บาปกรรมจากTinder

ความผิดที่ฉันเคยทำมันเกินจะให้อภัย…..

เรื่องมีอยู่ว่าเราเจอคนต่างชาติผ่านแอพหาคู่
ได้ใช้เวลาร่วมกันประมาณ3เดือน ตอนอยู่กับเราเขาน่ารักมาก
คอยดูแลเทคแคร์ทำอาหารให้เรากินอย่างดี แต่ทุกครั้งที่เจอกัน
ก็จะมีเพศสัมพันธ์กันเสมอเพราะตลอดเวลา3เดือนน้อยครั้งมากที่เราจะเจอกัน
ครั้งแรกที่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เมื่อแยกย้ายกัน
เขาก็ไม่ค่อยได้ส่งข้อความมาคุยเหมือนตอนก่อนที่จะได้เจอกัน 
ซึ่งในช่วงก่อนจะได้เจอกัน ฉันไม่สนใจเขาเลย 
ไม่อ่านไม่ตอบข้อความ อ่านข้อความแต่ไม่ตอบบ้าง
แต่เขาก็ยังส่งข้อความมาเรื่อยๆพยายามที่จะคุยกับเราให้ได้ 
ซึ่งเราเห็นความพยายามตรงนี้แหละเราเลยยอมที่จะเจอเขา 
หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเรารู้แล้วว่าเขาต้องการแค่Sexจากเรา 
เพราะว่าลักษณะการคุย การส่งข้อความเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
แต่ก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจทำใจได้เพราะในตอนนั้นเราเองก็
ไม่ได้อยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจริงจังสักเท่าไหร่ 

หลังจากนั้นเขาต้องไปทำงานที่สมุยหนึ่งเดือน ไม่ได้เจอกันเลย 
ไม่ค่อยได้คุยสักเท่าไหร่ เราเข้าใจว่าเรามีความสัมพันธ์กับเขา
เหมือนเพื่อมีอะไรกันแค่เท่านั้น ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไร
แล้วพอเขากลับมากรุงเทพส่งข้อความมาบอกเราว่า 
เขาจะต้องกลับประเทศแล้วเพราะงานและธุรกิจที่ไทยเสร็จแล้ว 
เขาอยากเจอเราก่อนจะกลับประเทศซึ่งในอีก2วันเขาจะต้องบินกลับ
เราก็เลยไปเจอวันสุดท้ายก่อนจะบิน เรามีเพศสัมพันธ์หลายรอบมาก
เพราะเขามีความต้องการอย่างมาก แต่ประเด็นสำคัญคือ 
ไม่ได้ป้องกัน เขาไม่ได้สวมถุงยาง เราก็ไม่ได้ทานยาคุมกำเนิด 
ซึ่งปกติที่ผ่านมาหลั่งนอกทุกครั้ง เช่นเดียวกันกับครั้งนี้
หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน ฉันไม่ได้ไปส่งเขาที่สนามบินเพราะ
ติดธุระสำคัญ เมื่อเขาถึงประเทศเราก็ส่งข้อความคุยกัน2-3วัน 
หลังจากนั้น เขาหายสาบสูญไป เราติดต่อกับเขาช่องทางเดียวคือ
Instagram เขาลบบัญชีหายไปแล้ว ไม่มีช่องทางการติดต่อใดๆ
ฉันก็ไม่ได้เสียใจหรือกังวลใจอะไรเพราะมันเป็นแค่ความสัมพันธ์ที่
แค่มีอะไรกันแค่นั้น เราก็ใช้ชีวิตปกติ

จนกระทั่งรอบเดือนเรามันนานผิดปกติ แต่เอาจริงๆคือมันยัง
ปกติสำหรับเราเพราะว่าประจำเดือนเรามาไม่ปกติอยู่แล้วเร็วบ้าง ช้าบ้าง 
บางเดือนก็ไม่มาบ้างทั้งๆที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใคร 
แต่อะไรไม่รู้ดลบันดาลใจให้เราไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา 
เราก็เลยลองตรวจดู 2 อันพร้อมกัน ขึ้น 2 ขีดทั้ง 2 อันแบบเร็วมาก 
เรานิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย ชาไปหมดทั้งตัวหลังจากนั้นก็มานับอายุครรภ์
ตอนนี้เราตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์ 5 วันแล้ว
ความคิดแรกหลังจากตั้งสติได้คือ ยุติการตั้งครรภ์

