ปรารถนา
ณ ปราสาทราชวังในดินแดนที่สงบและอุดมสมบูรณ์ มีเจ้าชายพระองค์หนึ่งนามว่า ปีเตอร์ พระองค์มีรูปโฉมที่งดงามและมีรูปร่างสง่างาม ปีนี้พระชนมพรรษาครบ 18 พรรษาแล้ว ทรงมีพระราชดำริเป็นของพระองค์เองมากขึ้น เจ้าชายทรงพระราชปรารถนาที่จะเรียนรู้ชีวิตภายนอกพระราชวัง วันหนึ่งพระองค์จึงวางแผนหนีออกจากที่ประทับ และสามารถทำได้สมพระทัย
เจ้าชายในชุดชาวบ้าน ปลอมตัวโดยติดหนวดเคราและใส่วิกจนผมเผ้ารกรุงรัง มีเงินติดตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ได้เดินร่อนเร่เข้าไปในเมือง เขาใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดในการซื้อของกิน และนอนตามข้างทาง ผ่านไปไม่กี่วัน ในที่สุด เงินที่ติดตัวมาก็หมดลง ไม่มีอาหารตกถึงท้องของเขาเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกหิวมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
ปีเตอร์เดินอย่างอิดโรยผ่านร้านอาหาร เขาคุ้ยหาของกินในถังขยะและกินจนอิ่ม แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกปวดท้องอย่างมาก เขามีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาสูญเสียน้ำมากเพราะถ่ายไม่หยุด แล้วเขาก็สลบไป
เจ้าชายในสภาพซูบผอมลืมตาขึ้น เขากำลังนอนอยู่ในบ้านสภาพเก่าหลังเล็ก ๆ ของตายายคู่หนึ่ง
“ตื่นแล้วหรือไอ้หนุ่ม เองนอนหลับไปสามวันสามคืนเลยน่ะ” ตาสีทักขึ้น
“ผมหิวน้ำครับ” เจ้าชายร้องขอน้ำกับชายตรงหน้าที่มีท่าทางใจดี
“ไปไงมาไง ถึงได้มาขรี้แตรกอยู่แถวนี้ล่ะ” ชายชราเริ่มซักถาม หลังจากส่งน้ำให้กับชายหนุ่ม
“ผมจำไม่ได้เลยครับว่ามาจากไหน” ปีเตอร์แกล้งความจำเสื่อมเพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะโกหกอะไรอย่างอื่นดี
“แล้วจะไปไหนต่อล่ะ”
“ผมยังไม่รู้เลยครับ”
“อ้าวโว้ย...งั้นกินอยู่ที่นี่เลยมั้ยล่ะ แต่ว่าต้องทำงานแลกนะ”
“ตกลงครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ทันใดนั้นเอง หญิงชราก็กลับเข้ามา
“อ้าวพ่อหนุ่มตื่นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง มา มาทานอาหารกัน ฉันเพิ่งทำเสร็จพอดี” ยายสาภรรยาของตาสียกถาดอาหารเข้ามาในห้อง ทั้งสามทานอาหารกันไปคุยกันไป เจ้าชายรู้สึกตนเองโชคดีมากที่มีสองตายายมาช่วยชีวิตของเขาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว
เจ้าชายนอนพักฟื้นร่างกายไม่กี่วัน ก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม เขาช่วยตายายทำงานไร่สวนและเลี้ยงสัตว์ด้วยความขยันขันแข็ง
วันหนึ่งขณะที่เขากำลังผ่าฟืน เขาได้ยินเสียงไก่ร้องอย่างตกใจ
“กะต๊าก ๆ ๆ ๆ” เขารีบวิ่งไปที่เล้าไก่ ในมือกำขวานไว้แน่น
เสือโคร่งตัวใหญ่กำลังไล่ตะปบไก่อยู่ เมื่อเขาไปถึงและตะโกนไล่ เสือจึงมองมาทางเขา
เจ้าชายปีเตอร์ เคยฝึกการรบครั้นเมื่ออยู่ในวัง จึงมีทักษะการต่อสู้ ได้ปาขวานใส่เสือโดยเล็งไปที่ลำตัว
ขวานได้ปักไปที่ด้านข้างลำตัวของเสือ มันจึงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แล้วรีบวิ่งหนีไป
ตาสีกับยายสาที่แอบดูอยู่ เมื่อเห็นว่าเสือไปแล้ว จึงค่อย ๆ ออกมาแล้วกล่าวขอบคุณที่เจ้าชายได้ไล่เสือและช่วยไก่ของพวกเขาไว้
เจ้าชายอาศัยอยู่กับตายายได้หนึ่งปี ก็รู้สึกคิดถึงพระราชาและพระราชินี จึงได้บอกกับตายายว่าตนเองนึกได้แล้วว่าบ้านอยู่ที่ไหน จะขอตัวกลับ แต่ทันใดนั้นเองขบวนรถม้าก็มาจอดที่หน้าบ้าน
“ข้าพระพุทธเจ้ามารับเสด็จพระเจ้าค่ะ” ทหารม้าเอ่ย
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่” เจ้าชายปีเตอร์แปลกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“กลับไปเถอะเพคะ หม่อมฉันหมดหน้าที่แล้วตอนนี้” ยายสากล่าวกับเจ้าชาย
เจ้าชายยิ่งงงไปใหญ่กับคำพูดของยายสา แต่ก็เสด็จกลับไปพร้อมขบวนรถม้า
หลังจากเจ้าชายไปแล้ว ยายสาก็แปลงร่างกลับเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวดังเดิม ตาสีก็กลายร่างเป็นตุ๊กแกตามเดิม บ้านสภาพเก่าหลังเล็ก ๆ นี้ก็กลายเป็นกะลามะพร้าวเหมือนเดิม
