คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก.คมนาคม เดินหน้าโครงการ "แลนด์บริดจ์" สู่ศูนย์กลางโครงข่ายภูมิภาค คาดเปิดใช้งานปี 73
กระทรวงคมนาคม เร่งขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นการพัฒนาท่าเรือเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน พร้อมกับการบูรณาการการขนส่งทางท่อ ทางบก (มอเตอร์เวย์) และทางราง (รถไฟทางคู่) เชื่อมต่อเป็นโครงข่าย ด้วยการสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 แห่งที่ จ.ระนอง และชุมพร
โดยท่าเรือน้ำลึกชุมพร (ฝั่งอ่าวไทย) จะทำหน้าที่รองรับการขนส่งสินค้าทางเรือที่เข้ามาจากประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออก
ส่วนท่าเรือน้ำลึกระนอง (ฝั่งอันดามัน) จะเป็นประตูการค้าฝั่งอันดามันของประเทศเพื่อเชื่อมโยงไปยังท่าเรือกลุ่มประเทศ BIMSTEC เช่น เมียนมา อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ หรือประเทศอื่น ๆ
ปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ดำเนินการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน ควบคู่ไปกับการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอย่างรอบด้าน ให้แล้วเสร็จภายในปี 66 ก่อนเริ่มเข้าสู่การพัฒนาโครงการและเปิดใช้งานในปี 73
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/345414467621291

ภูมิสถาปนิกไทย “โครงการอุทยานจุฬา 100 ปี” คว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลก Dubai International Award for Best Practices จาก 150 ประเทศ ในงาน Expo 2020 Dubai
กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งข่าวดี ภูมิสถาปนิกไทย กชกร วรอาคม และทีมผู้ออกแบบโครงการอุทยานจุฬา 100 ปี ผลงานของบริษัท LANDPROCESS คว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลก 12th Dubai International Award for Best Practices ในงาน World Government Summit และ Expo 2020 Dubai ซึ่งงานนี้รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จัดขึ้นร่วมกับ UN Habitat เพื่อคัดเลือกนวัตกรรมโครงการจากทั่วโลกในการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองด้วยพื้นที่สาธารณะที่ยั่งยืนต่อโลก โดยมีโครงการเข้าร่วมทั้งหมด 2,950 โครงการ จาก 150 ประเทศ
โครงการอุทยานจุฬา 100 ปี แม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ ในกรุงเทพฯ แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวความคิดการพัฒนาเมืองด้วยพื้นที่สาธารณะสีเขียว ที่ถูกนำเสนอแนวคิดการออกแบบและวิสัยทัศน์ของโครงการสู่สายตาชาวโลก ทั้งภายในงานที่ดูไบและผ่านการถ่ายทอดสดไปยังประเทศต่างๆ
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/395153832614672

ส่งออกหมากไทยไปขายอินเดีย! นักธุรกิจอินเดียเตรียมเซ็นสัญญารับซื้อหมากกับศูนย์ฯ แม่ขรีพัทลุงแบบไม่อั้น เปิดโอกาสเพิ่มมูลค่าส่งออกหมากไทย
กระทรวงพาณิชย์ รายงานนักธุรกิจอินเดียเตรียมเซ็นสัญญารับซื้อหมากกับศูนย์รับซื้อขายหมากแม่ขรี จังหวัดพัทลุง ในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยไม่จำกัดปริมาณเพื่อนำไปแปรรูปจำหน่ายในประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าในเดือนพฤษภาคม 2556 5 จะเริ่มทำการรับซื้อขายหมากได้
ศูนย์รับซื้อขายหมากแม่ขรี จังหวัดพัทลุงนี้ เป็นแหล่งรับซื้อหมากแหล่งใหญ่อย่างครบวงจร โดยรับซื้อทั้งหมากสุก หมากอ่อนได้ไม่จำกัดจำนวนจากแหล่งปลูกหมากทั่วภาคใต้ เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น อีกทั้งที่ตั้งของศูนย์ฯ สามารถส่งออกผ่านท่าเรือน้ำลึกสงขลา โดยไม่ต้องผ่านประเทศเมียนมาและเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการได้มาก
ปัจจุบันตลาดส่งออกหมากของไทยอันดับ 1 คือ เมียนมา ซึ่งในปี 2563 ไทยส่งออกหมากไปเมียนมามีมูลค่า กว่า 1,714 ล้านบาท และในปี 2564 มูลค่าส่งสูงถึง 4,432 ล้านบาท ตลาดรองลงมา คือ เวียดนาม มีมูลค่าส่งออกในปี 2564 อยู่ที่ 286 ล้านบาท ส่วนอินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 4 โดยในปี 2564 มีมูลค่าส่งออกประมาณ 53 ล้านบาท ซึ่งการเซ็นสัญญารับซื้อหมากในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรผู้ปลูกหมากแล้ว ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกหมายไทยไปอินเดียให้สูงขึ้นอีกด้วย
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/395131489283573

