‘อ.จุฬาฯ’ ชี้นโยบายหาเสียงเป็นอุดมการณ์พรรค ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ-ทำไม่ได้ผิดก.ม.!
https://www.dailynews.co.th/news/1087279/
“อ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย” ชี้นโยบายหาเสียงเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ ชี้ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ เข้าข่ายจูงใจให้ประชาชนลงคะแนน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
จากกรณี นาย
ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีเพจพรรคพลังประชารัฐ ลบโพสต์นโยบายหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ออกจากเพจ ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท, ป.ตรีเงินเดือน 2 หมื่น, อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, ลดภาษี 10% บคคลธรรมดา ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ผู้บริหารพรรคมีมติปรับปรุงระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กครั้งใหญ่ของพรรคให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัคร ส.ส.ทั้งประเทศ เป็นการเตรียมเลือกตั้งใหญ่ในครั้งหน้า และมันควรลบนโยบายนั้นออกตั้งนานแล้ว
ส่วนในเรื่องนโยบายที่ผ่านมา บางนโยบายที่เราทำไม่ได้ เพราะทางพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ เช่น มารดาประชารัฐ เพราะพรรคอื่นดูแลส่วนเรื่องค่าแรง หลังจากที่นาย
สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เข้าไปดูแล ตอนนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า
“พรรคการเมืองคือ ที่รวมของบุคคลต่างๆ ที่มีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่คล้ายคลึงกัน เมื่อพรรคตัดสินใจส่งคนของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งนั่นหมายความว่า พรรคการเมืองกำลังเสนอตัว “ขอโอกาสกับประชาชน” ให้เลือกพรรคตนเองเข้าไปทำหน้าที่ “ผู้แทนปวงชน”.
ดังนั้น จึงย่อมสะท้อนว่า การที่ประชาชนใช้สิทธิลงคะแนนเลือกบุคลากรของพรรคไป ก็เพราะมุ่งหมายต้องการให้พรรคการเมืองไปดำเนินการ “ทำนโยบาย” ที่โฆษณาหาเสียงไว้ว่า “เป็นอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่ตรง หรือคล้ายกับผู้เลือก” ในการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นจริง
จริงอยู่ว่าในทางปฏิบัติ ทุกนโยบายที่ทำการเสนอในช่วงหาเสียงเลือกตั้งอาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยคงต้องมี “การแสดงออกซึ่งความพยายาม” ว่าพรรคตนเองได้กระทำการ หรือผลักดันนโยบายตามที่สัญญาไว้กับประชาชนแล้วบ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจชี้แจงกับประชาชนถึงเหตุผลว่านโยบายที่นำเสนอไว้ไม่สามารถจัดทำได้เพราะติดขัดเรื่องใด อะไรคืออุปสรรค
หาใช่การกล่าวง่ายๆ แต่เพียงว่า ทำไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ดูกระทรวงนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ “พรรคอยู่ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” (Government party) อีกทั้งยังมีคำถามต่อไปอีกด้วยว่า จนปัจจุบัน ระยะเวลาล่วงเลยผ่านมายาวนานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง?
การนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งไม่ใช่เพียงแค่การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเรียกคะแนนให้ประชาชนมาลงคะแนนให้ตนเฉพาะช่วงการเลือกตั้งแล้วจบกันไปเท่านั้น แต่มันคือการแสดงความรับผิดชอบว่า “พรรคการเมืองพร้อมจะรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนของปวงชนให้” จึงอาสามาลงสมัครรับเลือกตั้ง
มิฉะนั้นแล้ว การนำเสนอนโยบายของพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้งก็คงไม่แตกต่างกับการพูดเพียงแค่ “จูงใจให้ประชาชนไปลงคะแนนให้พรรค” ซึ่งกฎหมายห้ามเอาไว้ เพราะอาจกลายเป็นการกระทำที่เข้าข่ายกำลังบิดเบือนการตัดสินใจในการแสดงออกซึ่งเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชนในฐานะผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่มองว่า “พรรคคุณคือ พรรคการเมืองที่กำลังทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนอันมีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม” เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเขา?”..
