JJNY : 5in1 ฝรั่งโพสต์ประจานไทย│หมูเบตงจ่อทะลุ260│หมอขอระบาย│อานันท์ถามรปห.ปท.ดีขึ้นจริงหรือ│รัสเซียสาวไส้ผู้บังคับการ

ฝรั่งโพสต์ประจานใน Reddit เที่ยวไทยครั้งแรก โดนแท็กซี่โกงมิเตอร์ ต่างชาติเมนต์กันตรึม!!
https://www.catdumb.com/thai-news/80856
 
 
แท็กซี่ไทยกำลังดังไปถึงต่างประเทศ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติรายหนึ่ง แชร์ประสบการณ์เที่ยวเมืองไทยครั้งแรกก็เจอดีเลย โดนแท็กซี่โกงค่ามิเตอร์-เก็บค่าทางด่วน ทั้ง ๆ ที่ด่านปิด
 
เรื่องของเรื่องก็คือมีชาวเน็ตรายหนึ่งชื่อว่า BBIGPROGAMC เข้าไปโพสต์กระทู้ในเว็บไซต์ Reddit (ประมาณว่าเป็นพันทิปในเวอร์ชันต่างชาติ) เล่าประสบการณ์ที่เจอตอนมาเที่ยวที่เมืองไทย
 
โดยพี่แกเปิดเผยว่าโดนแท็กซี่โกง 
1. มิเตอร์เริ่มต้นที่ 50 บาท ไม่ใช่ 35 บาท
2. คนขับแท็กซี่เอามิเตอร์แอบไว้ตรงเกียร์ทำให้นักท่องเที่ยวมองไม่เห็น
3. คนขับแท็กซี่ขอเก็บค่าทางด่วน 100 บาท แต่พอขึ้นทางด่วน พอผ่านด่านตรวจด่านไม่เปิดซะงั้น ขับผ่านไปเฉยเลย
 
พอเจอเรื่องพิรุธหลายอย่างก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ จึงขอให้แท็กซี่กลับไปส่งที่โรงแรม และจะสอบถามกับพนักงานโรงแรมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
 
แต่พอกลับมาถึงแท็กซี่ไม่กล้าเข้าไปส่งข้างในโรงแรม จอดส่งที่ริมถนนด้านนอก รวมแล้วเสียค่ามิเตอร์ไป 109 บาท บวกค่าทางด่วนอีก 100 บาท รวมเป็น 209 บาท
 
ก่อนที่พี่แกจะเปิดเผยต่อในโพสต์ว่า เจอคนดี 9 คน แต่เจอคนไม่ดี 1 คน และเข้าใจว่าทุกประเทศก็ต้องมีมิจฉาชีพอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เลยอยากจะขอเตือนนักท่องเที่ยวเอาไว้ ส่วนใครที่เป็นคนไทยและเข้ามาเห็น ก็อยากจะให้ช่วยเขารายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่หน่อย
 
จากกระทู้ดังกล่าวไม่นานก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตต่างชาติเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามาโหวตทั้งหมดกว่า 157 ครั้ง และเข้ามาแสดงความเห็นกันมากมาย
 
ลองไปอ่านความเห็นบางส่วนกันดูครับ…
 
“ใช้ Grab จะดีกว่า และอย่าไปยุ่งกับพวกแท็กซี่มาเฟีย”
 
“เจอแบบเดียวกันเลย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง แต่ที่ฉันโดนคือมิเตอร์มันขึ้นเร็วกว่าปกติ จากที่จะจ่ายแค่ 150 โดน 300 รู้งี้น่าจะถ่ายรูปไว้ก็ดี”
 
“เคยเจอเหมือนกันเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นแท็กซี่ถูกกฎหมายด้วยนะ แต่พยายามจะไถเงินผมไป 300 บาท ทั้งที่จริงราคาแค่ 50 บาทเท่านั้น”
 
“ใช้แกร๊บหรือบริการอื่น ๆ จะดีกว่า คุณสามารถเลือกได้ว่าไปที่ไหน และเวลามีปัญหาพวกเขาก็พร้อมจะช่วยคุณ”
 