“พาณิชย์” เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต 2564/65 งวดที่ 25 ชดเชยเหลือ 3 ชนิด เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิสิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาทะลุเพดานประกัน เผย “ข้าวเปลือกเหนียว” ได้รับชดเชยสูงสุด ตามด้วย “ข้าวเปลือกข้าว”
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า วันที่ 2 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 25 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 25-31 มี.ค.2565 จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว โดยการจ่ายส่วนต่างน้อยลง เพราะราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ก็ไม่ต้องจ่ายชดเชย เนื่องจากราคาสูงกว่าราคาเป้าหมายประกันรายได้
อ่านเพิ่มเติมคลิก>>>https://www.commercenewsagency.com/news/4951
https://web.facebook.com/commercenewsagency/posts/5520227171340707

เตือน ! นายจ้างเร่งพาแรงงานต่างด้าวออกเอกสารรับรองบุคคล ฉบับใหม่ก่อน 1 ส.ค. 65
นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบาดต่อเนื่องกว่า 2 ปี และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยที่ถือพาสปอร์ตได้ทยอยหมดอายุลง รวมถึงกรณีแรงงานต่างด้าวถือเอกสารรับรองสถานะทางบุคคล (CI) หมดอายุ ทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย มีโอกาสที่จะกลายเป็นแรงงานที่มีสถานะผิดกฎหมาย
กระทรวงแรงงานได้แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน และบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ประเทศต้นทางแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะเมียนมาได้เข้ามาดำเนินการจัดทำหนังสือเดินทาง (Passport: PP) ฉบับใหม่ และเอกสารรับรองบุคคล (CI) โดยเปิดศูนย์ให้บริการจำนวน 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ระนอง สมุทรปราการ และสมุทรสาคร จึงขอให้นายจ้างผู้ประกอบการพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการขอพาสปอร์ต และเอกสารรับรองบุคคลฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เพื่อขออยู่ทำงานต่อไปจนถึง 13 กุมภาพันธุ์ 2566 โดยขั้นตอนแรกสามารถจองคิวได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส จากนั้นไปดำเนินการที่ศูนย์ในจังหวัดที่ได้จองคิวไว้ตามวันเวลาที่กำหนด ซึ่งภายในศูนย์จะให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว One Stop Service ทั้งการออกเอกสารรับรองบุคคลเล่มใหม่ การต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และการตรวจลงตราวีซ่า
หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.169
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/340168768145467

กรมเจ้าท่า เตรียมความพร้อม ให้บริการโดยสารทางน้ำ ช่วง สงกรานต์ ระดมเจ้าหน้าที่ดูแลกว่า 900 คน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ในการโดยสารทางน้ำของประชาชน รองรับเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางเป็นจำนวนมาก
กรมเจ้าท่า ได้ เตรียมความพร้อมบุคลากร ทั้งเจ้าหน้าที่ และมาตราการการดูแลท่าเทียบเรือในทุกพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับประชาชนที่ใช้บริการสัญจรทางน้ำ พร้อมขอความร่วมมือ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ขอให้ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ ทั้งในเรื่องของการขึ้นลงเรือโดยสาร ต้องมีการสวมใส่เสื้อชูชีพ และหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาการเดินทาง เพื่อลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์
นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางน้ำ จุดอำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบเรือแบ่งเป็น ส่วนกลาง จำนวน 2 จุด ได้แก่ ท่าเรือท่าช้างและท่าเรือสาทร ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ที่มีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในส่วนของภูมิภาค จัดตั้งศูนย์ทั้งสิ้น 73 จุด มีเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกถึง 937 คน พร้อมทั้งมีการจัดเรือรักษาการณ์ จำนวน 57 ลำ ในการดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ โดยมีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน ต่างๆไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เครือข่ายอาสาวารี เป็นต้น
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/340069404822070

