♥ ลมฝนแห่งประสบการณ์การเรียนรู้ในช่วงชั้นปีที่ 1 ผ่านพ้นไปแล้ว เลยอยากจะบันทึกความทรงจำและสิ่งที่ได้รับ เก็บเอาไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของชีวิต เริ่มกันที่เทอม 1 มีวิชาบังคับคณะทั้งหมด 5 วิชา และวิชาบังคับเพื่อเข้าเอกภาษาญี่ปุ่น 2 วิชา เทอม 1 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดี รายวิชาและการเรียนการสอนยังไม่ได้โหดและสาหัสเท่าที่คิดไว้ แต่ก็ต้องปรับตัว และปรับการจัดการเรียนและชีวิตพอสมควร ส่วนแต่ละรายวิชานั้นก็จะมาเริ่มที่วิชา ENGLISH 1 ภาษาอังกฤษ 1 ก็จะเขียนรวมกับรายวิชา ENGLISH 2 ด้วยกันเลย เพราะเนื้อหาจะค่อนข้างคล้ายคลึงกันนั่นคือสอน Grammar, Reading, Writing เริ่มที่พาร์ทไวยากรณ์ จริงๆ ก็เป็นไวยากรณ์ที่สำหรับคนที่สอบเข้าอักษรศาสตร์ จุฬามาได้คงจะเคยเจอกันมาหมดแล้ว แต่ก็เรียนเน้นย้ำแล้วก็มีระดับที่เข้มข้นขึ้น ลึกขึ้น เยอะขึ้นบ้างตามเรื่องตามราว ไม่หนักมากเท่าไร แต่ที่จะยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ Reading และ Writing เพราะ Reading นั้นนอกจากจะยาวแล้ว ความยากของโจทย์คือขั้นสุดเท่าที่ข้อสอบการอ่านจะเป็นได้แล้วกระมัง อาจยากกว่าข้อสอบการอ่าน IELTS ก็ว่าได้มั้ง และการเขียน Writing ทั้ง Reason / Compare&Contrast / Persuasive Paragraph ก็เป็นการ upskill การเขียนขึ้นมาได้พอสมควรเลย ส่วน Speaking นั้นก็จะไม่ค่อยมี แต่จะมีแค่การได้พูดและฟังอาจารย์ในคาบเท่านั้น ภาพรวมของวิชาภาษาอังกฤษคือทำให้ตัวเองรู้สึกมีความอยากเก่งภาษาอังกฤษอีกครั้ง รู้สึกแบบเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการใช้ภาษาอังกฤษในเวลาเดียวกัน (Aj.Darintip & Aj. Nipaporn อาจารย์ใจดีมากทั้ง 2 คน รักสุด)
♥ต่อมารายวิชา RES COMP SKILL อาจน่าเบื่อสักนิดเพราะเป็นเรื่องการใช้ห้องสมุด ข้อมูลสารสนเทศ การทำบรรณานุกรมต่าง ๆ แต่มันเป็นวิชาที่มีประโยชน์มาก และมากที่สุดสำหรับชีวิตในแวดวงการศึกษา หรือแวดวงวิชาการแน่นอน (Aj. Oranuch อาจารย์น่ารัก ห่วงใยนิสิตมาก แนะนำเรื่องต่าง ๆ ให้ด้วย เสียงก็น่าฟังมาก) ส่วนอีกวิชาคือ USE THAI LANG อันนี้ก็ได้ฝึกการอ่าน และทักษะอื่น ๆ ของภาษาไทยพอสมควร แต่อาจารย์ส้ม (Aj. Chairat) น่ารักมาก
