เดือนธันวาคม 2522 หมู่บ้านแม้วขุนน้ำคำซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ว่างของเขาสองลูก ลมหนาวของภาคเหนือช่วงนั้นเย็นยะเยือก บ้านแต่ละหลังจึงค่อนข้างปลูกใกล้ชิดกันชนิดหลังคาต่อหลังคา เพื่อสู้ความหนาว เลยออกไปก็มีเพียงทิวเขาซับซ้อนสลับกันไปลดหลั่นสุดสายตามองเห็นได้สลัว ๆ
ในคืนนั้นเวลาใกล้รุ่ง บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ชายหมู่บ้านได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวชื่อ”เล่าเต๋อ”ได้สิ้นใจลง แต่ก่อนจากไปได้สั่งเสียกับลูกเมียด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด คือให้นำศพของตนไปฝั่งทันทีก่อนสว่าง และอย่าได้ทำพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมันผิดไปจากประเพณีของชาวแม้วซึ่งถ้ามีคนตาย จะต้องบอกกล่าวเพื่อนบ้านใกล้เคียงมาร่วมไว้อาลัยและช่วยกันทำพิธีศพ
ในความมืดรอบด้านมีเพียงตะเกียงกระป๋องสว่างวอมแวม ภายในบ้านมีเพียงภรรยากับลูกของผู้ตายเท่านั้น ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้สิ้นใจมาร่วม 2 ชั่วโมง ร่างกายแน่นิ่งปราศจากลมหายใจ ตัวเย็นชืด แม่กับลูกชายวัยหนุ่มไม่ได้ร่ำไห้จากการสูญเสีย เวลานี้ได้แต่มองหน้ากันจะทำอย่างไรต่อไปดี จะปฏิบัติตามคำสั่งเสีย หรือจะบอกกล่าวเพื่อนบ้านให้มาร่วมไว้อาลัยกับดำเนินการทำพิธีศพไปตามประเพณีของแม้ว
ไม่นานจึงได้ตัดสินใจทำตามคำสั่งเสียของผู้ตาย แม่กับลูกช่วยกันห่อศพอย่างรีบเร่ง เพื่อเอาออกไปโดยเร็วที่สุดด้วยเกรงจะมีใครรู้เห็นเข้าเสียก่อน เพราะนั่นคือการกระทำผิดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวแม้ว ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนมาแล้ว ทั้งสองคนช่วยกันนำศพใส่ไม้คานหามเดินมาได้ 3 ม่อนดอยมุ่งหน้าไปยังที่ฝังตามคำสั่งเสีย
ป่าบริเวณนั้นโปร่งโล่ง เป็นดอยโล้น หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทั้งสองก็พยายามหามศพนั้นมุ่งหน้าต่อไป แล้วหายลับไปทางส่วนลาดของดอย ซึ่งไม่มีใครรู้เห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
“โอย.. แม่จะไม่ไหวแล้ว ขอแม่พักก่อน”
“อย่าพึ่งพักนะแม่ เราจะต้องเอาศพไปฝังให้ทันก่อนสว่าง”
ลูกชายชี้ไปที่ม่อนดอยข้างหน้า จุดหมายจะนำศพไปฝัง
“ตอนนี้มันไม่มีชาวบ้านตื่นมารู้เห็นหรอก”
“ข้าไม่เกรงชาวบ้านมาเห็น ข้าเกรงพวก ตชด. มาพบเข้า เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะแม่”
“แม่เข้าใจแล้ว แต่เดินให้ช้าหน่อย กระดูกกระเดี้ยวแม่จะไม่ไหว..”
นักล่าสมิงเเม้ว
ในคืนนั้นเวลาใกล้รุ่ง บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ชายหมู่บ้านได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวชื่อ”เล่าเต๋อ”ได้สิ้นใจลง แต่ก่อนจากไปได้สั่งเสียกับลูกเมียด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด คือให้นำศพของตนไปฝั่งทันทีก่อนสว่าง และอย่าได้ทำพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมันผิดไปจากประเพณีของชาวแม้วซึ่งถ้ามีคนตาย จะต้องบอกกล่าวเพื่อนบ้านใกล้เคียงมาร่วมไว้อาลัยและช่วยกันทำพิธีศพ
ในความมืดรอบด้านมีเพียงตะเกียงกระป๋องสว่างวอมแวม ภายในบ้านมีเพียงภรรยากับลูกของผู้ตายเท่านั้น ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้สิ้นใจมาร่วม 2 ชั่วโมง ร่างกายแน่นิ่งปราศจากลมหายใจ ตัวเย็นชืด แม่กับลูกชายวัยหนุ่มไม่ได้ร่ำไห้จากการสูญเสีย เวลานี้ได้แต่มองหน้ากันจะทำอย่างไรต่อไปดี จะปฏิบัติตามคำสั่งเสีย หรือจะบอกกล่าวเพื่อนบ้านให้มาร่วมไว้อาลัยกับดำเนินการทำพิธีศพไปตามประเพณีของแม้ว
ไม่นานจึงได้ตัดสินใจทำตามคำสั่งเสียของผู้ตาย แม่กับลูกช่วยกันห่อศพอย่างรีบเร่ง เพื่อเอาออกไปโดยเร็วที่สุดด้วยเกรงจะมีใครรู้เห็นเข้าเสียก่อน เพราะนั่นคือการกระทำผิดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวแม้ว ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนมาแล้ว ทั้งสองคนช่วยกันนำศพใส่ไม้คานหามเดินมาได้ 3 ม่อนดอยมุ่งหน้าไปยังที่ฝังตามคำสั่งเสีย
ป่าบริเวณนั้นโปร่งโล่ง เป็นดอยโล้น หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทั้งสองก็พยายามหามศพนั้นมุ่งหน้าต่อไป แล้วหายลับไปทางส่วนลาดของดอย ซึ่งไม่มีใครรู้เห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
“โอย.. แม่จะไม่ไหวแล้ว ขอแม่พักก่อน”
“อย่าพึ่งพักนะแม่ เราจะต้องเอาศพไปฝังให้ทันก่อนสว่าง”
ลูกชายชี้ไปที่ม่อนดอยข้างหน้า จุดหมายจะนำศพไปฝัง
“ตอนนี้มันไม่มีชาวบ้านตื่นมารู้เห็นหรอก”
“ข้าไม่เกรงชาวบ้านมาเห็น ข้าเกรงพวก ตชด. มาพบเข้า เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะแม่”
“แม่เข้าใจแล้ว แต่เดินให้ช้าหน่อย กระดูกกระเดี้ยวแม่จะไม่ไหว..”