ย้ำ! สิทธิบัตรทอง เข้ารักษาในหน่วยปฐมภูมิ ได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ต้องมีใบส่งตัว เช็กหน่วยบริการได้ที่ ไลน์ สปสช. @nhso
ปัจจุบัน ประชาชนสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการ จากหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ และหน่วยบริการปฐมภูมิ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว และไม่มีการเรียกเก็บเงินจากประชาชน ซึ่ง “หน่วยบริการปฐมภูมิ” ได้แก่ สถานีอนามัย รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รพ.ประจำอำเภอ รพ.ประจำจังหวัด ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข และคลินิกชุมชนอบอุ่น
ส่วน รพ. ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ และ รพ.เฉพาะทาง เป็นหน่วยบริการขั้นตติยภูมิ ยังต้องใช้ใบส่งตัว เมื่อไม่มีใบส่งตัวจึงถูกคิดค่าบริการ หากไม่แน่ใจว่าสถานพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษา มีหน่วยปฐมภูมิและอยู่ในกลุ่มที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวแล้วหรือไม่ สอบถามก่อนเข้ารับบริการได้ที่ สายด่วน สปสช. กด 0 หรือ ไลน์ สปสช. @nhso
อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/53139
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/344047161091355

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก.คมนาคม เดินหน้าโครงการ "แลนด์บริดจ์" สู่ศูนย์กลางโครงข่ายภูมิภาค คาดเปิดใช้งานปี 73
กระทรวงคมนาคม เร่งขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นการพัฒนาท่าเรือเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน พร้อมกับการบูรณาการการขนส่งทางท่อ ทางบก (มอเตอร์เวย์) และทางราง (รถไฟทางคู่) เชื่อมต่อเป็นโครงข่าย ด้วยการสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 แห่งที่ จ.ระนอง และชุมพร
โดยท่าเรือน้ำลึกชุมพร (ฝั่งอ่าวไทย) จะทำหน้าที่รองรับการขนส่งสินค้าทางเรือที่เข้ามาจากประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออก
ส่วนท่าเรือน้ำลึกระนอง (ฝั่งอันดามัน) จะเป็นประตูการค้าฝั่งอันดามันของประเทศเพื่อเชื่อมโยงไปยังท่าเรือกลุ่มประเทศ BIMSTEC เช่น เมียนมา อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ หรือประเทศอื่น ๆ
ปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ดำเนินการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน ควบคู่ไปกับการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอย่างรอบด้าน ให้แล้วเสร็จภายในปี 66 ก่อนเริ่มเข้าสู่การพัฒนาโครงการและเปิดใช้งานในปี 73
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/345414467621291

ภูมิสถาปนิกไทย “โครงการอุทยานจุฬา 100 ปี” คว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลก Dubai International Award for Best Practices จาก 150 ประเทศ ในงาน Expo 2020 Dubai
กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งข่าวดี ภูมิสถาปนิกไทย กชกร วรอาคม และทีมผู้ออกแบบโครงการอุทยานจุฬา 100 ปี ผลงานของบริษัท LANDPROCESS คว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลก 12th Dubai International Award for Best Practices ในงาน World Government Summit และ Expo 2020 Dubai ซึ่งงานนี้รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จัดขึ้นร่วมกับ UN Habitat เพื่อคัดเลือกนวัตกรรมโครงการจากทั่วโลกในการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองด้วยพื้นที่สาธารณะที่ยั่งยืนต่อโลก โดยมีโครงการเข้าร่วมทั้งหมด 2,950 โครงการ จาก 150 ประเทศ
โครงการอุทยานจุฬา 100 ปี แม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ ในกรุงเทพฯ แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวความคิดการพัฒนาเมืองด้วยพื้นที่สาธารณะสีเขียว ที่ถูกนำเสนอแนวคิดการออกแบบและวิสัยทัศน์ของโครงการสู่สายตาชาวโลก ทั้งภายในงานที่ดูไบและผ่านการถ่ายทอดสดไปยังประเทศต่างๆ
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/395153832614672