♥วิชาที่สี่ REASONING การใช้เหตุผล เป็นวิชาสาขาปรัชญา ที่ยังไม่ปรัชญาจ๋ามาก แล้วก็เป็นประโยชน์มาก มาก ในชีวิต ไม่ว่าจะสำหรับใครหน้าไหน เพราะมันคือเรื่องพื้นฐานในการให้หรือรับรู้เหตุผลกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต และเป็นทักษะที่สำคัญในการทำให้ความคิดความอ่านของเรานั้นน่าเชื่อถืออีกด้วย (อ.ศริญญา อ.สอนดีมาก เข้าใจได้ง่ายมากเลย)
♥วิชาสุดท้ายของวิชาบังคับ อารยธรรมตะวันออก EAST CIV (อ. วาสนา-จีน / อ. พิพาดา-ญี่ปุ่น / อ. สาวิตรี-อินเดีย / อ. ธิบดี-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เป็นรายวิชาที่ชอบมากที่สุดของเทอม 1 เพราะเป็นการสอนประวัติศาสตร์ที่สนุก และก็กว้างขวางกว่า หรือต่อยอดจากมัธยม บางส่วนก็เป็นแง่มุมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้รู้ และก็ได้เข้าใจในภาพรวมของประวัติศาสตร์ ความเป็นไป ของแต่ละประเทศมากขึ้น บางทีอดีตก็ทำให้รู้ว่าทำไมปัจจุบัน หรือวิถีประชาบางอย่างของคนชาตินั้นเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอารยธรรมจีนที่อ. วาสนาก็จะชอบวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ภาพรวมแล้วคงเป็นรายวิชาที่ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ภาพรวมเบื้องต้นของเอเชียตะวันออก และเป็นแรงบันดาลใจหรือข้อมูลเบื้องต้นในการต่อยอดต่อในเรื่องราวที่สนใจ **ข้อดีของการเรียนออนไลน์คือถ้าคาบไหนที่เป็นวิดีโอก็สามารถเร่งความเร็วได้ ประหยัดเวลาไปค่อนข้างเยอะเลย แม้จะต้องกรอกลับมาดูอีกรอบเพราะจดหรือตามไม่ทันก็ตาม**
♥มาถึงรายวิชาของเทอม 2 เริ่มตั้งแต่วิชา INTRO TRANS การแปลเบื้องต้น อันนี้เป็นประตูบานแรกของการแปลที่ต้องการสื่อสารโดยตรงกับนิสิตว่า “การแปลไม่ง่าย” อย่างชัดเจน ยิ่งคนที่ไม่ได้คุ้นชินกับภาษาอังกฤษนี่เป็นยาขมเลยก็ว่าได้ ยากในหลายมิติมาก แต่ก็ท้าทาย แล้วก็รู้สึกได้ความรู้พื้นฐานของการแปลพอสมควร แต่ที่สำคัญคือการได้ฝึกแปลบ่อย ๆ จนอย่างน้อยก็รู้สึกว่าได้ฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะไปได้ประมาณหนึ่ง (Aj.Darintip อีกแล้ว แต่มาในพากย์ไทย สนุกและสอนดีมาก เล่นมุกอะไรจารย์ก็จะตอบรับตลอด แถมได้เห็นหมาอาจารย์ด้วย ชื่อลาเต้ ตั้งเพราอ.ชอบกินกาแฟ พันธุ์ผสมระหว่าง border collie กับ อะไรก็ไม่รู้ ชอบเห่าไล่คนส่งของตอนอ.กำลังสอน) อีกรายวิขา INTRO เหมือนกันก็คือ INTRO LANG ภาษาศาสตร์เบื้องต้น เรียนการเนื้อหาเบื้องต้นของภาษาศาสตร์หลายศาสตร์หลายแขนงมาก บางแขนงก็ยากที่เข้าใจสุด ๆ แต่บางแขนงก็มีประโยชน์ในการเรียนภาษาสาสตร์ของภาษาที่เลือกจะเข้าเอก เป็นการปูพื้นที่ดีพอตัว
