือว่าเกือบครบทั้งหมดแล้วและเพียงพอมากๆ
ในการใช้งาน ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้น Wifi 6 พร้อมใช้งานและ Bluetooth 5.2 ก็ใส่เข้ามาให้ด้วย
MY ASUS
MyASUS เป็นโปรแกรมรวบรวมบริการฟังก์ชัน ที่รวบรวมการเข้าถึงการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ที่มีภายในคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กจากทาง ASUS แต่ละรุ่น สามารถเข้าถึงการอัปเดตและควบคุมซอฟต์แวร์ การทำงานต่างๆ ของเครื่องคุณได้จบภายในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิด/ปิดฟังก์ชันเสริมพิเศษต่างๆ ซ่อมแซม ควบคุม จัดการประสิทธิภาพต่างๆ ภายในเครื่องก็สามารถทำได้ แถมยังมีระบบที่ควบคุมข้ามระบบปฏิบัติการระหว่าง PC และอุปกรณ์อัจฉริยะ อื่นๆ ได้อีกด้วย
[SR] รีวิว ASUS ZENBOOK 14 OLED ตัวใหม่ พร้อม intel Gen 12 ตัวล่าสุด !
ASUS Zenbook 14 OLED (UX3402) สี Ponder Blue โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ นับเป็น Zenbook ดีไซน์ใหม่ของปี 2022 มาพร้อมหน้าจอ OLED ที่แน่นอนว่าคุณภาพจัดเต็มสุดๆ แสดงสีสันได้สวยโดนใจ อีกทั้งยังคงมีจุดเด่นเรื่องของการถนอมดวงตาที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าได้ถึง 70% ขับเคลื่อนด้วยโปรเซนเซอร์ล่าสุดจาก 12th Gen Intel processor รองรับการใช้งานได้แบบจุกๆ อีกทั้งในเรื่องของสเปกแน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ หรือแม้จะทำงานทั่วไป หรือการดูคอนเทนต์อะไรต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆ และในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นทางค่ายให้มารองรับการใช้งานได้ยาวๆตลอดทั้งวัน ให้มาสูงถึง 75Wh พร้อมระบบ Fast Charge ที่มีมาให้ใช้งาน เรียกได้ว่าเป็น ASUS Zenbook 14 OLED UX3402 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
ASUS Zenbook 14 OLED มาพร้อม โปรเซสเซอร์สูงสุด Intel Core i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo Platform, Intel Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board, storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD, Wi-Fi 6E(802.11ax) + Bluetooth 5.2 (Dual band) เป็นโน้ตบุ๊กพรีเมียม น้ำหนักเบาเพียง 1.39 KG / 16.9 mm พร้อมหน้าจอ OLED อัตราส่วน 16:10 2.8K OLED HDR NanoEdge, battery 75Wh สำหรับการใช้งานตลอดวัน ระบบ Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยตรงจุดนี้ และได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบทางทหาร US Military Grade ทนต่อสภาพอากาศ การกระแทก ความชื้น และเทคโนโลยี Smart Amplifier เพื่อความสุนทรีย์ทางภาพและเสียงสูงสุด เต็มที่กับความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรส และระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI noise cancellation พร้อมราคา เริ่มต้น 35,990 บาท !
