ไดอารี่เกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว ถ้าหลงเข้ามาอ่านก็ให้กำลังใจกันได้นะคะ

สวัสดีค่ะทุกคน เราอายุ 18 คือเรื่องของเราเนี่ยค่อนข้างซับซ้อน เล่าย้อนกลับไปก่อนนะ คือแม่เราเนี่ยตั้งท้องตอนเค้าอายุ 17 ปี เมื่อเค้าคลอดเราออกผ่านไปสัก 6 เดือน พ่อแท้ๆเราก็ทิ้งเราไปไหนก็ไม่รุ้ทุกวันนี้ก็ไม่เคยเจอหน้า หลังจากนั้นเราก็อยู่กับตาและยายของเรามาตลอด แม่ไปทำงานตอนเช้ามากๆเพราะว่าบ้านไกลจากห้างที่แม่ทำงานแล้วก็จะกลับดึกๆเพราะว่าห้างปิดดึก ส่วนมากก็จะใช้ชีวิตอยู่กับตายาย ผ่านมาได้ช่วงอนุบาล 3 ตาเราประสบอุบัติจากคนที่เคยทำงาน 2 ที่ และเป็นหัวหน้าครอบครัวก็กลายเป็นคนพิการทำให้แม่เราเนี่ย ต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะว่ายายเราไม่ได้ทำงานดังนั้นรายได้จึงมาจากแม่เป็นส่วนใหญ่ก็อยู่มาเรื่อยๆจนเเม่เริ่มมีแฟนใหม่ตอนเราจะ ป.2 แม่ท้องน้องของเรากับแฟนใหม่ที่เป็นคนต่างชาติตอนแรกเนี่ยเราก็อิจฉาน้องเราเพราะเหมือนน้องเรามาแย่งความรักไปจากแม่จากตาแล้วก็ยายจดหมด เพราะด้วยความคนท้องอ่ะเค้าก็ไม่ได้อะไรเราว่าเค้าท้องแล้วเวลาเราถมเค้าก็จะตะหวาดใส่เรา ตอนน้องคลอดออกมาเราเนี่ยก็รู้สึกว่าเป็นคนโดนแย่งความรักเพราะว่ามีแต่คนสนใจแต่น้อง ตอนนั้นจำได้นะว่าร้องไห้ทุกวันไม่ให้ใครรู้เขียนไดอารี่ไว้ด้วย แต่ผ่านไปก็เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าเราต้องไปต่อเลยรักน้องมากๆดูแลน้องตั้งเเต่นั้น แม่เราจะพาน้องไปหาพ่อที่คอนโดพ่อใหม่เราเนี่ยทุกเสาร์อาทิตย์ โตขึ้นมาอีกหน่อยป.4แม่เริ่มพาเราไปด้วย เราก็รู้จักแฟนใหม่แม่ เราก็เรียกเค้าว่าแดดดี้มาตั้งแต่นั้น ส่วนยายเราเนี่ยไปเล่นแชร์ หรือว่าบ้างทีเงินที่แม่ไม่พอให้ใช้จ่ายในแต่ละวันที่เป็นค่าเช้าเนี่ย ก็จะไปกู้เงินนอกระบบมา คือแม่เราให้ใช้วันละ300นะคะแล้วยายจะได้อีก3000ต่างหากจากพ่อน้องที่เป็นค่าเลี้ยงดูน้องเรา ส่วนนมน้องกับแพสเพิสแม่เป็นซื้อตลอด ยายเราเนี่ยบอกว่าเงินไม่พอ จำได้นะว่าบ้างวันเนี่ยมีเจ้าหนี้มาท้วงเงินยายเราก็จะให้เราเดินไปบอกว่ายายไม่อยู่ โกหกแบบนี้บ่อยอยู่นะ ผ่านไปได้อีกสัสพักแม่เลิกกับพ่อคนที่2เรา มีแฟนใหม่ ตอนนี้นี้แหลัป.4 - 5 เป็นช่วงที่เจอพ่อคนที่ 3หรือพ่อคนปัจจุบันของเรานะ เเล้วเราก็เริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษ เองเพราะว่าไม่อยากไปเรียนกับครูสอนพิเศษเพราะเสียดายตังส์ที่แม่จ่ายเลยเรียนเองหมดเลย ประมานปีกว่าๆก็พูดคล่องขึ้นมาแล้ว