ตอนนั้นเราคิดแบบนี้เลยเพราะเราเพิ่งจะเรียนจบ ยังไม่มีงานทำ
แต่กำลังจะเริ่มงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ไม่มีสามีหรือพ่อของลูก ไม่สามารถติดต่อเขาได้
และเราเองก็ยังไม่พร้อมอีกทั้งยังไม่มีอะไรที่สามารถรับประกันการมีชีวิตที่ดีให้ลูกได้และไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะเรา ทั้งลูกและครอบครัว 
ซึ่งทางครอบครัวเราก็มีหนี้สิ้นอยู่หลายล้านบาท 
เราเองก็เป็นอีกความหวังที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านได้
แต่ในตอนนี้เรากลับกำลังจะสร้างภาระอันยิ่งใหญ่กว่าเดิม 
เราก็เลยหาข้อมูลอ่านพันทิปหลายกระทู้จนเราลังเล
เพราะอีกใจเราก็อยากเก็บเขาไว้ นึกถึงหน้าตาของเขาถ้าได้เกิดมา
เขาจะต้องเป็นคนที่สวยหรือไม่ก็หล่อมากแน่ๆ
แถมยังเป็นลูกครึ่งอีก เขาจะเป็นคนดีเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม 

เราคิดว่าถ้าเราไม่เอาออกเราน่าจะเลี้ยงเขาไหวอยู่นะ
เพราะขนาดเด็กวัยรุ่นที่อายุยังไม่ถึง20ยังเรียนไม่จบ เขายังสามารถเลี้ยงดูแลลูกให้โตได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ 
ทั้งๆที่เราอายุ23และเรียนจบแล้ว ลำบากเพื่อลูกแค่นั้นเอง เราทำได้สิ 
แต่เด็กที่โตมาในสภาพแวดล้อมและสังคมแบบนั้น
เราก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากชนิดที่แบบเลี้ยงตามมีตามเกิด เพราะเราคิดเสมอว่า
ถ้าสมัยนี้จะมีลูกหนึ่งคนอย่างน้อยเราต้องมีเงินประมาณ5-10ล้านเพื่อลูก เพราะเราอยากส่งลูกเข้าเรียนนานาชาติ
หรือไม่ก็ต่างประเทศ เพราะเราอยากให้เขาเรียนโรงเรียนที่มีคุณภาพ สังคมกว้างขวาง พูดได้หลายภาษาถ้าเขาจะต้องเกิดมาเป็นลูกของเรา

เราเลยตัดสินใจบอกเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันและกำลังจะทำงานที่เดียวกันว่า
เราท้อง แล้วเราก็ลังเลว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เพื่อนก็ให้เหตุผลมามากมาย 
ได้ข้อสรุปว่า ยุติการตั้งครรภ์เพื่อตัวเองและเพื่อลูก อย่าให้เขาเกิดมาลำบากเลย 
เพราะถ้าตอนนี้เราเก็บเขาไว้ชีวิตของเราและลูกลำบากแน่ๆ 
ด้วยภาระหน้าที่และค่าใช้จ่ายต่างๆ 
เราเลยตัดสินใจหาโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ถูกกฎหมาย

ในวันรุ่งขึ้นเราโทรติดต่อและเดินทางไปคนเดียวเลย ตอนแรกเราเดินเข้าไปอย่างมุ่งมั่น 
เด็ดเดี่ยวมาก คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่เลือกแบบนี้ 
แต่ความเข้มแข็งนั้นกลับหายไปหมด
เพราะสิ่งที่ทำให้เราร้องไห้เสียใจหนักมากคือ การเห็นผลการอัลตราซาวด์ 
เรารับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา นั่นคือลูกของเรา “เรายอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เกิดจากความประมาท การไม่รู้จักป้องกัน การรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน 
ความสัมพันธ์ที่มีเพื่อเพศสัมพันธ์ เราสำนึกกับสิ่งที่เราผ่านมาทั้งหมด
ผ่านการเห็นลูกจากการอัลตราซาวด์ เราร้องไห้เสียใจจนถึงวินาทีสุดท้าย
ก่อนจะก้าวเข้าห้องยุติการตั้งครรภ์ “ เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นเราก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน 
มันเป็นความรู้สึกผิดในใจเราตลอดแต่เราเลือกตัดสินใจเส้นทางนี้ไปแล้ว 
หวังว่าเราจะให้อภัยตัวเองและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในสักวัน แม่รักลูกนะ 

ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มีวันลืมของผู้หญิงคนหนึ่ง
เราเข้าใจทุกคนและไม่โกรธที่จะตำหนิว่ากล่าวตักเตือนเราและ
เราก็ขอขอบพระคุณสำหรับคนที่อาจจะเข้าใจสาเหตุของการตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ของเรา
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ…

หมายเหตุ: เราตั้งกระทู้แรกว่า ประสบการณ์ "ยุติการตั้งครรภ์" แต่เราเปลี่ยนชื่อกระทู้ไม่ได้เลยตั้งใหม่และใช้ชื่อนี้
เพราะคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมาะสมที่จะใช้ชื่อนี้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เดี๋ยวพอหายดี  ผมว่าคุณก็หาคนต่อไปครับ

รักสนุกก็รู้จักปัองกันด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่