ส่งออกหมากไทยไปขายอินเดีย! นักธุรกิจอินเดียเตรียมเซ็นสัญญารับซื้อหมากกับศูนย์ฯ แม่ขรีพัทลุงแบบไม่อั้น เปิดโอกาสเพิ่มมูลค่าส่งออกหมากไทย
กระทรวงพาณิชย์ รายงานนักธุรกิจอินเดียเตรียมเซ็นสัญญารับซื้อหมากกับศูนย์รับซื้อขายหมากแม่ขรี จังหวัดพัทลุง ในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยไม่จำกัดปริมาณเพื่อนำไปแปรรูปจำหน่ายในประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าในเดือนพฤษภาคม 2556 5 จะเริ่มทำการรับซื้อขายหมากได้
ศูนย์รับซื้อขายหมากแม่ขรี จังหวัดพัทลุงนี้ เป็นแหล่งรับซื้อหมากแหล่งใหญ่อย่างครบวงจร โดยรับซื้อทั้งหมากสุก หมากอ่อนได้ไม่จำกัดจำนวนจากแหล่งปลูกหมากทั่วภาคใต้ เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น อีกทั้งที่ตั้งของศูนย์ฯ สามารถส่งออกผ่านท่าเรือน้ำลึกสงขลา โดยไม่ต้องผ่านประเทศเมียนมาและเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการได้มาก
ปัจจุบันตลาดส่งออกหมากของไทยอันดับ 1 คือ เมียนมา ซึ่งในปี 2563 ไทยส่งออกหมากไปเมียนมามีมูลค่า กว่า 1,714 ล้านบาท และในปี 2564 มูลค่าส่งสูงถึง 4,432 ล้านบาท ตลาดรองลงมา คือ เวียดนาม มีมูลค่าส่งออกในปี 2564 อยู่ที่ 286 ล้านบาท ส่วนอินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 4 โดยในปี 2564 มีมูลค่าส่งออกประมาณ 53 ล้านบาท ซึ่งการเซ็นสัญญารับซื้อหมากในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรผู้ปลูกหมากแล้ว ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกหมายไทยไปอินเดียให้สูงขึ้นอีกด้วย
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/395131489283573

“พาณิชย์” เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต 2564/65 งวดที่ 25 ชดเชยเหลือ 3 ชนิด เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิสิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาทะลุเพดานประกัน เผย “ข้าวเปลือกเหนียว” ได้รับชดเชยสูงสุด ตามด้วย “ข้าวเปลือกข้าว”
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า วันที่ 2 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 25 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 25-31 มี.ค.2565 จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว โดยการจ่ายส่วนต่างน้อยลง เพราะราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ก็ไม่ต้องจ่ายชดเชย เนื่องจากราคาสูงกว่าราคาเป้าหมายประกันรายได้
อ่านเพิ่มเติมคลิก>>>https://www.commercenewsagency.com/news/4951
https://web.facebook.com/commercenewsagency/posts/5520227171340707

เตือน ! นายจ้างเร่งพาแรงงานต่างด้าวออกเอกสารรับรองบุคคล ฉบับใหม่ก่อน 1 ส.ค. 65
นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบาดต่อเนื่องกว่า 2 ปี และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยที่ถือพาสปอร์ตได้ทยอยหมดอายุลง รวมถึงกรณีแรงงานต่างด้าวถือเอกสารรับรองสถานะทางบุคคล (CI) หมดอายุ ทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย มีโอกาสที่จะกลายเป็นแรงงานที่มีสถานะผิดกฎหมาย
กระทรวงแรงงานได้แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน และบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ประเทศต้นทางแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะเมียนมาได้เข้ามาดำเนินการจัดทำหนังสือเดินทาง (Passport: PP) ฉบับใหม่ และเอกสารรับรองบุคคล (CI) โดยเปิดศูนย์ให้บริการจำนวน 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ระนอง สมุทรปราการ และสมุทรสาคร จึงขอให้นายจ้างผู้ประกอบการพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการขอพาสปอร์ต และเอกสารรับรองบุคคลฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เพื่อขออยู่ทำงานต่อไปจนถึง 13 กุมภาพันธุ์ 2566 โดยขั้นตอนแรกสามารถจองคิวได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส จากนั้นไปดำเนินการที่ศูนย์ในจังหวัดที่ได้จองคิวไว้ตามวันเวลาที่กำหนด ซึ่งภายในศูนย์จะให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว One Stop Service ทั้งการออกเอกสารรับรองบุคคลเล่มใหม่ การต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และการตรวจลงตราวีซ่า
หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.169
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/340168768145467