♥THAI LIT วรรณคดีไทย ชื่อวิชามาก็รู้สึกเบื่อและไม่อยากเรียนแล้ว ต้องยอมรับว่าบางเรื่องที่เรียนก็เปลี่ยนมุมมองแล้วก็รู้สึกด้านบวกกับการอ่านวรรณคดีพอสมควรเลย อาจเป็นที่ผู้สอนด้วยกระมัง อย่างเรื่องไตรภูมิจะไม่ค่อยอินเท่าไร เพราะอาจเป็นเรื่องแรกที่เรียน แล้วก็อาจารย์ไม่ได้พาวิเคราะห์ตัววรรณคดีมากขนาดนั้น แต่ต่อมาทั้งเรื่อง ลิลิตพระลอ เงาะป่า โดเฉพาะมัทนะพาธา คือสนุกแล้วก็ว้าวกับการวิเคราะห์ ความคิดลีลาของศิลปิน แล้วก็การสกัดสิ่งที่แอบแฝงนัยยะซ่อนเร้นอยู่ในวรรณคดีนี่เป็นบทเรียนที่ดีมาก แล้วก็สนุกที่ได้เขียนวิเคราะห์ตอนเรียนเสร็จด้วย แม้จะรู้สึกว่ากำหนดส่งมันเร็วไปก็เถอะ และอีกอย่างที่ประทับใจก็คือ มีพี่นักรบ มูลมานัส มาพูดคุยและก็ให้ความรู้ด้วย ดีใจมากที่ได้เจอหลังจากที่ได้ไปซื้อหนังสือ เล่นแร่แปลภาพ เมื่อไม่นานก่อนที่จะได้เรียนกับพี่นักรบ
♥ส่วนสองวิชาจะเป็นวิชาที่ชอบที่สุดของการเรียนอักษรปี 1 และคิดว่าทรงคุณค่ามาก ๆ นั่นคือวิชามนุษย์และศาสนา Man and Religion การได้เรียนรู้โลกทัศน์ทางศาสนา และได้วิเคราะห์เรื่องราวศาสนากับเรื่องต่าง ๆ และก็ได้เรียนทฤษฎีศาสนาต่าง ๆ ที่สำคัญคือทฤษฎีการได้มาซึ่งความรู้และก็เรื่องของแม็กซ์ เวเบอร์ อันนี้ประทับใจมาก มันเปิดโลกของศาสนา ความเชื่อ และความรู้ด้านมิติจิตวิญญาณได้อย่างดีมาก ได้แลกเปลี่ยน ศึกษา พูดคุย แล้วก็ได้ท้าทายตัวเองในการอ่านเปเปอร์ใหม่ ๆ ที่บางเปเปอร์ก็อ่านยากมากที่จะเข้าใจ (ทั้งอังกฤษและไทย) แต่ก็รู้สึกสนุกแล้วก็ได้รับมุมมองต่อศาสนาใหม่ ๆ จากวิชานี้เยอะมาก เป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาด้านศาสนาต่อไปอีกด้วย (อ.ศริญญา / อ.ทิพพาพันธุ์ / อ.ใกล้รุ่ง)
♥วิชาบังคับคณะวิชาสุดท้าย ที่ทรงคุณค่า (ที่สุด) ของคณะอักษรศาสตร์ อย่างที่ อ.ชอบเน้นย้ำว่ามันมีคุณค่าจริง ๆ ก็คือ WEST CIV อารยธรรมตะวันตก เป็นวิชาที่ได้เรียนรู้ทั้งเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือ ความคิด และระบบคุณค่าของคนตะวันตก ที่ระบบคุณค่าของเขาเปลี่ยนผ่านตามยุคสมัยมาเรื่อย ๆ และมีหลายจุดเปลี่ยนผ่านมากมาย บทเรียนมากมี ที่ทำให้ชาติตะวันตก คนตะวันตกมีความคิด มีทัศนะต่อเรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างแตกต่างกับคนตะวันออกอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของมนุษย์ มนุษยภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประชาธิปไตย เป็นต้น ทำให้รู้สึกถึงความด้อยและความย่ำแย่ของชนชั้นปกครองและชนชั้นนำในประเทศไทยมาก รวมถึงทำให้รู้ว่า การศึกษามันปลูกฝังความคิด คุณค่า โดยเฉพาะการเข้าใจในมนุษย์ ต่ำมาก การศึกษาในเมืองไทยปลูกฝังเรื่องนี้ต่ำมาก ๆ โดยเฉพาะสมัยก่อน อาจเพราะประวัติศาสตร์และสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน แต่ในทุกวันนี้ที่โลกาภิวัฒน์ได้ก้าวเดินมาระยะนึงแล้ว ได้แต่หวังว่าการปลูกฝังเรื่องนี้จะมีมากขึ้นในสังคมและการศึกษาไทย ปัญหาต่าง ๆ บนโลก เช่นปัญหาสงครามรัสเซีย ยูเครน / ปัญหาเพศเท่าเทียม / ปัญหาสิทธิมนุษยชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึง ความสำคัญและความเจริญทางความรู้ในสายมนุษยศาสตร์ ยังมีความจำเป็นมากต่อโลกมนุษย์ และอาจจำเป็นอย่างนี้ไปตลอดช่วงเวลาที่ยังมีสัตว์ที่ชื่อว่า มนุษย์ อยู่ (อ.ตุลย์ / อ.ภาวรรณ)
♥สุดท้ายคงเป็นการเขียนถึงรายวิชาภาษาญี่ปุ่น วิชา JAP 1, JAP 2 นี่แม้ไวยากรณ์จะเป็นสิ่งที่เคยเรียนเคยอ่านมาแล้ว แต่ความเข้มข้นนี่ระดับ N3 และคนละระดับกับที่เคยรู้มาเลย ต้องพยายามประมาณนึง แต่สิ่งที่ยากจริง ๆ คือการแปล และคำศัพท์กับคันจิที่โคตรยากมาก ระดับ N1 N2 เลย ก็รู้สึกท้าทายดี เป็นการเกริ่นเริ่มต้นอย่างไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ส่วนวิชาสนทนา ส่วนตัวแล้วชอบมาก เพราะได้คุย ได้ใช้ ได้พูดบ่อยจริง ๆ แม้ในหนังสือจะดูเป็นไวยากรณ์ที่ง่าย แต่การนำมาใช้จริง แถมยังได้คำศัพท์ที่มันใช้จริงได้ รวมถึงวิธี หรือรูปแบบการพูดประเภทต่าง ๆ ก็ได้ความรู้เบื้องต้นพอสมควรเลย ได้ฝึกพูดด้วยทำให้รู้สึกว่า มั่นใจในการพุดญี่ปุ่นขึ้นมาหน่อยนึง และทำให้รู้สึกว่าอยากพัฒนาอีกมากมากมากเลย (อ.น้ำทิพย์ ใจดีมาก น่ารักมาก และก็นับถือความเก่งกาจของ อ. มากมาก ดีใจที่ ปี 1 เทอม 1 ก็ได้เรียนกับ อ. เลย / อ. มิโยชิ น่ารักสไตล์คนญี่ปุ่นเลย / อ. สลิลรัตน์ อ.เป็นคนแรกที่ทำให้ได้ไปเรียนออนไซต์ ขอบคุณอ.มากมาก และก็อ.แนะแนวหลายเรื่องของอนาคตในเอกญี่ปุ่นให้รู้เยอะเลย + บอกเคล็ดลับว่ากะปิที่อร่อยที่สุดต้องเป็นกะปิคลองโคนอีกด้วย / อ. โคบายาชิ เป็นกันเองมาก มากสุดสุด อาจเพราะเรียนป.โทที่ไทยและก็พูดไทยได้ เลยขี้เล่น และก็ตลก ๆ ดี น่ารัก)
