ตอนนี้เราอายุ32 ปี ย้อนกลับไปก่อนชีวิตที่จะขึ้น ม.3 พ่อกับแม่ เรา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ลำบากอะไร ฐานะดี พ่อทำงานเป็นผู้จัดการโรงงาน แม่ทำธุรกิจส่วนตัว มีบ้านมีรถ บ้านหลังใหญ่ ใครๆก็อิจฉา ทางบ้านย่าก้มีฐานะเปิดร้านขายของชำ ขายดีก้อนที่จะมีเซเว่นเข้ามาเปิดตลาดในช่วงนั้น เดี้ยวจะเล่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ให้ฟัง
แต่พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงมา ติดพันมากมาย แม่ของเราจะเลิกรา หลายครั้ง ขนาดพ่อเราทำผญ ท้อง แม่เราไม่ให้เอาเด็กออก แกยังให้พ่อเราไปสมา ผญคนนั้นเลย และก้ส่งเสียเลี้ยงดู มาตลอด (แต่ปัจจุบันนี้ เด็กคนนั้นเสียชีวิตด้วยประสบอุบัติเหตุ )
จุดหักเหในชีวิต ตอนม.3 ขึ้นม.4 พ่อกะแม่เรา หย่าร้างกัน แม่ตัดสินใจเลิกกับพ่ออย่างเด็ดขาด ตอนนั้น แม่ตัดสินใจขายบ้านที่ พ่อกะแม่ช่วยกันผ่อน แม่ไม่อยากรับภาระคนเดียว อยากไปมีชีวิตใหม่ แม่ไปเปิดบริษัทรับซักรีด ส่วนพ่อไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนเราอ่ะเหรอ ลืมบอกไปว่า เรามีน้องชายหนึ่งคน ตอนนั้น น้องอายุแค่ ขวบเดียว แรกๆแม่ตัดสินใจ ให้เราไปอยู่กับย่า และน้องชายไปอยู่กับย่า เหมือนฝากเลี้ยงไว้ เหมือนจะดีไหมเรื่องราว แต่ไม่เป็นแบบนั้น เอาเป็นว่า เราจากคนที่เคยมี กลายเป้นคนไม่มีดีกว่า ง่ายๆ ย่าเราโทษแต่แม่เราว่า ไม่ดีโน้นนี่นั่น ลูกชาย( พ่อเรา) ถึงมีคนอื่น แม่เราบอกว่า คนเราทำมาหากิน เค้าเคยกลับมาบ้านตรงเวลาไหม เคยไหมที่จะมาดูแลจริงๆจังๆ บ้านช่องก้ไม่กลับ อดทนมาแต่ไหน พยายามมองผ่าน ไม่ได้มองความดีที่แม่เราทำให้เลย ย่าเราด้วยความไม่ชอบแม่เราอยู่แร้ว ก้มาพาลลงกับเรา สุดท้ายย่ากับอา เราก้เลย ให้เราไปอยู่กับน้า ลืมบอกไปว่า ตอนไปอยู่ย่าเราไม่เคยขี้เกียจเลย เราทำงานบ้าน ช่วยย่าขายของ ช่วยเลี้ยงน้อง คือ เราเป็นคนไม่ค่อยๆอยู่เฉยๆ ก้ประมานเกรงใจเค้าแระไปอยู่บ้านเค้า ส่วนน้องชายเราย่าเราก้รัก แต่ไม่ได้รักเราไง