ใครอยากรู้วิทีเรียนของเราถามได้นะเราจะเล่าให้ฟัง เราก็ภูมิใจมาทุกวันนี้นะว่าเรียนเองจากเด็กที่ไม่ร็คำว่า fat  หรือ small เนี่ยมาไกลขนาดนี้ได้ก็ภูมิใจแล้ว จากนั้นช่วงขึ้นม.1 เนี่ย น้าเราเอาเรื่องเราไปเล่าให้ปู่แท้ๆเราฟังว่าเราเรียนโรงเรียนนี้ อยู่บ้างทีนี้ ใช้เบอร์โทรศัพน์นี้ เเล้วที่นี้เค้ามาประกาศตามหาเราที่โรงเรียนจำได้ว่าตอนนั้นร้องไห้หนักมากๆ ไม่อยากเจอคนแบบนี้คนที่ไม่เคยมาใส่ใจคนที่ไม่ให้ค่าเราแล้ววันนี้กลับอยากจะมาเจอเรา ไปปรึกษาอาจารย์นี้ปรึกษาจนกลับเย็นๆมากทุกวันนี้แม่ยังไม่รุ้เรื่องเลย แต่ยายเราเนี่ยไปคิดแผนกับน้าเราโดยที่ไม่ถามเรา ให้เราเจอป็เราเลยลองไปเจอ ก็ได้คุยกับพ่อแท้ๆเราสุดท้ายเราก็ไม่ได้ถามว่าทิ้งเราไปทำไหม แต่ยายเราเนี่ยให้เราโทรไปขอตังส์ปู่เราก็ได้มานะ ครั้งละ500 ได้มา3ครั้ง แต่เราเนี่ยไม่อยากคุยกับเค้าไม่อยากใช้เงินเค้า ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเค้าหลังจากนั้นก็บอกว่ายายว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวจนทุกวันนี้เลิกคุยไปเป็นชาติแล้ว เรามาต่อที่พ่อใหม่เราดีกว่า เราเนี่ยเลี้ยงค่อนข้างเข้มงวดเรารู้แหละว่าเค้ารักเรามากเราก็รักเค้ามากๆเหมือนกันเค้าคือพ่อเราที่ทำให้เราเนี่ยมีทุกอย่างในทุกวันนี้ จากคนไม่บ้านไม่มีรถเป็นของตัวเองคนที่เคยเป็นหนี้เงินกู้ เค้าทำให้เราได้มีอะไรหลายอย่างมากมายแบบนี้เค้าขอบคุณเค้าเสมอทุกครั้งที่นึกถึง แต่เรารู้สึกว่าวิทีการเลี้ยงของเค้าเนี่ยมันแข็งสำหรับเราไปหน่อยก็ร้องไห้มาตลอดนะ พยายามเป็นเด็กดีขึ้น เราบอกว่ามันมีช่วงที่แม่เราแยกอยู่กับเราไปอยู่กับพ่อใหม่ที่คอนโด จากเด็กที่ยายไม่เคยให้ลองทำอะไรหรือแม้กระทั้งเราขอยายเราไปเรียนพิเศษที่ศูนย์เยาวชนที่มันฟรีเนี่ย ยายเราเค้าก็ไม่ให้เราไปนะเค้าบอกว่าไม่อยากไปส่ง เราเลยบอกว่าแก้ปัญหาไปกับแม่เพื่อน เค้าก็ไม่ให้ไป เราเลยกลายเป็นที่อยู่แต่บ้านเพราะว่าไม่เคยลองทำอะใหม่ๆเพื่อนแถวบ้านก็ไม่มี เวลาจะไปเล่นกับเค้าก็ชอบโดนแกล้งยายเลยไม่ให้ไปเล่นกับใคร ที่โรงเรียนสมัยประถามเนี่ยก็โดนบูลลี่ โดนใช้ให้ทำงานให้ เคยพยาทะเลาะกับเพื่อนเพราะว่าไม่อยากถูกบูลลี่สุดท้ายก็เพื่อนก็สั่งให้ทุกคนในห้องเนี่ยมารุมด่าเราหยาบๆคายๆ เคยโดนบอกว่าให้เราเนี่ยเป็นกระสอบทรายด้วยโดนต่อยแขนบ้าง โดนไถ่ตังส์บ้าง แต่สุดท้ายเราก็เรียนร็ที่จะรับมือและร็ว่ามันเป็นการแกล้งหรือเล่นกันของเด็กที่ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย ต่อที่พ่อใหม่เราดีกว่า