ขณะที่คนไทยหลายคนก็เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทั้งช่องทางติดต่อกับเจ้าหน้าที่ และคำแนะนำในการเลือกใช้บริการแท็กซี่ เพราะเท่าที่ดูแล้วแท็กซี่คันที่เขาใช้นั้นเป็นแท็กซี่ปลอม ไม่ถูกกฎหมาย เพราะป้ายทะเบียนเป็นสีขาว และป้ายสีเหลืองที่อยู่ในรถกับป้ายทะเบียนก็ไม่ตรงกัน
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ สำหรับเพื่อน ๆ ท่านใดที่อยากตามเข้าไปอ่านต่อ ก็เข้าไปที่ลิงก์นี้ได้เลย : reddit


 
ระทึก!ราคา 'หมู' เบตง จ่อพุ่งทะลุ 260 บาท/กก.
https://www.nationtv.tv/news/378873272
  
หมูปรับราคารับเปิดประเทศ ขยับทะลุ 230บาทต่อกิโลฯ ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืช ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งกระทบต่อทั้งผู้ขายปลีก โดยเฉพาะรายย่อย ร้านอาหาร ตลอดจนผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้นอีก
 
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่าที่แผงหมูสดตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ล่าสุดพบราคาอาหารสดเริ่มปรับขึ้นตามคาดการณ์ โดยเฉพาะหมูสดวัตถุดิบหลักเริ่มปรับราคาขึ้นแล้ว พ่อค้าเปิดเผยว่าราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มตอนนี้เริ่มขยับจากสัปดาห์ที่แล้วจาก กก.ละ 104 บาท เป็น กก.ละ 110 บาทแล้ว เฉพาะในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
 
ส่งผลให้ราคาหมูชำแหละต้องปรับขึ้นตามไปด้วย โดยจากเดิมราคาหมูเนื้อแดงขาย กก.ละ 190 บาทก็ปรับขึ้นเป็น 230บาทต่อ กก. ส่วนหมูสามชั้นก็ปรับขึ้นจาก กก. ละ 190 บาทขึ้นเป็น 230 บาทและยังมีการคาดการณ์อีกว่า ราคาเนื้อหมูชำแหละ อาจจะพุ่งทะลุ 260 บาทต่อกิโลกรัมอีกไม่นานนี้ หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสัตว์ ยังไม่ลดราคา
 
พ่อค้าแผงหมูสด บอกว่า ภายหลังเปิดประเทศยอดขายก็ไม่มากแต่ต้องรอดูไปอีกสัก2 – 3 เดือนเพราะขณะนี้เริ่มเห็นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นหลังเปิดประเทศทำให้ยอดขายตามร้านอาหารเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก เพราะพึ่งเปิดด่านพรมแดนไทย – มาเลเซีย ซึ่งในช่วงนี้ทำให้ร้านอาหารต่างมีความต้องการเนื้อหมูมากขึ้น เมื่อก่อนชำแหละหมูมาจำหน่ายวันละ 2 – 3 ตัว ครึ่ง ตอนนี้เหลือ 1 ตัว เอาเพียงพอจำหน่ายและส่งลูกค้าประจำ หากทำมากก็จะเหลือ ขาดทุน หมูไม่สด อยากให้ทางรัฐบาลช่วยดูราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารหมู เพราะเป็นทุน และที่ต้องดูเร่งด่วนก็คือราคาน้ำมัน เพราะมีการบวกค่าขนส่งจากนอกพื้นที่กิโลกรัมละ 4.50 บาท ต่อกิโลกรัม
 
ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืช ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะกระทบต่อทั้งผู้ขายปลีก โดยเฉพาะรายย่อย ร้านอาหาร ตลอดจนผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่ค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ก็เริ่มมีสัญญาณปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
 

 
หมอ ขอระบาย งบค่าเสี่ยงภัยโควิด รอนานร่วม 6 เดือนยังไร้วี่แวว
https://www.nationtv.tv/news/378873242
 
ประเด็นดัง สนั่นโซเชียล กรณีข่าว หมอขอระบาย "ค่าเสี่ยงภัยโควิด" รอนาน 6 เดือนยังไร้วี่แวว อ้างสำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรเงินลงมา ให้ทำงานไปก่อน ลั่นความดีและความเสียสละ ซื้อข้าวกินไม่ได้
 