เรามาอยู่บ้านน้า ตั้งแต่ ม.4-ม.6 น้าเราก้เหมือนเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เลย ระหว่างนั้นเราก้ไปๆมาๆ ไปเยี่ยมน้องชายเราที่บ้านย่า บ้าง ไป เยี่ยมแม่บ้าง จนเราจะขึ้น มหาลัย แม่เราเลยไป ทำงานที่ตปท ตั้งแต่วันนั้นที่เราไม่มีบ้าน อยู่เราคิดในใจมาตลอดว่า จะทำไงดีให้มีบ้าน มีทุกๆอย่างด้วยมือของเราเอง สร้างเอง ให้แม่สบาย น้องสบาย เราต้องตั้งใจเรียน ต้องทำให้ได้ มองปัญหาคือแรงผลักดัน ไม่เอามาเป็นอุปสรรค ตอนนั้นเราคิด เราร้องไห้ทุกวัน แอบร้องไห้คนเดียว แต่ไม่เคยเอาปมพ่อแม่แยกทาง หรือปห รอบตัว ไปแว้น ไปติดยา หรืออะไร
จนเราเข้ามหาลัย และเรียบจบ เราก้หางานทำในกรุงเทพ ลำบากแค่ไหน ก้ทำ ยอมอดมื้อกินมื้อ จนเราสร้างฐานะได้ เราสร้างบ้าน มีรถ เราให้แม่เราบินกลับมา เราส่งเสียน้องเรียน สร้างอาชีพให้แม่ จนเรามีทุกอย่าง
เรายังส่งเงินให้ย่าเราเลยจนน้องเราจบปวส ก้เลยให้น้องเรามาอยู่ที่บ้าน เพราะมีบ้านแล้ว จนหลังๆย่าอา เริ่มของเงินหนักขึ้น เราคิดจะปรับปรุงร้านให้ แกก้ไม่เอา อ้างนู้นอ้างนี่ กลัวสารพัด ทั้งๆที่เราลงทุนให้ แกไปกู้นอกระบบมา 2 แสน มาบอกเรา เราบอกไปกู้มาทำอะไร ก็ไม่บอก แล้วกู้มาไม่ใช่จะทำอะไรนะ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่ได้เอามาทำร้านหรืออะไร จนหนี้พอกมาเป็น 2 ล้าน แล้วจะมาให้เราใช้หนี้ให้อีก เราบอกที่ผ่านมาเคยลำบากไม่เคยก้มาดูดำดูดี เห็นเราเป็นแค่ผลประโยชน์ ก่อนหน้าจะทำอาชีพให้ลงทุนให้ทำไมไม่ทำ ส่วนพ่อเรานี้ ตัดขาดเลย ไม่รับผิดชอบอะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นลูก เอาจริงๆนะมีแต่คนบอกว่า อย่าไปรับรู้ปัญหาอะไร ทำที่เราช่วยได้ เอาจริงๆพ่อกับแม่ ก้เลิกกันไปตั้งนานแร้ว ไม่มีเหตุผล อะไรที่ต้องมารับภาระเลย ส่วนพ่อที่เป็นลูก อละมีครอบครัวใหม่ ครวที่จะคิดพิจารณา ทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่อะไีก็เรา เจ็บป่วยก้เรา ยามไม่มีเราก้เหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนเรามีทำไมมีแต่คนรัก พอไม่มีก้หมาตัวหนึ่งเหรอ เราก้มีภาระหน้าที่ของเรา ที่ต้องทำ ก้อนหน้านี้พูดแล้วเตือนแร้ว ลืมบอกไป เราเคยให้เงินเค้า พอมีรู้ตอนหลังว่า เค้าเอาเงินไปใช้หนี้หวย เราโคตรเสียใจ เราทำมาหากิน ประหยัดอดออม อดมื้อกินมื้อ แต่คนบ้างคนมีแต่ผลประโยชน์ ไม่เคยถามเราเลยว่า ทำงารเหนื่อยไหม กินข้าว หรือยัง ยิ่งพ่อเรา ไม่เคยโทรมาถามเลย ตอนที่เรียน มหาลัย ไม่เคยโทรมาถาม สารทุกสุกดิบ รับปริญญายังไม่เคยมา