ขอลคุณภาพประกอบ :
Ponson Liengboonlertchai
‘ชัชชาติ’ ลั่น เป็นผู้ว่าสัญจร ห้ามขึ้นป้ายต้อนรับ ‘ปวีณา’ พร้อมหนุน-เปิดทางรุ่นใหม่ ร่วมทีมรองผู้ว่าฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3367855
‘ชัชชาติ’ ลั่น เป็นผู้ว่าสัญจร ห้ามขึ้นป้ายต้อนรับ ‘ปวีณา’ พร้อมหนุน-เปิดทางรุ่นใหม่ ร่วมทีมรองผู้ว่าฯ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. และคณะ พร้อมด้วย นาง
ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และ นาง
กนกนุช กลิ่นสังข์ ว่าที่ ส.ก.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมลงพื้นที่สำรวจชุมชนปิ่นเงิน ซอยช่างอากาศอุทิศ 16 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยได้พูดคุยเรื่องการเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากกับชาวบ้าน
ในตอนหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการลงพื้นที่เขตทุกวันอาทิตย์เลยหรือไม่ ?
นาย
ชัชชาติ กล่าวว่า นี่คือแนวคิดว่าเราจะเป็น “
ผู้ว่าสัญจร” โดยจะลงตามเขตต่างๆ ตอนเช้าจะมีการปลูกต้นไม้ก่อนและจะประชุมกับเขต แต่จะเอาเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่รบกวนข้าราชการทั้งเขต จะมีการคุยนโยบาย ลงพื้นที่ อาจจะแวะไปเยี่ยมศูนย์สาธารณสุข โรงเรียนในพื้นที่ และตอนบ่ายจะลงชุมชน ซึ่งน่าจะเป็นรูปแบบที่ทำให้เรามองเห็นปัญหาได้ดีขึ้น แต่จะพยายามไม่บอกล่วงหน้า เพราะว่าจะได้คึกคักทุกเขต ว่าอาทิตย์นี้จะไปเขตไหน ห้ามขึ้นป้าย ห้ามต้อนรับใดๆทั้งสิ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนาย
ชัชชาติว่า มีโอกาสที่จะได้เห็น นาง
ปวีณาเป็นหนึ่งในทีมรองผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่
นาย
ชัชชาติ กล่าวว่า
“ท่านใหญ่เกินรองผู้ว่าฯ กทม. แล้วครับ”
ในขณะที่ นาง
ปวีณา กล่าวว่า นายชัชชาติมีผู้ที่มีศักยภาพจำนวนมาก และเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นเอาคนรุ่นใหม่มาทำงานด้วยจะดีที่สุด โดยแน่นอนที่สุด ตนจะทำงานอยู่ด้านหลัง
'ไรเดอร์' บุก ก.คมนาคม จี้เยียวยาน้ำมันแพง ทำเดือดร้อนหนัก
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/292994
กลุ่มไรเดอร์ส่งอาหาร ตบเท้าบุกกระทรวงคมนาคม ขอให้ช่วยเยียวยาผลกระทบน้ำมันแพง
นาย
พรเทพ ชัชวาลอมรกุล คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของอาชีพไรเดอร์ พร้อมตัวแทนกลุ่มไรเดอร์ เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จากผลกระทบราคาน้ำมันแพง โดยขอให้กรมการขนส่งทางบก ประสานไปยังกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือ และขอให้กรมการขนส่งทางบก เปิดลงทะเบียนให้ไรเดอร์เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ต่าง ๆ จากภาครัฐ เช่นเดียวกับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง นอกจากนี้ ขอให้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัทแอปพลิเคชัน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราที่ต่ำเกินไป
โดยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ และจะนำข้อเรียกร้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต่อไป เบื้องต้นให้กรมการขนส่งทางบก เร่งแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มไรเดอร์โดยเร่งด่วน
เอาไม่อยู่! น้ำมันปาล์มขายปลีกทะลุ 73 บาท/ขวด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/292995
ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มขวด ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์เอาไม่อยู่ ราคาขายปลีกพุ่งทะลุ 73 บาท ต่อขวด ไปแล้ว
โดยทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายปลีกตามร้านโชห่วย พบว่า วันนี้ราคาน้ำมันปาล์มขวด ราคาขายส่งขึ้นมา 70 บาทต่อขวดแล้ว ทำให้ราคาขายปลีกพุ่งไปถึง 73 บาทต่อขวด ที่พีคสุด คือ ในช่วง 3 วันนี้ ขึ้นมา 3 บาท และไม่เฉพาะร้านโชห่วยเท่านั้นที่ราคาสูง ในร้านสะดวกซื้อ วันนี้ก็ขายในราคา 70 บาทต่อขวดแล้วเช่นกัน
ขณะที่นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าปลีก-ส่งไทย ออกมาเตือน ราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จากความกังวลภาวะสงคราม และวิกฤตอาหารโลก ที่ทำให้หลายประเทศตัดสินใจระงับการส่งออกสินค้า เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงในภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต แต่สำหรับประเทศไทย ยังใช้การควบคุมราคา แบบในภาวะปกติ ทั้งที่เป็นช่วงวิกฤต จึงมีความน่าเป็นห่วงว่า สินค้าไทยอาจถูกซื้อไปรองรับความต้องการในวิกฤตอาหารโลก
แม้จะส่งผลดีต่อการส่งออก แต่ขณะเดียวกันประชาชนในประเทศ อาจต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าขาดแคลน และราคาแพง ซ้ำเติมเข้ามาอีก จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการดูแลราคาสินค้าให้รอบคอบ
JJNY : 5in1 อ.จุฬาฯชี้นโยบายหาเสียง│ชัชชาติห้ามขึ้นป้ายต้อนรับ│ไรเดอร์จี้เยียวยา│น้ำมันปาล์มทะลุ73บ.│ฝีดาษลิงอังกฤษเพิ่ม
https://www.dailynews.co.th/news/1087279/
“อ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย” ชี้นโยบายหาเสียงเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ ชี้ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ เข้าข่ายจูงใจให้ประชาชนลงคะแนน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
จากกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีเพจพรรคพลังประชารัฐ ลบโพสต์นโยบายหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ออกจากเพจ ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท, ป.ตรีเงินเดือน 2 หมื่น, อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, ลดภาษี 10% บคคลธรรมดา ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ผู้บริหารพรรคมีมติปรับปรุงระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กครั้งใหญ่ของพรรคให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัคร ส.ส.ทั้งประเทศ เป็นการเตรียมเลือกตั้งใหญ่ในครั้งหน้า และมันควรลบนโยบายนั้นออกตั้งนานแล้ว
ส่วนในเรื่องนโยบายที่ผ่านมา บางนโยบายที่เราทำไม่ได้ เพราะทางพรรคไม่ได้ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ เช่น มารดาประชารัฐ เพราะพรรคอื่นดูแลส่วนเรื่องค่าแรง หลังจากที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เข้าไปดูแล ตอนนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า
“พรรคการเมืองคือ ที่รวมของบุคคลต่างๆ ที่มีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่คล้ายคลึงกัน เมื่อพรรคตัดสินใจส่งคนของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งนั่นหมายความว่า พรรคการเมืองกำลังเสนอตัว “ขอโอกาสกับประชาชน” ให้เลือกพรรคตนเองเข้าไปทำหน้าที่ “ผู้แทนปวงชน”.