♥ ภาพรวมแล้ว การเรียนปี 1 อักษรศาสตร์ จุฬา ทำให้รู้สึภาคภูมิใจและก็ดีใจว่าตัดสินใจถูกที่ไม่ได้ไปเลือกเรียนคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าอยากหนีความวุ่นวายในเมือง ไปอยู่รังสิตมาก ๆ ก็ตาม แต่เพราะวิชาบังคับของคณะทำให้รู้สึกถึงคุณค่าและความแตกต่างของคณะเป็นอย่างมาก เพราะอัการไม่ต้องเรียนวิชารวมของมหาวิทยาลัยเลย เรียนเพียงแต่วิชาคณะที่มีความสำคัญ และประโยชน์ที่หลากหลายแตกต่างกันไป เลยเป็นปีหนึ่งที่รู้สึกดีกับความรู้และประสบการณ์ที่ได้มามากมาก แม้อาจมีคนคิดหรือบอกว่า ความรู้เหล่านี้เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าคุณทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่เป็น แต่จากทัศนะผมแล้ว ผมรู้สึกว่าความคิดเหล่านี้มันมีค่าและสำคัญมากต่อการมีชีวิตในฐานะ มนุษย์ เลย แม้จะเสียดายไปหน่อยที่ไม่ค่อยได้ไปเรียน เก็บเกี่ยวบรรยากาศ ร่วมกิจกรรม ที่มหาวิทยาลัยมากนัก แต่ก็เป็นปี 1 ที่ประทับตราตรึงในหัวใจเลยครับ
นั่งเทียนเขียนเล่า ประสบการณ์อักษรศาสตร์ ปี 1
♥ต่อมารายวิชา RES COMP SKILL อาจน่าเบื่อสักนิดเพราะเป็นเรื่องการใช้ห้องสมุด ข้อมูลสารสนเทศ การทำบรรณานุกรมต่าง ๆ แต่มันเป็นวิชาที่มีประโยชน์มาก และมากที่สุดสำหรับชีวิตในแวดวงการศึกษา หรือแวดวงวิชาการแน่นอน (Aj. Oranuch อาจารย์น่ารัก ห่วงใยนิสิตมาก แนะนำเรื่องต่าง ๆ ให้ด้วย เสียงก็น่าฟังมาก) ส่วนอีกวิชาคือ USE THAI LANG อันนี้ก็ได้ฝึกการอ่าน และทักษะอื่น ๆ ของภาษาไทยพอสมควร แต่อาจารย์ส้ม (Aj. Chairat) น่ารักมาก
♥วิชาที่สี่ REASONING การใช้เหตุผล เป็นวิชาสาขาปรัชญา ที่ยังไม่ปรัชญาจ๋ามาก แล้วก็เป็นประโยชน์มาก มาก ในชีวิต ไม่ว่าจะสำหรับใครหน้าไหน เพราะมันคือเรื่องพื้นฐานในการให้หรือรับรู้เหตุผลกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต และเป็นทักษะที่สำคัญในการทำให้ความคิดความอ่านของเรานั้นน่าเชื่อถืออีกด้วย (อ.ศริญญา อ.สอนดีมาก เข้าใจได้ง่ายมากเลย)
♥วิชาสุดท้ายของวิชาบังคับ อารยธรรมตะวันออก EAST CIV (อ. วาสนา-จีน / อ. พิพาดา-ญี่ปุ่น / อ. สาวิตรี-อินเดีย / อ. ธิบดี-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เป็นรายวิชาที่ชอบมากที่สุดของเทอม 1 เพราะเป็นการสอนประวัติศาสตร์ที่สนุก และก็กว้างขวางกว่า หรือต่อยอดจากมัธยม บางส่วนก็เป็นแง่มุมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้รู้ และก็ได้เข้าใจในภาพรวมของประวัติศาสตร์ ความเป็นไป ของแต่ละประเทศมากขึ้น บางทีอดีตก็ทำให้รู้ว่าทำไมปัจจุบัน