มีแต่แม่กับญาติเราทางฝ่ายน้า เราใจดียังทำงานให้ย่าใช้เพราะเราเห็นแก่บุญคุณที่เค้าเลี้ยงน้องเรามา ตอนนี้เราตัดทุกอย่าง ถ้า้ราไม่ทำ ชีวิตเราโคตรไม่มีความสุขเลย อะไรๆก้เรา อะไรๆก้แม่เรา ซึ่งหมดความเป็นสะใภ้ไปนานนนมากแล้ว เราทุกวันนี้เหมือนชดใช้กรรม กรรมอะไรไม่รู้เอาจริงๆนะ ถ้าพ่อเค้ามีความเป๋นผู้นำๆแม่ของเค้า(ย่า) ชีวิตเค้าจะไม่ลำบากเลย เราบอกว่า ย่าอะ หนูให้อาชีพให้ทำ จะได้มีรายได้ก็ไม่เอา แต่อยากได้อะไรฟรีๆอ่ะ ถึงเวลาก้มาขอเงินอย่างเดียว ไม่เคยฟังเหตุผลว่าเราจะมีให้หรือไม่ให้ ส่วนย่าบางทีขอเราไม่ได้ แกก็โทรหาพ่อ แล้วพ่อก้จะบอกว่า ให้แม่(โทรไปหาเรา) เราเหนื่อย เบื่อ กับคำว่าบุญคุณ ทั้งๆที่ไม่ได้มีบุญคุคอะไรขนาดนั้นเลย บ้างทีอยากจะหนีไปอยู่ไกลๆ เราเคยพูดเล่นๆนะ ว่าแม่ ถ้าแม่แต่งงานใหม่เค้าจะไม่มาอะไรกับครอบครัวเราเลย หรือหนูแต่งงานมีครอบครัว เค้าจะไม่มาอะไรกับเราเลย แต่ตอนนี้ยังไม่มีไง เลยพูดและคิดเล่นๆ
เราก้คิดว่า อะไรที่ช่วยได้ก้ช่วย เกินความจำเป็น ความสามารถก้พอ ครเราก้ต้องมีชีวิต ของเราเอง เราข่วยเค้ามามาก มากจนเคยคิดว่า ถ้าเราไม่ช่วยเราจะเป็นคนไม่ดีป่าวว่ะ เราแม้งเลวป่าวว่ะ คือบางทีมันเกินกำลังจริงๆ เหมือนให้คนที่กินข้าวแล้วไม้อิ่ม ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร
บาปมากไหม ถ้าจะเลือกทางเดินแบบนี้
แต่พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงมา ติดพันมากมาย แม่ของเราจะเลิกรา หลายครั้ง ขนาดพ่อเราทำผญ ท้อง แม่เราไม่ให้เอาเด็กออก แกยังให้พ่อเราไปสมา ผญคนนั้นเลย และก้ส่งเสียเลี้ยงดู มาตลอด (แต่ปัจจุบันนี้ เด็กคนนั้นเสียชีวิตด้วยประสบอุบัติเหตุ )
จุดหักเหในชีวิต ตอนม.3 ขึ้นม.4 พ่อกะแม่เรา หย่าร้างกัน แม่ตัดสินใจเลิกกับพ่ออย่างเด็ดขาด ตอนนั้น แม่ตัดสินใจขายบ้านที่ พ่อกะแม่ช่วยกันผ่อน แม่ไม่อยากรับภาระคนเดียว อยากไปมีชีวิตใหม่ แม่ไปเปิดบริษัทรับซักรีด ส่วนพ่อไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนเราอ่ะเหรอ ลืมบอกไปว่า เรามีน้องชายหนึ่งคน ตอนนั้น น้องอายุแค่ ขวบเดียว แรกๆแม่ตัดสินใจ ให้เราไปอยู่กับย่า และน้องชายไปอยู่กับย่า เหมือนฝากเลี้ยงไว้ เหมือนจะดีไหมเรื่องราว แต่ไม่เป็นแบบนั้น เอาเป็นว่า