ซื้อของออนไลน์โดนโกง ต้องทำแบบนี้

หลายคำเตือนว่าจะซื้อของออนไลน์ก็ต้องศึกษาข้อมูลสินค้าให้ดีก่อนซื้อ ตรวจเช็คร้านค้าว่ามี
การจดทะเบียนกับหน่วยงานรัฐหรือเปล่า เครดิตร้านค้าที่จะซื้อเป็นอย่างไร มีความน่าเชื่อถือพอที่จะทำการซื้อสินค้าหรือไม่ แต่หลายครั้งหลายคนก็ยังเจอร้านค้าหรือคนขายที่มีเจตนาที่ไม่สุจริต หลอกโอนเงินหรือหลอกให้จ่ายเงินปลายทางแล้วได้สินค้าที่มีตำหนิบ้าง ของปลอมหรือของไม่ตรงปกมาแทน หนักสุดบางร้านหนีหายไม่ส่งของมาให้ก็มี หากเกินเหตุการณ์แบบนี้แล้วไม่สามารถติดต่อร้านค้าไกล่เกลี่ยกันได้ เราจะต้องดำเนินการอย่างไร ต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้างเพื่อนำไปแจ้งความดำเนินคดี โดยในขั้นแรกให้รวบรวมหน้าโปรไฟล์ของร้านค้า ลิงก์ URL ของเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่โพสต์ที่ประกาศขายสินค้านั้น พร้อมบันทึกการสนทนา หรือข้อความที่คุยรายละเอียดในการซื้อของออนไลน์ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรและเลขบัญชีของร้านค้า หลักฐานการโอนเงิน สลิปโอนเงิน ใบนำฝากที่เราจ่ายค่าสินค้าไป สำเนาบัตรประชาชนและสมุดบัญชีธนาคารของเรา เพื่อแจ้งดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ของเรา

     หลังจากที่เราเข้าแจ้งความแล้ว ให้เรารอตำรวจดำเนินการและรอการติดต่อกลับพนักงานสอบสวนจะส่งเลขบัญชีให้ธนาคารตรวจสอบว่าเจ้าของบัญชีเป็นใคร ตัวจริงไหม มีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชีต่าง ๆ จากนั้นจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำ ถ้ามาแล้วตกลงกันได้ก็จะไกล่เกลี่ยคืนเงินกัน ถ้ามาแล้วตกลงกันไม่ได้ ตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องศาล

     แต่ถ้าหากเราจะดำเนินการเองก็สามารถทำได้ โดยนำใบแจ้งความไปดำเนินการเองที่ธนาคาร วิธีนี้เป็นการช่วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง หรือให้เรื่องที่เราแจ้งความไปดำเนินเรื่องเร็วขึ้น คือการนำใบแจ้งความที่เราขอเจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารมา ไปยื่นที่ชื่อธนาคารที่เราโอนเงินไปให้ ซึ่งจะมีลำดับการเดินเรื่องดังนี้ ไปที่ธนาคารที่เราโอนเงิน จะเป็นสาขาใดก็ได้ ยื่นใบแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ กรอกเอกสารตามเจ้าหน้าที่แนะนำ พร้อมระบุว่าต้องการได้เงินคืน เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและจะแจ้งให้ทราบ หลังจากตรวจสอบแล้ว บัญชีของผู้โกงจะถูกอายัดไว้ ใช้งานไม่ได้ เมื่อผู้โกงทำธุรกรรมการเงินไม่ได้ ก็จะติดต่อมาเพื่อไกล่เกลี่ยคืนเงิน หากผู้โกงไม่ได้ติดต่อมา ก็จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

     ทั้งนี้ ผู้ขายมีความผิดใน "ฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความที่เป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกและแจ้งให้ทราบ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีอายุความ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องกระทำผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด ดังนั้นหากรู้ตัวว่าถูกโกง ให้รีบแจ้งความภายใน 3 เดือน และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ที่เกี่ยวกับการนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทด้วย โดยมีอายุความ 10 ปี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่