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องของความบางเบาและพกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 1.39 KG / 16.9 mm เท่านั้นเองต้องบอกว่าบางเบาขั้นสุด จะพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ก็สามารถนำไปได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงสามารถกางจอได้ถึง 180 องศา สามารถเปิดหน้าจอราบไปกับพื้น เหมาะกับการใช้พรีเซนต์งาน, มี fingerprint สแกนลายนิ้วมือสำหรับ login เข้าเครื่องบนปุ่ม power กางจอราบกับพื้นได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล วัสดุอุปกรณ์ก็แข็งแรงทนทาน มีความพรีเมียมหรูหรา ผ่านการรับรองมาตรฐานมาเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่แตกหักหรือพังง่ายๆแน่นอน
ดีไซน์ตัวเครื่องมาในขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว มีขนาดที่ใหญ่ แต่น้ำหนักและขนาดก็ยังบางเบา จะเห็นได้เลยว่าขอบบางเฉียบ ให้เราได้ใช้พื้นที่หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ งานประกอบสวยงามหรูหรา มาพร้อมกับสีดำสนิท ทำให้ดูเท่ไปอีกแบบ ส่วนในด้านหลังจะเป็นพื้นเรียบธรรมดาๆ และเป็นสัญลักษณ์โลโก้ใหม่ที่ดูสวยงามโดดเด่นแปลกตาสุดๆ
และอีกเรื่องการดีไซน์ที่ไม่พูดไม่ได้นั้นก็คือในรุ่นนี้สามารถกางหน้าจอได้ถึง 180 องศา หรือเรียกได้ว่าสามารถกางหน้าจอได้แบบราบไปกับพื้นโดยไม่ต้องกลัวหักกลัวพังกันเลยแหละ เหมาะสำหรับการพรีเซนต์งาน หรือกิจกรรมต่างๆ ทำให้รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมี Finger print สำหรับเข้าใช้งานเครื่องบนปุ่ม Power อีกด้วยนะ
ในด้านหลังนั้นจะเป็นแบบด้าน มาพร้อมกับช่องระบายความร้อนตรงกลาง สามารถระบายความร้อนได้ค่อนข้างดีเลย และแน่นอนว่ารุ่นพวกนี้ไม่ได้มีพลังงานเยอะ ทำให้ความร้อนสะสมไม่ได้มากเท่าสาย Gaming และ Ryzen 5 U จึงทำให้กินไฟน้อย ประหยัดพลังงานมากขึ้น
SPEC
- หน้าจอ OLED ขนาด 14 inch, 600 nits, (2880 x 1800)
- อัตราส่วน 16:10
- DCI-P3: 100%, Pantone Validated, 70% less harmful blue light, Screen to body ratio 90%
- สามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1
- น้ำหนัก 1.39 KG / 16.9 mm
- Intel Core i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo™ Platform, Intel® Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board
- storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 0 Performance SSD
- Wi-Fi 6E(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2
- แบตเตอรี่ขนาด 75Wh พร้อมระบบ fast charge
- Dolby Atmos Audio พร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier
- ระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI noise cancellation
- Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง
- Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard
PERFORMANCE
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งานของรุ่นนี้โปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก 12th Gen intel i7-1260P Processor 2.1 GHz, Intel Evo Platform ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ Intel Iris Xe Graphics ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย และให้ 16GB LPDDR5 on board, storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆเลยแหละ ทางด้านของคะแนนการทำสอบก็สามารถทำได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภาพรวมต่างๆของการใช้งานน่าประทับใจ
PCMARK คะแนนทำได้ 5355 ถือว่าเป็นคะแนนที่น่าพึงพอใจเลยนะ แรงเยอะอยู่ เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์ และได้คะแนนระดับถือว่าน่าประทับใจมาก ด้วยเรทราคานี้ รองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย แถมได้ประสิทธิภาพแบบอัดแน่นอีกด้วย โดยรวมแล้วแอดว่าโอเคขึ้นเยอะเลยนะ
CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 3837 pts ทำได้ดีมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือพัฒนามาในเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย ในคะแนนของตัว R23 นั้นทำไปได้ 9864 ถือว่าคะแนนสูงมากๆเลยแหละ ในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนเลย ทำคะแนนการอ่านไปได้ 6821 คะแนน ส่วนเขียนที่ 1668 คะแนน จากทดสอบหลายๆครั้ง การอ่านเขียนนั้นถือว่าทำได้ดี อยู่ในระดับกลางๆ การใช้งานในเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างสบายชิลๆเลย
SCREEN