เราจากคนที่เคยมี กลายเป้นคนไม่มีดีกว่า ง่ายๆ ย่าเราโทษแต่แม่เราว่า ไม่ดีโน้นนี่นั่น ลูกชาย( พ่อเรา) ถึงมีคนอื่น แม่เราบอกว่า คนเราทำมาหากิน เค้าเคยกลับมาบ้านตรงเวลาไหม เคยไหมที่จะมาดูแลจริงๆจังๆ บ้านช่องก้ไม่กลับ อดทนมาแต่ไหน พยายามมองผ่าน ไม่ได้มองความดีที่แม่เราทำให้เลย ย่าเราด้วยความไม่ชอบแม่เราอยู่แร้ว ก้มาพาลลงกับเรา สุดท้ายย่ากับอา เราก้เลย ให้เราไปอยู่กับน้า ลืมบอกไปว่า ตอนไปอยู่ย่าเราไม่เคยขี้เกียจเลย เราทำงานบ้าน ช่วยย่าขายของ ช่วยเลี้ยงน้อง คือ เราเป็นคนไม่ค่อยๆอยู่เฉยๆ ก้ประมานเกรงใจเค้าแระไปอยู่บ้านเค้า ส่วนน้องชายเราย่าเราก้รัก แต่ไม่ได้รักเราไง
เรามาอยู่บ้านน้า ตั้งแต่ ม.4-ม.6 น้าเราก้เหมือนเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เลย ระหว่างนั้นเราก้ไปๆมาๆ ไปเยี่ยมน้องชายเราที่บ้านย่า บ้าง ไป เยี่ยมแม่บ้าง จนเราจะขึ้น มหาลัย แม่เราเลยไป ทำงานที่ตปท ตั้งแต่วันนั้นที่เราไม่มีบ้าน อยู่เราคิดในใจมาตลอดว่า จะทำไงดีให้มีบ้าน มีทุกๆอย่างด้วยมือของเราเอง สร้างเอง ให้แม่สบาย น้องสบาย เราต้องตั้งใจเรียน ต้องทำให้ได้ มองปัญหาคือแรงผลักดัน ไม่เอามาเป็นอุปสรรค ตอนนั้นเราคิด เราร้องไห้ทุกวัน แอบร้องไห้คนเดียว แต่ไม่เคยเอาปมพ่อแม่แยกทาง หรือปห รอบตัว ไปแว้น ไปติดยา หรืออะไร
จนเราเข้ามหาลัย และเรียบจบ เราก้หางานทำในกรุงเทพ ลำบากแค่ไหน ก้ทำ ยอมอดมื้อกินมื้อ จนเราสร้างฐานะได้ เราสร้างบ้าน มีรถ เราให้แม่เราบินกลับมา เราส่งเสียน้องเรียน สร้างอาชีพให้แม่ จนเรามีทุกอย่าง
เรายังส่งเงินให้ย่าเราเลยจนน้องเราจบปวส ก้เลยให้น้องเรามาอยู่ที่บ้าน เพราะมีบ้านแล้ว จนหลังๆย่าอา เริ่มของเงินหนักขึ้น เราคิดจะปรับปรุงร้านให้ แกก้ไม่เอา อ้างนู้นอ้างนี่ กลัวสารพัด ทั้งๆที่เราลงทุนให้ แกไปกู้นอกระบบมา 2 แสน มาบอกเรา เราบอกไปกู้มาทำอะไร ก็ไม่บอก แล้วกู้มาไม่ใช่จะทำอะไรนะ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่ได้เอามาทำร้านหรืออะไร จนหนี้พอกมาเป็น 2 ล้าน แล้วจะมาให้เราใช้หนี้ให้อีก เราบอกที่ผ่านมาเคยลำบากไม่เคยก้มาดูดำดูดี เห็นเราเป็นแค่ผลประโยชน์ ก่อนหน้าจะทำอาชีพให้ลงทุนให้ทำไมไม่ทำ ส่วนพ่อเรานี้ ตัดขาดเลย ไม่รับผิดชอบอะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นลูก