-จบค่ะ-
*** ถ้าใช้คำราชาศัพท์ผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ^^ ***
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...ปรารถนา
เจ้าชายในชุดชาวบ้าน ปลอมตัวโดยติดหนวดเคราและใส่วิกจนผมเผ้ารกรุงรัง มีเงินติดตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ได้เดินร่อนเร่เข้าไปในเมือง เขาใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดในการซื้อของกิน และนอนตามข้างทาง ผ่านไปไม่กี่วัน ในที่สุด เงินที่ติดตัวมาก็หมดลง ไม่มีอาหารตกถึงท้องของเขาเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกหิวมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
ปีเตอร์เดินอย่างอิดโรยผ่านร้านอาหาร เขาคุ้ยหาของกินในถังขยะและกินจนอิ่ม แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกปวดท้องอย่างมาก เขามีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาสูญเสียน้ำมากเพราะถ่ายไม่หยุด แล้วเขาก็สลบไป
เจ้าชายในสภาพซูบผอมลืมตาขึ้น เขากำลังนอนอยู่ในบ้านสภาพเก่าหลังเล็ก ๆ ของตายายคู่หนึ่ง
“ตื่นแล้วหรือไอ้หนุ่ม เองนอนหลับไปสามวันสามคืนเลยน่ะ” ตาสีทักขึ้น
“ผมหิวน้ำครับ” เจ้าชายร้องขอน้ำกับชายตรงหน้าที่มีท่าทางใจดี
“ไปไงมาไง ถึงได้มาขรี้แตรกอยู่แถวนี้ล่ะ” ชายชราเริ่มซักถาม หลังจากส่งน้ำให้กับชายหนุ่ม
“ผมจำไม่ได้เลยครับว่ามาจากไหน” ปีเตอร์แกล้งความจำเสื่อมเพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะโกหกอะไรอย่างอื่นดี
“แล้วจะไปไหนต่อล่ะ”
“ผมยังไม่รู้เลยครับ”
“อ้าวโว้ย...งั้นกินอยู่ที่นี่เลยมั้ยล่ะ แต่ว่าต้องทำงานแลกนะ”
“ตกลงครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ทันใดนั้นเอง หญิงชราก็กลับเข้ามา
“อ้าวพ่อหนุ่มตื่นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง มา มาทานอาหารกัน ฉันเพิ่งทำเสร็จพอดี” ยายสาภรรยาของตาสียกถาดอาหารเข้ามาในห้อง ทั้งสามทานอาหารกันไปคุยกันไป เจ้าชายรู้สึกตนเองโชคดีมากที่มีสองตายายมาช่วยชีวิตของเขาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว
เจ้าชายนอนพักฟื้นร่างกายไม่กี่วัน ก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม เขาช่วยตายายทำงานไร่สวนและเลี้ยงสัตว์ด้วยความขยันขันแข็ง
วันหนึ่งขณะที่เขากำลังผ่าฟืน เขาได้ยินเสียงไก่ร้องอย่างตกใจ
“กะต๊าก ๆ ๆ ๆ” เขารีบวิ่งไปที่เล้าไก่ ในมือกำขวานไว้แน่น
เสือโคร่งตัวใหญ่กำลังไล่ตะปบไก่อยู่ เมื่อเขาไปถึงและตะโกนไล่ เสือจึงมองมาทางเขา
เจ้าชายปีเตอร์ เคยฝึกการรบครั้นเมื่ออยู่ในวัง จึงมีทักษะการต่อสู้ ได้ปาขวานใส่เสือโดยเล็งไปที่ลำตัว
ขวานได้ปักไปที่ด้านข้างลำตัวของเสือ มันจึงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แล้วรีบวิ่งหนีไป
ตาสีกับยายสาที่แอบดูอยู่ เมื่อเห็นว่าเสือไปแล้ว จึงค่อย ๆ ออกมาแล้วกล่าวขอบคุณที่เจ้าชายได้ไล่เสือและช่วยไก่ของพวกเขาไว้
เจ้าชายอาศัยอยู่กับตายายได้หนึ่งปี ก็รู้สึกคิดถึงพระราชาและพระราชินี จึงได้บอกกับตายายว่าตนเองนึกได้แล้วว่าบ้านอยู่ที่ไหน จะขอตัวกลับ แต่ทันใดนั้นเองขบวนรถม้าก็มาจอดที่หน้าบ้าน
“ข้าพระพุทธเจ้ามารับเสด็จพระเจ้าค่ะ” ทหารม้าเอ่ย
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่” เจ้าชายปีเตอร์แปลกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“กลับไปเถอะเพคะ หม่อมฉันหมดหน้าที่แล้วตอนนี้” ยายสากล่าวกับเจ้าชาย
เจ้าชายยิ่งงงไปใหญ่กับคำพูดของยายสา แต่ก็เสด็จกลับไปพร้อมขบวนรถม้า
หลังจากเจ้าชายไปแล้ว ยายสาก็แปลงร่างกลับเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวดังเดิม ตาสีก็กลายร่างเป็นตุ๊กแกตามเดิม บ้านสภาพเก่าหลังเล็ก ๆ นี้ก็กลายเป็นกะลามะพร้าวเหมือนเดิม