หรือวิถีประชาบางอย่างของคนชาตินั้นเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอารยธรรมจีนที่อ. วาสนาก็จะชอบวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ภาพรวมแล้วคงเป็นรายวิชาที่ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ภาพรวมเบื้องต้นของเอเชียตะวันออก และเป็นแรงบันดาลใจหรือข้อมูลเบื้องต้นในการต่อยอดต่อในเรื่องราวที่สนใจ **ข้อดีของการเรียนออนไลน์คือถ้าคาบไหนที่เป็นวิดีโอก็สามารถเร่งความเร็วได้ ประหยัดเวลาไปค่อนข้างเยอะเลย แม้จะต้องกรอกลับมาดูอีกรอบเพราะจดหรือตามไม่ทันก็ตาม**
♥มาถึงรายวิชาของเทอม 2 เริ่มตั้งแต่วิชา INTRO TRANS การแปลเบื้องต้น อันนี้เป็นประตูบานแรกของการแปลที่ต้องการสื่อสารโดยตรงกับนิสิตว่า “การแปลไม่ง่าย” อย่างชัดเจน ยิ่งคนที่ไม่ได้คุ้นชินกับภาษาอังกฤษนี่เป็นยาขมเลยก็ว่าได้ ยากในหลายมิติมาก แต่ก็ท้าทาย แล้วก็รู้สึกได้ความรู้พื้นฐานของการแปลพอสมควร แต่ที่สำคัญคือการได้ฝึกแปลบ่อย ๆ จนอย่างน้อยก็รู้สึกว่าได้ฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะไปได้ประมาณหนึ่ง (Aj.Darintip อีกแล้ว แต่มาในพากย์ไทย สนุกและสอนดีมาก เล่นมุกอะไรจารย์ก็จะตอบรับตลอด แถมได้เห็นหมาอาจารย์ด้วย ชื่อลาเต้ ตั้งเพราอ.ชอบกินกาแฟ พันธุ์ผสมระหว่าง border collie กับ อะไรก็ไม่รู้ ชอบเห่าไล่คนส่งของตอนอ.กำลังสอน) อีกรายวิขา INTRO เหมือนกันก็คือ INTRO LANG ภาษาศาสตร์เบื้องต้น เรียนการเนื้อหาเบื้องต้นของภาษาศาสตร์หลายศาสตร์หลายแขนงมาก บางแขนงก็ยากที่เข้าใจสุด ๆ แต่บางแขนงก็มีประโยชน์ในการเรียนภาษาสาสตร์ของภาษาที่เลือกจะเข้าเอก เป็นการปูพื้นที่ดีพอตัว
♥THAI LIT วรรณคดีไทย ชื่อวิชามาก็รู้สึกเบื่อและไม่อยากเรียนแล้ว ต้องยอมรับว่าบางเรื่องที่เรียนก็เปลี่ยนมุมมองแล้วก็รู้สึกด้านบวกกับการอ่านวรรณคดีพอสมควรเลย อาจเป็นที่ผู้สอนด้วยกระมัง อย่างเรื่องไตรภูมิจะไม่ค่อยอินเท่าไร เพราะอาจเป็นเรื่องแรกที่เรียน แล้วก็อาจารย์ไม่ได้พาวิเคราะห์ตัววรรณคดีมากขนาดนั้น แต่ต่อมาทั้งเรื่อง ลิลิตพระลอ เงาะป่า โดเฉพาะมัทนะพาธา คือสนุกแล้วก็ว้าวกับการวิเคราะห์ ความคิดลีลาของศิลปิน แล้วก็การสกัดสิ่งที่แอบแฝงนัยยะซ่อนเร้นอยู่ในวรรณคดีนี่เป็นบทเรียนที่ดีมาก แล้วก็สนุกที่ได้เขียนวิเคราะห์ตอนเรียนเสร็จด้วย แม้จะรู้สึกว่ากำหนดส่งมันเร็วไปก็เถอะ และอีกอย่างที่ประทับใจก็คือ มีพี่นักรบ มูลมานัส มาพูดคุยและก็ให้ความรู้ด้วย ดีใจมากที่ได้เจอหลังจากที่ได้ไปซื้อหนังสือ เล่นแร่แปลภาพ เมื่อไม่นานก่อนที่จะได้เรียนกับพี่นักรบ