เราเนี่ยเรียนม.1 ที่กรุงเทพแล้วย้ายมาที่เชียงใหม่เนี่ยตอนม.2 ย้ายมาอยู่กับพ่อก่อนสองคนเพราะแม่ต้องคลอดน้องคนที่4 เลยมาไม่ได้ ตอนนั้นโดนด่าแรงๆกบ่อย โดนตีก็บ่อย โดนทำให้เสียหน้าก็บ่อย เคยโดนตีด้วยท่อเหล็กดูดฝุ่นด้วยเพราะว่าเราลืมดูดฝุ่นประจำวัน เพราะขี้เกียจแหละ เรารู้นะว่าเค้ารักเราเหมือนลูกเวลาเราปัญหาอะไรเค้าก็จะค่อยแก้ให้บอกให้แต่พ่อเราเนี่ยเป็นคนที่โมโหง่าย เวลาบอกอะไรเราซ้ำก็จะโมโห ตอนนั้นเนี่ยเครียดมากๆเหมือนะเป็นซึมเสร้านั่งถามตัวเองทุกวันว่าเราเกิดมาทำไหม เป็นภาระเค้าหรือป่าว ทำให้เค้าเครียดมากๆหรือป่าว จำได้ว่าตอนนั้น ซ๋อนมีดไว้ใต้หมอนแต่ตัดใจแทงตัวเองไม่ลง ไปหาเชือกจะมาผูกคอก็ไม่ได้ไม่มีทีแขวน สุดท้ายเลยมาจบที่ว่าเรากินยาฆ่าตัวตาย แต่ดันโง่ไงแทนที่จะกินยาอื่นดันกินยาแก้ไอแทนไป30เม็ด แทนที่จะตายก็ไม่ตาย ตอนนั้นร่างกายแบบเหมือนรูม่านตาปิดๆเปิดๆตาพร่าไปหมด เดินเซ ร้อนๆหนาวๆ สุดท้ายเลยไปนอนแล้วก็คิดว่าจะได้หายไปจากโลกที่แล้ว สุดท้ายตื่นมาอ้วกเต็มห้องน้ำไปหมด พ่อเลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาดูว่าเป็นอะไรเค้าเลยไซร้เราจนรู้ว่าเรากินยาฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่ได้โรงบ้านหรอกเอาน้ำราดหัว แล้วก็พยายามทำให้อ้วกจนหายนั้นแหละ เลยโทรไปคุยกับแม่สุดท้ายสภาพจิตใจก็ค่อยๆกลับมาดีขึ้นเหมือนเดิม แล้วเราก็โดนด่าเรื่องเราขี้เกียจบ้าง ไม่มีcommon sense บ้างก็เครียดแบบนี้แล้วก็หายเองบ่อยๆจนกระทั่ง ขึ้นช่วงที่จะต้องเลือกว่าเรียนอะไรดี ปีนั้นพ่อน้องคนที่2 ที่เราเรียกว่าแดดดี้เนี่ย ชวนเราไปกรีซเราก็ไป แต่มันติดตรงเรื่องสอบเข้าม.ปลายเนี่ยแหละ เราเลยโดนแม่ให้ไปเรียนที่วิทยาลัยที่หนึ่งที่เกี่ยวกับ ธูรกิจสถานพยาบาล ตอนนั้นก็ไม่รุ้หรอกว่าเป็นไงก็ไปเรียนตามที่แม่บอกเพราะว่าได้ทุนด้วยลดค่าเทอมไปครึ่งหนึ่ง เพราะว่าเกรดเฉลี่ยเราดี ทุกคนเนี่ยบอกว่าดีมากๆย่าเราก็บอกว่าดีๆมากแต่เรียนไปได้1เดือน เราร็ว่านี้ไม่ใช่ตัวเรา เราอยากรียนม.ปลายเพราะว่าเราจะได้สอบเข้าหมอในหมาลัยได้แบบที่ไม่ต้องพยายามมากๆเพราะถ้าเด็กที่จบอาชีวะไปสอบเนี่ยมันแทบจะไม่โอกาศติด เลยไปขอแม่เรื่องดรอปเรียนเข้าม.4ใหม่ แม่เลยให้ไปถามพ่อเราก็เลยไปถามพ่อ สุดท้ายพ่อให้คำตอบมาว่าไม่ให้ดรอปเพราะว่าบอกว่าย่าเนี่ยภูมิใจที่เราเรียนที่นี้ เพื่อนก็ก็ดีใจด้วย สุดท้ายเสียเวลาเปล่า เราเลยทนเรียนมา3ปี สภาะสังคมข้างในวิลัยก็จะตลกๆหน่อยคนน้อยหน่อยๆ อาจารย์มีบ้างไม่มีบ้าง