ดังนั้น จึงย่อมสะท้อนว่า การที่ประชาชนใช้สิทธิลงคะแนนเลือกบุคลากรของพรรคไป ก็เพราะมุ่งหมายต้องการให้พรรคการเมืองไปดำเนินการ “ทำนโยบาย” ที่โฆษณาหาเสียงไว้ว่า “เป็นอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่ตรง หรือคล้ายกับผู้เลือก” ในการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นจริง
จริงอยู่ว่าในทางปฏิบัติ ทุกนโยบายที่ทำการเสนอในช่วงหาเสียงเลือกตั้งอาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยคงต้องมี “การแสดงออกซึ่งความพยายาม” ว่าพรรคตนเองได้กระทำการ หรือผลักดันนโยบายตามที่สัญญาไว้กับประชาชนแล้วบ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจชี้แจงกับประชาชนถึงเหตุผลว่านโยบายที่นำเสนอไว้ไม่สามารถจัดทำได้เพราะติดขัดเรื่องใด อะไรคืออุปสรรค
หาใช่การกล่าวง่ายๆ แต่เพียงว่า ทำไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ดูกระทรวงนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ “พรรคอยู่ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” (Government party) อีกทั้งยังมีคำถามต่อไปอีกด้วยว่า จนปัจจุบัน ระยะเวลาล่วงเลยผ่านมายาวนานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง?
การนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งไม่ใช่เพียงแค่การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเรียกคะแนนให้ประชาชนมาลงคะแนนให้ตนเฉพาะช่วงการเลือกตั้งแล้วจบกันไปเท่านั้น แต่มันคือการแสดงความรับผิดชอบว่า “พรรคการเมืองพร้อมจะรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนของปวงชนให้” จึงอาสามาลงสมัครรับเลือกตั้ง
มิฉะนั้นแล้ว การนำเสนอนโยบายของพรรคในช่วงหาเสียงเลือกตั้งก็คงไม่แตกต่างกับการพูดเพียงแค่ “จูงใจให้ประชาชนไปลงคะแนนให้พรรค” ซึ่งกฎหมายห้ามเอาไว้ เพราะอาจกลายเป็นการกระทำที่เข้าข่ายกำลังบิดเบือนการตัดสินใจในการแสดงออกซึ่งเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชนในฐานะผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่มองว่า “พรรคคุณคือ พรรคการเมืองที่กำลังทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนอันมีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม” เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเขา?”..
ขอลคุณภาพประกอบ : Ponson Liengboonlertchai
‘ชัชชาติ’ ลั่น เป็นผู้ว่าสัญจร ห้ามขึ้นป้ายต้อนรับ ‘ปวีณา’ พร้อมหนุน-เปิดทางรุ่นใหม่ ร่วมทีมรองผู้ว่าฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3367855
‘ชัชชาติ’ ลั่น เป็นผู้ว่าสัญจร ห้ามขึ้นป้ายต้อนรับ ‘ปวีณา’ พร้อมหนุน-เปิดทางรุ่นใหม่ ร่วมทีมรองผู้ว่าฯ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. และคณะ พร้อมด้วย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และ นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ว่าที่ ส.ก.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมลงพื้นที่สำรวจชุมชนปิ่นเงิน ซอยช่างอากาศอุทิศ 16 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยได้พูดคุยเรื่องการเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากกับชาวบ้าน
ในตอนหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการลงพื้นที่เขตทุกวันอาทิตย์เลยหรือไม่ ?
นายชัชชาติ กล่าวว่า นี่คือแนวคิดว่าเราจะเป็น “ผู้ว่าสัญจร” โดยจะลงตามเขตต่างๆ ตอนเช้าจะมีการปลูกต้นไม้ก่อนและจะประชุมกับเขต แต่จะเอาเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่รบกวนข้าราชการทั้งเขต จะมีการคุยนโยบาย ลงพื้นที่ อาจจะแวะไปเยี่ยมศูนย์สาธารณสุข โรงเรียนในพื้นที่ และตอนบ่ายจะลงชุมชน ซึ่งน่าจะเป็นรูปแบบที่ทำให้เรามองเห็นปัญหาได้ดีขึ้น แต่จะพยายามไม่บอกล่วงหน้า เพราะว่าจะได้คึกคักทุกเขต ว่าอาทิตย์นี้จะไปเขตไหน ห้ามขึ้นป้าย ห้ามต้อนรับใดๆทั้งสิ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายชัชชาติว่า มีโอกาสที่จะได้เห็น นางปวีณาเป็นหนึ่งในทีมรองผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่
นายชัชชาติ กล่าวว่า “ท่านใหญ่เกินรองผู้ว่าฯ กทม. แล้วครับ”
ในขณะที่ นางปวีณา กล่าวว่า นายชัชชาติมีผู้ที่มีศักยภาพจำนวนมาก และเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นเอาคนรุ่นใหม่มาทำงานด้วยจะดีที่สุด โดยแน่นอนที่สุด ตนจะทำงานอยู่ด้านหลัง
'ไรเดอร์' บุก ก.คมนาคม จี้เยียวยาน้ำมันแพง ทำเดือดร้อนหนัก
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/292994
กลุ่มไรเดอร์ส่งอาหาร ตบเท้าบุกกระทรวงคมนาคม ขอให้ช่วยเยียวยาผลกระทบน้ำมันแพง
นายพรเทพ ชัชวาลอมรกุล คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของอาชีพไรเดอร์ พร้อมตัวแทนกลุ่มไรเดอร์ เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จากผลกระทบราคาน้ำมันแพง โดยขอให้กรมการขนส่งทางบก ประสานไปยังกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือ และขอให้กรมการขนส่งทางบก เปิดลงทะเบียนให้ไรเดอร์เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ต่าง ๆ จากภาครัฐ เช่นเดียวกับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง นอกจากนี้ ขอให้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัทแอปพลิเคชัน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราที่ต่ำเกินไป
โดยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ และจะนำข้อเรียกร้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต่อไป เบื้องต้นให้กรมการขนส่งทางบก เร่งแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มไรเดอร์โดยเร่งด่วน
เอาไม่อยู่! น้ำมันปาล์มขายปลีกทะลุ 73 บาท/ขวด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/292995
ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มขวด ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์เอาไม่อยู่ ราคาขายปลีกพุ่งทะลุ 73 บาท ต่อขวด ไปแล้ว
โดยทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายปลีกตามร้านโชห่วย พบว่า วันนี้ราคาน้ำมันปาล์มขวด ราคาขายส่งขึ้นมา 70 บาทต่อขวดแล้ว ทำให้ราคาขายปลีกพุ่งไปถึง 73 บาทต่อขวด ที่พีคสุด คือ ในช่วง 3 วันนี้ ขึ้นมา 3 บาท และไม่เฉพาะร้านโชห่วยเท่านั้นที่ราคาสูง ในร้านสะดวกซื้อ วันนี้ก็ขายในราคา 70 บาทต่อขวดแล้วเช่นกัน
ขณะที่นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าปลีก-ส่งไทย ออกมาเตือน ราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จากความกังวลภาวะสงคราม และวิกฤตอาหารโลก ที่ทำให้หลายประเทศตัดสินใจระงับการส่งออกสินค้า เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงในภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต แต่สำหรับประเทศไทย ยังใช้การควบคุมราคา แบบในภาวะปกติ ทั้งที่เป็นช่วงวิกฤต จึงมีความน่าเป็นห่วงว่า สินค้าไทยอาจถูกซื้อไปรองรับความต้องการในวิกฤตอาหารโลก
แม้จะส่งผลดีต่อการส่งออก แต่ขณะเดียวกันประชาชนในประเทศ อาจต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าขาดแคลน และราคาแพง ซ้ำเติมเข้ามาอีก จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการดูแลราคาสินค้าให้รอบคอบ