เพจดังเผยข่าว คุณหมอขอเปิดใจ รายงานข่าวนี้ อ้างอิงมาจาก ที่เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้แชร์เรื่องราวของแพทย์ท่านหนึ่ง ได้โพสต์ระบายความในใจ เกี่ยวกับงบค่าเสี่ยงภัยโควิดที่ผ่านไป รอร่วมปีก็ยังไม่ได้รับใดๆ โดยได้แท็กโพสต์มายังเพจดังของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และเพจของกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย โดยระบุข้อความว่า
 
"งบค่าเสี่ยงภัยโควิด ตั้งแต่ ตค พย ธค 64 เพิ่งอนุมัติ 22 มีค 2565 ผ่านไปนานกว่า 6 เดือน แล้วยังบอกอีกว่าสำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรเงินลงมา ขณะนี้ผ่านมาแล้วกว่า 2 เดือน ยังไร้วี่แววงบค่าเสี่ยงภัยโควิด เดือน มค กพ มีค 65 บอกว่าได้อยู่ แต่ให้ทำงานไปก่อน What?
  
เงินกู้ 1 ล้านล้านที่บอกว่าเอามาจัดการโควิด เนี่ยมันเอาไปทำอะไร เขียนซะดิบดีบอกเงินค่าเสี่ยงภัยเพื่อขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่ ผ่านไปเป็นปีไม่เห็นมีอะไรมาเลย สมัยนี้นะ ความดีและความเสียสละ มันซื้อข้าวกินไม่ได้ ซื้อน้ำมันพืชยังไม่ได้เลย"
  
เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง "งบค่าเสี่ยงภัยโควิด" นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสนับสนุนงานบริการสุขภาพ ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2565  ว่า งบค่าเสี่ยงภัยที่หลายคนกังวลว่าจะไม่ได้นั้น อย่างไรก็ได้แน่นอน เพียงแต่ต้องรอขั้นตอนและการจัดสรรจากสำนักงบประมาณก่อน 
  
ส่วนกรณีในพื้นที่มีบางคนได้รับเงินค่าฉีดวัคซีนนอกสถานที่แล้ว แต่ทำไมค่าเสี่ยงภัยจึงยังไม่ได้รับ นพ.ธงชัย กล่าวว่า ต้องไปดูว่า เงินค่าฉีดวัคซีนนอกสถานที่ เป็นเงินของงบประมาณปีก่อนหรือไม่ เพราะงบใหม่ที่ผ่าน ครม. ยังไม่ได้มีการจัดสรร ซึ่งจากการสอบถามงบค่าฉีดวัคซีนนอกสถานที่ที่มีการจัดสรรไปแล้วนั้น เป็นงบประมาณของปีก่อน ไม่ใช่ของใหม่ล่าสุดที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
 
งบประมาณที่ผ่านมติครม. เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ต้องรอขั้นตอน โดยงบประมาณค่าตอบแทนเสี่ยงภัยสำหรับผู้ปฏิบัติงานโควิดของเดือน ต.ค. พ.ย. และธ.ค. 2564 อยู่ในขั้นตอนขอ
   
ทางสำนักงบประมาณ ย้ำว่า ไม่ต้องห่วง หากเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงเป็นไปตามเงื่อนไข ได้รับงบประมาณแน่นอน
 
เมื่อถามกรณีงบค่าตอบแทนเสี่ยงภัยโควิดของเดือน ม.ค. ก.พ. และ มี.ค. 2565 จะมีการดำเนินการให้อีกหรือไม่ นพ.ธงชัย  กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนเหมือนกับงบค่าเสี่ยงภัย ต.ค. พ.ย. และ ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยของใหม่ในปี 2565 ก็ต้องรอจบเดือน มี.ค. เนื่องจากการจ่ายงบส่วนนี้จะต้องมีการทำงานไปก่อน และรวบรวมข้อมูลเอกสารเสนอของบประมาณ ดังนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน  อย่างไรก็ตาม หากบุคลากรมีข้อสงสัยให้สอบถามไปยังโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่ตนสังกัด หรือสอบถามสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้
 
สำหรับงบประมาณโควิดที่ผ่าน ครม. เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2565  รวมจำนวน 8,458,385,141 บาท เป็นในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมอนามัย ประกอบด้วย 
 
- ค้างจ่ายค่าตอบแทนเสี่ยงภัยและฉีดวัคซีนนอกสถานที่รวมงบประมาณมากกว่า 3,373 ล้านบาท
- ค้างจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยไร้สิทธิ์งบประมาณมากกว่า 2,785 ล้านบาท 
- ค้างจ่ายค่ายาฟาวิพิราเวียร์ และเรมเดซิเวียร์ งบประมาณกว่า 1,778 ล้านบาท
- งบจัดซื้อยาแพกซ์โลวิดอีก  500 ล้านบาท 
 
ขอขอบคุณที่มา จากเพจ FB : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/580110406809236
 

 
"อานันท์"ถามรปห.ประเทศดีขึ้นจริงหรือ-รบ.มาหลังรัฐประหารแก้ต้นตอได้ไหม
https://www.nationtv.tv/news/378873300

"อานันท์"ถามรัฐประหารทุกครั้งประเทศดีขึ้นจริงหรือ แล้วรัฐบาลรับไม้ต่อได้แก้ไขต้นตอหรือยัง ลั่นไม่มีอะไรแนะนำ"บิ๊กตู่"หลังสื่อถามปัญหาปากท้อง ชี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งรับผิดชอบแล้ว แนะสังคมไทยตั้งสติ-จับเข่าคุยกัน

17 พฤษภาคม 2565 นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเหตุการณ์พฤษภาที่ผ่านมา 30 ปี ประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่ยังไม่มากพอ เพราะความเปลี่ยนในทางที่แย่นั้นมีมากกว่า สังคมไทยยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนได้  แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีความก้าวหน้าทางความคิด แต่ยังไม่ค่อยเห็นผลที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นเท่าที่ควร 
 
ทั้งนี้ หวังว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทั้งตัวหนังสือและจิตวิญญาณจะต้องเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ สามารถเป็นเครื่องมือและแนวนโยบายที่พาสังคมไทยให้มีความยุติธรรมยิ่งขึ้นได้ในทุกๆ ด้าน ทั้งยังหวังว่าทุกๆ รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐประหาร ปัญหาลำดับแรกที่ต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด คือ ปากท้องและเศรษฐกิจ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนพร้อมด้วยปัจจัย 4 รัฐบาลชุดต่อๆ ไปควรทำให้เกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่พูด
 
เมื่อถามว่า ในความขัดแย้งอันเกี่ยวกับการบริหารราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั้น มีข้อแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างหรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ไม่มีข้อแนะนำ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบแล้ว หากพูดสิ่งใดไปโดยมีข้อมูลไม่สมบูรณ ก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้ฟัง
 
สำหรับความขัดแย้งรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น จะมีโอกาสย่ำแย่ลงหรือไม่ และควรหาทางออกอย่างไร นายอานันท์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสื่อเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงด้านวาทกรรม แต่สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าสื่อ คือ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เนื่องด้วยคนไทยนั้นจะหูเบา เมื่อได้ฟังอะไรก็มักจะเชื่อและปฏิบัติทันทีโดยไม่ได้คิดไตร่ตรอง จึงเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง ขณะเดียวกันก็ควรเดินหน้าพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันด้วย โดยไม่ได้หมายถึงต้องถึงขั้นเจรจา เพียงแต่ต้องคุยกัน ปรับพื้นฐานความรู้ สิ่งสำคัญที่เห็นตรงกัน
 
"ต้องสร้างความเชื่อมั่น ไว้ใจ เห็นใจ แล้วจะนำไปสู่ความรู้สึกที่อยากอยู่ร่วมกัน และอยู่ร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องทำให้คิดเหมือนกัน คิดแตกต่างกันก็อยู่ร่วมกันได้ ไม่ได้ต้องแตกหักนี่ แต่ถ้าฝ่ายใดคิดว่าฉันถูกเสมอ ฉันทำตามกฏหมายเสมอ แต่ถ้ากฏหมายนั้นไม่ดีล่ะ ถ้ากฏหมายนั้นผิดล่ะ ดังนั้นสิ่งที่สังคมไทยควรมีให้มากคือสติและสัมปัชชัญญะ" อดีตนายกฯ ระ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่