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ที่ให้ภาพสวย สู้แสงได้ดีมากๆ แสดงสีสันได้แม่นยำ ด้วยขนาด 14 นิ้วที่ใหญ่ขึ้น สามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างจุใจ อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 16:10 ภาพสวยสีสด ให้สีสันระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างสบายตา เพราะเจ้าตัวนี้สามารถถนอมดวงตา ช่วยตัดแสงสีฟ้าได้สูงถึง 70% ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland-certified ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในทุกลักษณะการใช้งาน สามารถใช้งานได้ยาวๆแบบไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาเลย และยังให้สีที่ดำสนิทด้วย Contrast 1,000,000:1 ทำให้ภาพสวยคมชัดดูมีมิติขึ้นมาทุกรายละเอียด แถมได้รับการันตีจาก Pantone ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวก็สวยสมจริงสุดๆ ได้รับการรับรองจาก Pantone validated เป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก ในเรื่องของการใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้ดีมากๆ เมื่อนำมาใช้งานกลางแจ้งนั้นสามารถสู้แสงได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย สามารถใช้งานกลางแจ้งได้อย่างชิลๆ รวมไปถึงในเรื่องการแสดงสีสันหน้าจอรุ่นนี้สามารถแสดงสีสันได้อย่างคมชัด และแม่นยำ สำหรับสายตัดต่อ ออกแบบกราฟิกต้องชอบแน่ๆ เพราะให้สีที่ตรงมาก สดสวยทุกรายละเอียด
SPEAKER
มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart Amplifier ที่จะช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ทางภาพและเสียงให้สูงสุด ทำให้เราสนุกสุดขีดได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างอย่าง AI noise cancellation มาให้ได้ใช้งานอีกด้วย ทำให้เราได้รับเสียงแบบมีประสิทธิภาพสุดๆ ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นพัฒนาได้ดีขึ้นเยอะ เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบาย เสียงลำโพงที่มิติอะไรมาดีกว่าเดิมแรงขับมากกว่าเดิม รวมถึงเสียงเบสอะไรนั้นแน่นขึ้นมากๆ
KEYBOARD
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นก็เป็นที่คุ้นเคยกันดีเลย ไม่ว่าจะเป็นพวกระยะห่าง ตัวปุ่มกดต่างๆ ก็ยังคงทำออกมาได้คล้ายๆเดิม สำหรับใครที่เคยใช้งานของค่ายนี้แล้ว ก็สามารถใช้งานได้อย่างชินมือ ตัวอักษรที่อยู่บนปุ่มนั้นจะใช้เป็นสีขาวตัดกับสีเครื่องและตัวปุ่มกด ทำให้สามารถมองเห็นอักษรขณะใช้งานได้อย่างชัดเจน ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
โดยรวมนั้นในความรู้สึกของการใช้งานตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่าย ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น รองรับแรงกดได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย ปุ่มกดนั้นสามารถเด้งสู้นิ้วได้ดี สำหรับสายทำงาน หรือนักเรียนนักศึกษานั้นใช้งานกันอย่างเพลิดเพลินแน่นอน
TOUCHPAD
Touchpad มีปุ่มตัวเลขมาให้ใช้งานด้วย ดูดีพรีเมียมมากๆ มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีไปอีกขั้น สำหรับในด้านการใช้งานในส่วนนี้ เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจมาก
ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา เป็นพื้นผิวแบบเรียบๆ สามารถลื่นไหลตามติดนิ้วมือของเราไปได้ดี แถมการตอบสนองเวลาใช้งานนั้นก็สามารถตอบสนองได้ดี ไม่หน่วงไม่ค้างอะไร
CONNECTOR
การเชื่อมต่อนั้นรุ่นนี้ให้พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาครบมากๆ จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะมีเป็นช่อง USB-A 3.2 GEN 2 มาให้ใช้งาน 1 ช่อง และ USB-C 3.2 GEN 2 มาให้ 2 ช่อง รองรับช่อง MicroSD card พร้อม HDMI 2.0b และที่สำคัญรุ่นนี้เพิ่มช่องรู 3.5 mm มาให้ได้ใช้งานแล้วนะ สำหรับใครที่ยังคงใช้งานพอร์ตแบบนี้อยู่ ถือว่าเกือบครบทั้งหมดแล้วและเพียงพอมากๆ
ในการใช้งาน ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้น Wifi 6 พร้อมใช้งานและ Bluetooth 5.2 ก็ใส่เข้ามาให้ด้วย
MY ASUS
MyASUS เป็นโปรแกรมรวบรวมบริการฟังก์ชัน ที่รวบรวมการเข้าถึงการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ที่มีภายในคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กจากทาง ASUS แต่ละรุ่น สามารถเข้าถึงการอัปเดตและควบคุมซอฟต์แวร์ การทำงานต่างๆ ของเครื่องคุณได้จบภายในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิด/ปิดฟังก์ชันเสริมพิเศษต่างๆ ซ่อมแซม ควบคุม จัดการประสิทธิภาพต่างๆ ภายในเครื่องก็สามารถทำได้ แถมยังมีระบบที่ควบคุมข้ามระบบปฏิบัติการระหว่าง PC และอุปกรณ์อัจฉริยะ อื่นๆ ได้อีกด้วย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้