หนังสือก็ได้อีกทีจะกลางเทอม เทอมแรก แต่โดยรวมถ้าไม่นับเรื่องสังคมภายใน หลักสูตรกับครูประจำชั้นหรือเพื่อนร่วมห้องดีมากๆ ได้ไปฝึกงานที่อนามัยด้วยก็เจอสังคมการทำงานที่เห็นแก่ตัวไปอีก แต่โดยรวมก็ถือว่าไปเรียนรู้ชีวิตจนตอนนี้จบแล้ว แต่ชีวิตตอนนี้เนี่ยเครียดอยู่มากๆ เพราะพ่อของน้องที่2กับพ่อคนปัจจุบันเนี่ย เค้าเหมือนเพื่อนกันเค้าก็คุยกันทุกเรื่องก็ถือว่าดีเพราะว่าถือว่าเค้าเลิกกันไปเค้าก็ทำหน้าที่พ่อกับแม่ได้ดี เราขอเรื่องพ่อน้องที่2ว่าแดดดี้แล้วกัน แดดดี้เนี่ยเค้าอยากให้ไปเราต่อที่กรีซเพราะเค้าบอกว่าเสียค่าเทอม แถมยังได้เรียนในยุโรปจบมาสามารถทำงานในยุโรปได้ เพราะว่ากรีซเนี่ยเป็นประเทศที่ลงทุนกับการศึกษาไว้เยอะ ส่วนพ่อคนคนปัจจุบันเราเราก้เรียนว่าปะป๋าแล้วกันนะ ปะป๋าเนี่ยไม่อยากให้เราไม่ต่อที่อังกฤษเพราะเค้าบอกว่าเรา เค้ารู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นั้นมันไม่เหมาะกับเราเพราะว่า เค้าบอกว่าเราเราเนี่ยเรียนหนังสือเก่งเรียนรู้ไวนะ แต่เราเนี่ยไม่มีความฉลาดเรื่องการใช้ชีวิตเรากลัวจะจะไปเป็นปลาเล็กให้ปลาใหญ่กิน เราก็โอเครนะเราร็ตัวเองว่าเราเนี่ยไม่ค่อยได้ไปไหนหรือกลับบ้านดึกๆหรือออกไปใช้ชีวิตวัยรุ่นข้างนอกเท่าไรอยู่แต่บ้านเพราะแม่กับพ่อไม่ค่อยอยากให้ไปไหนเท่าไรเพราะว่าเรากลัวเพราะว่าเราไม่ค่อยฉลาดใช้ชีวิตเลยกลัว ทำให้เราไม่ค่อยมีความกล้าที่จะใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นเท่าไร ตอนเราไปเที่ยวกรีซเนี่ยเราเจอวัยรุ่นที่นู้นแล้วเหมือนเราเป็นเด็กไปเลย เราพึ่งกลับมาจากกรีซเมื่อเมษาที่ผ่านมานี้เอง ตอนนไปเที่ยวที่น็นเราก็แบบลองไปทำอะไรใหม่ๆบ้าง แบบกลับบ้านเที่ยงคืน ออกไปข้งนอกดึกๆกับเพื่อน นอนค้างบ้านเพื่อนครั้งแรก แต่ว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เด็กกว่า4ปีนะ เพราะว่าสังคมฝรั่งวัยรุ่น18เนี่ยไม่มีเพื่อนทำให้เข้าไม่ถึง แต่มันทำให้เรากลับมาคิดว่าเราเนี่ยเหมือนเด็กที่ไม่โตเลย เด็กอายุเท่าเราเค้าโตกันไปถึงไหนแล้วตัวเราเหมือนหยุดอยู่ที่เดิมเลย จริงๆแพลนเราคือเราอยากเข้ามหาลัยที่ไทยแต่ว่าปีนี้ขอดรอปอ่านหนังสือเพราะว่าไม่ไหว ขอเข้ามหาลัยปี66 แล้วระหว่างนั้นไปทำงานที่คาเฟ่ของแม่ แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเค้าบอกว่าการที่เราไปทำงานที่คาเฟ่นะเป็นการฆ่าเราทางอ้อม เค้าบอกว่ามัจะทำให้เราขี้เกียจ หมดแพชชั่น แล้วเวลาเราจะอ่านหนังสือน้องเราก็จะมาป่วนไง เค้าไม่อยากให้ไปเรางานที่คาเฟ่แม่ เราเลยโอเคร แต่ปะป๋าเนี่ยบอกเราว่า เราจะไม่เลี้ยงเชยๆแน่ โดยที่เราไม่เรียน หรือไม่ทำงานเลย บอกกับเราอยากโตขึ้น แดดดี้อยากจะให้เราไปเรียนที่กรีซ เราก็เลยคิดว่าไปก็ได้ แต่มันติดตรงที่ว่าเรไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยที่กรีซได้เลยแล้วเราก็ไม่รุ้จะเรียนอะไร เพราะอยากเรียนสายสุขภาพแต่ว่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เท่าไร แทบไปดูเกณการรับสมัครหมอที่กรีซมาเค้าก็เน้นว่า จบม.ปลาย ถ้าสมัครผ่านต้องไปสอบเคมี ชีวะ เราก็ไม่อยากยอมแพ้หรอกแต่เกณฑ์ข้อแรกไม่ผ่านแล้วเลยต้องปล่อย ตอนนี้ลยคิดว่าจะไปเรียนจิตวิทยาแทน แต่แม่ก็ไม่อยากให้เรียนเค้าให้เหตุผลว่า ตัวเราเนี่ยเป็นเหมือนเรดารับรู้ความรู้สึกคนรอบข้างเค้ากลัวเราจะรับมือกับปัญหาของคนไข้แล้วก็ปัญหาของตัวเองไม่ไหว เค้ากลับเราจมกลับอารมณ์หรือปัญหาของคนไข้ แต่เราไม่รุ้จะเรียนอะไรแล้ว เราจึงคิดว่าเราก็อยากจิตวิทยาวันหนึ่งเราก็ต้องโตขึ้นเราเชื่อว่าวันนั้นเราจะมามารถรับมือกับปัญหานั้นได้ เราเลยคิดแพลนปีนี้ใหม่ทั้งหมด ว่าปีนี้จะไปเรียนคอสภาษากรีกพร้อมทำงานพาร์ททาส์มที่นู้น จากนั้นปี66 เราก็สมัครเรามหาลัย ระหว่างรอก็ไปทำงานที่แมคโดนัลก็ได้ แต่ที่นี้เรากลัวที่จะไปใช้ชีวิตที่กรีซคนเดียว เรากลัวสังคมเพื่อน เรากลัวการใช้ภาษาในการเนียมหาลัย เราไม่ใช้เจ้าของภาษาอังกฤษเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราพูดได้ เราฟังออก แต่เราไม่เก่งแกรมม่า สะกดคำศัพน์ก็ไม่ค่อยเก่ง เรากลัวการเรียนไม่รุ้เรื่อง เพราะว่าไม่เก่งเต้มร้อยสักภาษาถ้าให้เราเขียนจดหมายง่ายๆหรือเรียงความความ ที่ไม่เป็นวิชาการนะเขียนได้ แต่ถ้าเป็นคำศัพน์ทางวิชาการเราจะไม่ค่อยเก่ง เลยไม่มั่นใจเท่าไร ที่อื่นชมแล้วว่าสำเนียงเราดีพูดก็ดี ฝรั่งบอกว่าเวลาพูดภาษาอังกฤษเราไม่สำเนียงความเอเชียเลยแม้แต่น้อย ถ้าคะแนนเต็มร้อยเราให้ภาษาอังกฤษเราที่ 70  ภาษษกรีกนี้เรียนได้ตอนนี้เรียนด้วยตัวเองอยุ๋แบบออนไลน์ในยูทูป ทั้งนี้ทั้งหมดก็จบแล้ว เราเรียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะว่าเหงา นอยเรื่องเรียน และอยากจะเป็นไว้เป็นไดอารี่หากใครหลงเข้ามาอ่านและกระทู้ยาวเกินไปก็ขออภัยด้วย ให้คิดว่าเจ้าของกระทู้นั้นเหงามากๆแล้วกัน เพราะว่าไม่แฟน เพื่อนก็อยู่กับแฟน บ้างคนทำงาน ตอนนี้เจ้าของกระทู้ติดโควิดอยู่เลยเหงาไม่มีอะไรทำนอกนั้นมานั้นอ่านกระท็พันทิปเล่นๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่