เอาจริงๆนะมีแต่คนบอกว่า อย่าไปรับรู้ปัญหาอะไร ทำที่เราช่วยได้ เอาจริงๆพ่อกับแม่ ก้เลิกกันไปตั้งนานแร้ว ไม่มีเหตุผล อะไรที่ต้องมารับภาระเลย ส่วนพ่อที่เป็นลูก อละมีครอบครัวใหม่ ครวที่จะคิดพิจารณา ทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่อะไีก็เรา เจ็บป่วยก้เรา ยามไม่มีเราก้เหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนเรามีทำไมมีแต่คนรัก พอไม่มีก้หมาตัวหนึ่งเหรอ เราก้มีภาระหน้าที่ของเรา ที่ต้องทำ ก้อนหน้านี้พูดแล้วเตือนแร้ว ลืมบอกไป เราเคยให้เงินเค้า พอมีรู้ตอนหลังว่า เค้าเอาเงินไปใช้หนี้หวย เราโคตรเสียใจ เราทำมาหากิน ประหยัดอดออม อดมื้อกินมื้อ แต่คนบ้างคนมีแต่ผลประโยชน์ ไม่เคยถามเราเลยว่า ทำงารเหนื่อยไหม กินข้าว หรือยัง ยิ่งพ่อเรา ไม่เคยโทรมาถามเลย ตอนที่เรียน มหาลัย ไม่เคยโทรมาถาม สารทุกสุกดิบ รับปริญญายังไม่เคยมา มีแต่แม่กับญาติเราทางฝ่ายน้า เราใจดียังทำงานให้ย่าใช้เพราะเราเห็นแก่บุญคุณที่เค้าเลี้ยงน้องเรามา ตอนนี้เราตัดทุกอย่าง ถ้า้ราไม่ทำ ชีวิตเราโคตรไม่มีความสุขเลย อะไรๆก้เรา อะไรๆก้แม่เรา ซึ่งหมดความเป็นสะใภ้ไปนานนนมากแล้ว เราทุกวันนี้เหมือนชดใช้กรรม กรรมอะไรไม่รู้เอาจริงๆนะ ถ้าพ่อเค้ามีความเป๋นผู้นำๆแม่ของเค้า(ย่า) ชีวิตเค้าจะไม่ลำบากเลย เราบอกว่า ย่าอะ หนูให้อาชีพให้ทำ จะได้มีรายได้ก็ไม่เอา แต่อยากได้อะไรฟรีๆอ่ะ ถึงเวลาก้มาขอเงินอย่างเดียว ไม่เคยฟังเหตุผลว่าเราจะมีให้หรือไม่ให้ ส่วนย่าบางทีขอเราไม่ได้ แกก็โทรหาพ่อ แล้วพ่อก้จะบอกว่า ให้แม่(โทรไปหาเรา) เราเหนื่อย เบื่อ กับคำว่าบุญคุณ ทั้งๆที่ไม่ได้มีบุญคุคอะไรขนาดนั้นเลย บ้างทีอยากจะหนีไปอยู่ไกลๆ เราเคยพูดเล่นๆนะ ว่าแม่ ถ้าแม่แต่งงานใหม่เค้าจะไม่มาอะไรกับครอบครัวเราเลย หรือหนูแต่งงานมีครอบครัว เค้าจะไม่มาอะไรกับเราเลย แต่ตอนนี้ยังไม่มีไง เลยพูดและคิดเล่นๆ
เราก้คิดว่า อะไรที่ช่วยได้ก้ช่วย เกินความจำเป็น ความสามารถก้พอ ครเราก้ต้องมีชีวิต ของเราเอง เราข่วยเค้ามามาก มากจนเคยคิดว่า ถ้าเราไม่ช่วยเราจะเป็นคนไม่ดีป่าวว่ะ เราแม้งเลวป่าวว่ะ คือบางทีมันเกินกำลังจริงๆ เหมือนให้คนที่กินข้าวแล้วไม้อิ่ม ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร