ก่อนอื่นผมขอเล่าก่อนว่าผมโตขึ้นมาในครอบครัวชนบทบ้านของผมตั้งอยู่ในรั้วเดียวกัน 3 หลัง คือ บ้านแม่ บ้านน้าคนกลาง และบ้านน้าคนเล็ก บ้านเรา 3 หลังค่อนข้างสนิทกันตามบริบทของคนในชนบท และตอนนี้ผมอายุ 33 ปี เป็นหลานคนโตสุด ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งก็มีภาระค่าใช้จ่ายพอสมควร เนื่องจากผมก็ยังต้องเช่าห้องพักอยู่ และเมื่อสองปีที่แล้วผมเห็นว่าบ้านของพ่อและแม่เก่าและโทรมจึงตัดสินใจกู้เงินสร้างบ้านให้แม่หลังหนึ่งในที่ดินเดิมในราคาล้านต้นๆ และก็วางแผนที่จะผ่อนให้หมดภายใน 7 ปี โดยผ่อนเดือนละ 15,000 บาท เพราะผมเองก็ยังไม่มีครอบครัวก็วางแผนไว้ว่าอยากผ่อนบ้านพ่อแม่ให้หมดไวๆ จะได้ซื้อบ้านของตัวเองใกล้ที่ทำงานสักหลัง และก็รถยนต์ที่ผมใช้ก็เริ่มเก่าแล้วเนื่องจากมีอายุการใช้งาน 10 ปี ช่วงนี้ก็พยายามเก็บเงินส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ในอนาคต แต่ก็เก็บได้ไม่เยอะ ก็แค่หลักพัน เนื่องจากก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าหอ ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าหนี้ กยศ และค่าใช้จ่ายของใช้ส่วนตัว หรือบางเดือนอาจจะไม่มีเก็บเลยเนื่องจากบางเดือนต้องจ่ายค่ารถเข้าศูนย์ ประกันรถ ค่าเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าสามีของน้าคนเล็กมาเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว น้าทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาทนิดๆ และก็มีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ถ้าคำนวณจากรายได้ของสามีน้าก็คือเท่ากับ 7 ปีที่สามีน้าจะหาได้ถ้ามีชีวิตอยู่ ด้วยความที่น้ามีลูกชาย 2 คน กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมต้องส่งเสียจึงเริ่มไม่มั่นใจว่าเงินในอนาคตจะพอใช้จ่ายหรือไม่ จึงเปิดปากขอความช่วยเหลือมาทางผม ว่าขอค่าช่วยเหลือหลานรายเดือน เดือนละ 1 พันบาทได้หรือไม่ แต่ผมเองก็ยังไม่ตอบตกลง และขอไปคิดดูก่อน
ผมจึงรู้สึกหนักใจครับ และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารหลาน ผมรู้ว่าเงิน 1 พันบาทต่อเดือนมันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น แต่มันก็กลายเป็น fixed cost อีกตัวหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็มีภาระตามที่กล่าวไว้ข้างต้นมากพอสมควร ผมอาจจะอายุ 33 โตพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่การที่ไม่มีเพื่อนคู่คิดบางทีก็อาจจะตัดสินใจไวไป อยากทราบว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ครับ
ญาติขอความช่วยเหลือค่าเลี้ยงหลานเป็นรายเดือนควรให้หรือไม่
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าสามีของน้าคนเล็กมาเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว น้าทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาทนิดๆ และก็มีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ถ้าคำนวณจากรายได้ของสามีน้าก็คือเท่ากับ 7 ปีที่สามีน้าจะหาได้ถ้ามีชีวิตอยู่ ด้วยความที่น้ามีลูกชาย 2 คน กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมต้องส่งเสียจึงเริ่มไม่มั่นใจว่าเงินในอนาคตจะพอใช้จ่ายหรือไม่ จึงเปิดปากขอความช่วยเหลือมาทางผม ว่าขอค่าช่วยเหลือหลานรายเดือน เดือนละ 1 พันบาทได้หรือไม่ แต่ผมเองก็ยังไม่ตอบตกลง และขอไปคิดดูก่อน
ผมจึงรู้สึกหนักใจครับ และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารหลาน ผมรู้ว่าเงิน 1 พันบาทต่อเดือนมันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น แต่มันก็กลายเป็น fixed cost อีกตัวหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็มีภาระตามที่กล่าวไว้ข้างต้นมากพอสมควร ผมอาจจะอายุ 33 โตพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่การที่ไม่มีเพื่อนคู่คิดบางทีก็อาจจะตัดสินใจไวไป อยากทราบว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ครับ