♥ส่วนสองวิชาจะเป็นวิชาที่ชอบที่สุดของการเรียนอักษรปี 1 และคิดว่าทรงคุณค่ามาก ๆ นั่นคือวิชามนุษย์และศาสนา Man and Religion การได้เรียนรู้โลกทัศน์ทางศาสนา และได้วิเคราะห์เรื่องราวศาสนากับเรื่องต่าง ๆ และก็ได้เรียนทฤษฎีศาสนาต่าง ๆ ที่สำคัญคือทฤษฎีการได้มาซึ่งความรู้และก็เรื่องของแม็กซ์ เวเบอร์ อันนี้ประทับใจมาก มันเปิดโลกของศาสนา ความเชื่อ และความรู้ด้านมิติจิตวิญญาณได้อย่างดีมาก ได้แลกเปลี่ยน ศึกษา พูดคุย แล้วก็ได้ท้าทายตัวเองในการอ่านเปเปอร์ใหม่ ๆ ที่บางเปเปอร์ก็อ่านยากมากที่จะเข้าใจ (ทั้งอังกฤษและไทย) แต่ก็รู้สึกสนุกแล้วก็ได้รับมุมมองต่อศาสนาใหม่ ๆ จากวิชานี้เยอะมาก เป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาด้านศาสนาต่อไปอีกด้วย (อ.ศริญญา / อ.ทิพพาพันธุ์ / อ.ใกล้รุ่ง)
♥วิชาบังคับคณะวิชาสุดท้าย ที่ทรงคุณค่า (ที่สุด) ของคณะอักษรศาสตร์ อย่างที่ อ.ชอบเน้นย้ำว่ามันมีคุณค่าจริง ๆ ก็คือ WEST CIV อารยธรรมตะวันตก เป็นวิชาที่ได้เรียนรู้ทั้งเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือ ความคิด และระบบคุณค่าของคนตะวันตก ที่ระบบคุณค่าของเขาเปลี่ยนผ่านตามยุคสมัยมาเรื่อย ๆ และมีหลายจุดเปลี่ยนผ่านมากมาย บทเรียนมากมี ที่ทำให้ชาติตะวันตก คนตะวันตกมีความคิด มีทัศนะต่อเรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างแตกต่างกับคนตะวันออกอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของมนุษย์ มนุษยภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประชาธิปไตย เป็นต้น ทำให้รู้สึกถึงความด้อยและความย่ำแย่ของชนชั้นปกครองและชนชั้นนำในประเทศไทยมาก รวมถึงทำให้รู้ว่า การศึกษามันปลูกฝังความคิด คุณค่า โดยเฉพาะการเข้าใจในมนุษย์ ต่ำมาก การศึกษาในเมืองไทยปลูกฝังเรื่องนี้ต่ำมาก ๆ โดยเฉพาะสมัยก่อน อาจเพราะประวัติศาสตร์และสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน แต่ในทุกวันนี้ที่โลกาภิวัฒน์ได้ก้าวเดินมาระยะนึงแล้ว ได้แต่หวังว่าการปลูกฝังเรื่องนี้จะมีมากขึ้นในสังคมและการศึกษาไทย ปัญหาต่าง ๆ บนโลก เช่นปัญหาสงครามรัสเซีย ยูเครน / ปัญหาเพศเท่าเทียม / ปัญหาสิทธิมนุษยชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึง ความสำคัญและความเจริญทางความรู้ในสายมนุษยศาสตร์ ยังมีความจำเป็นมากต่อโลกมนุษย์ และอาจจำเป็นอย่างนี้ไปตลอดช่วงเวลาที่ยังมีสัตว์ที่ชื่อว่า มนุษย์ อยู่ (อ.ตุลย์ / อ.ภาวรรณ)
♥สุดท้ายคงเป็นการเขียนถึงรายวิชาภาษาญี่ปุ่น วิชา JAP 1, JAP 2 นี่แม้ไวยากรณ์จะเป็นสิ่งที่เคยเรียนเคยอ่านมาแล้ว แต่ความเข้มข้นนี่ระดับ N3 และคนละระดับกับที่เคยรู้มาเลย ต้องพยายามประมาณนึง แต่สิ่งที่ยากจริง ๆ คือการแปล และคำศัพท์กับคันจิที่โคตรยากมาก ระดับ N1 N2 เลย ก็รู้สึกท้าทายดี เป็นการเกริ่นเริ่มต้นอย่างไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ส่วนวิชาสนทนา ส่วนตัวแล้วชอบมาก เพราะได้คุย ได้ใช้ ได้พูดบ่อยจริง ๆ แม้ในหนังสือจะดูเป็นไวยากรณ์ที่ง่าย แต่การนำมาใช้จริง แถมยังได้คำศัพท์ที่มันใช้จริงได้ รวมถึงวิธี หรือรูปแบบการพูดประเภทต่าง ๆ ก็ได้ความรู้เบื้องต้นพอสมควรเลย ได้ฝึกพูดด้วยทำให้รู้สึกว่า มั่นใจในการพุดญี่ปุ่นขึ้นมาหน่อยนึง และทำให้รู้สึกว่าอยากพัฒนาอีกมากมากมากเลย (อ.น้ำทิพย์ ใจดีมาก น่ารักมาก และก็นับถือความเก่งกาจของ อ. มากมาก ดีใจที่ ปี 1 เทอม 1 ก็ได้เรียนกับ อ. เลย / อ. มิโยชิ น่ารักสไตล์คนญี่ปุ่นเลย / อ. สลิลรัตน์ อ.เป็นคนแรกที่ทำให้ได้ไปเรียนออนไซต์ ขอบคุณอ.มากมาก และก็อ.แนะแนวหลายเรื่องของอนาคตในเอกญี่ปุ่นให้รู้เยอะเลย + บอกเคล็ดลับว่ากะปิที่อร่อยที่สุดต้องเป็นกะปิคลองโคนอีกด้วย / อ. โคบายาชิ เป็นกันเองมาก มากสุดสุด อาจเพราะเรียนป.โทที่ไทยและก็พูดไทยได้ เลยขี้เล่น และก็ตลก ๆ ดี น่ารัก)
♥ ภาพรวมแล้ว การเรียนปี 1 อักษรศาสตร์ จุฬา ทำให้รู้สึภาคภูมิใจและก็ดีใจว่าตัดสินใจถูกที่ไม่ได้ไปเลือกเรียนคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าอยากหนีความวุ่นวายในเมือง ไปอยู่รังสิตมาก ๆ ก็ตาม แต่เพราะวิชาบังคับของคณะทำให้รู้สึกถึงคุณค่าและความแตกต่างของคณะเป็นอย่างมาก เพราะอัการไม่ต้องเรียนวิชารวมของมหาวิทยาลัยเลย เรียนเพียงแต่วิชาคณะที่มีความสำคัญ และประโยชน์ที่หลากหลายแตกต่างกันไป เลยเป็นปีหนึ่งที่รู้สึกดีกับความรู้และประสบการณ์ที่ได้มามากมาก แม้อาจมีคนคิดหรือบอกว่า ความรู้เหล่านี้เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าคุณทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่เป็น แต่จากทัศนะผมแล้ว ผมรู้สึกว่าความคิดเหล่านี้มันมีค่าและสำคัญมากต่อการมีชีวิตในฐานะ มนุษย์ เลย แม้จะเสียดายไปหน่อยที่ไม่ค่อยได้ไปเรียน เก็บเกี่ยวบรรยากาศ ร่วมกิจกรรม ที่มหาวิทยาลัยมากนัก แต่ก็เป็นปี 1 ที่ประทับตราตรึงในหัวใจเลยครับ