กรมเจ้าท่า เตรียมความพร้อม ให้บริการโดยสารทางน้ำ ช่วง สงกรานต์ ระดมเจ้าหน้าที่ดูแลกว่า 900 คน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ในการโดยสารทางน้ำของประชาชน รองรับเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางเป็นจำนวนมาก
กรมเจ้าท่า ได้ เตรียมความพร้อมบุคลากร ทั้งเจ้าหน้าที่ และมาตราการการดูแลท่าเทียบเรือในทุกพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับประชาชนที่ใช้บริการสัญจรทางน้ำ พร้อมขอความร่วมมือ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ขอให้ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ ทั้งในเรื่องของการขึ้นลงเรือโดยสาร ต้องมีการสวมใส่เสื้อชูชีพ และหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาการเดินทาง เพื่อลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์
นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางน้ำ จุดอำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบเรือแบ่งเป็น ส่วนกลาง จำนวน 2 จุด ได้แก่ ท่าเรือท่าช้างและท่าเรือสาทร ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ที่มีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในส่วนของภูมิภาค จัดตั้งศูนย์ทั้งสิ้น 73 จุด มีเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกถึง 937 คน พร้อมทั้งมีการจัดเรือรักษาการณ์ จำนวน 57 ลำ ในการดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ โดยมีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน ต่างๆไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เครือข่ายอาสาวารี เป็นต้น
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/340069404822070

ย้ำ! สิทธิบัตรทอง เข้ารักษาในหน่วยปฐมภูมิ ได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ต้องมีใบส่งตัว เช็กหน่วยบริการได้ที่ ไลน์ สปสช. @nhso
ปัจจุบัน ประชาชนสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการ จากหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ และหน่วยบริการปฐมภูมิ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว และไม่มีการเรียกเก็บเงินจากประชาชน ซึ่ง “หน่วยบริการปฐมภูมิ” ได้แก่ สถานีอนามัย รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รพ.ประจำอำเภอ รพ.ประจำจังหวัด ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข และคลินิกชุมชนอบอุ่น
ส่วน รพ. ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ และ รพ.เฉพาะทาง เป็นหน่วยบริการขั้นตติยภูมิ ยังต้องใช้ใบส่งตัว เมื่อไม่มีใบส่งตัวจึงถูกคิดค่าบริการ หากไม่แน่ใจว่าสถานพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษา มีหน่วยปฐมภูมิและอยู่ในกลุ่มที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวแล้วหรือไม่ สอบถามก่อนเข้ารับบริการได้ที่ สายด่วน สปสช. กด 0 หรือ ไลน์ สปสช. @nhso
อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/53139
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/344047161091355
แสดงความคิดเห็น
❤มาลาริน/ยุคทองของสินค้าGI...."มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี" แชมป์ส่งออกสินค้า GI มูลค่าสูงสุดปี 64
เผยแพร่: 3 เม.ย. 2565 11:33 น.
กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผย “มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี” แชมป์มูลค่าส่งออกสินค้า GI สูงสุดปี 64 ตามด้วย “มะขามหวานเพชรบูรณ์-กล้วยหอมทองปทุม-ส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม-ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง” เตรียมลุยขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ เพิ่มความคุ้มครอง ล่าสุดได้รับจดแล้ว 7 สินค้าใน 5 ประเทศ กำลังพิจารณารับจดอีก 10 สินค้า ใน 5 ประเทศ ระบุจะยื่นจดไวน์เขาใหญ่ที่สหภาพยุโรปด้วย
น.ส.กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มีมูลค่าการส่งออกในปี 2564 รวม 5,406,594,788 บาท โดยสินค้า GI ไทยที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี ส่งออกได้มูลค่า 3,495 ล้านบาท โดยส่งออกไปจีนและสหรัฐฯ รองลงมาคือ มะขามหวานเพชรบูรณ์ 300 ล้านบาท ส่งออกไปจีน เวียดนาม ยุโรป กล้วยหอมทองปทุม 197 ล้านบาท ส่งออกไปจีน ส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม 200 ล้านบาท ส่งออกไปจีน ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง 138 ล้านบาท ส่งออกไปจีน ไต้หวัน และฮ่องกง
ทั้งนี้ ยังมีมังคุดเขาคีรีวง ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวหอมทองปทุมธานี มะม่วงน้ำดอกไม้สระแก้ว กล้วยตากบางกระทุ่มพิษณุโลก มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้า ส้มโอทองดีบ้านแท่น กาแฟเทพเสด็จ ส้มโอท่าข่อย ลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม นิลเมืองกาญจน์ ศิลาดลเชียงใหม่ หอมแดงศรีสะเกษ ร่มบ่อสร้าง มะขามเทศเพชรโนนไทย กาแฟดอยตุง ข้าวไร่ลืมผัว ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ที่ส่งออกได้ตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านและหลายสิบล้าน
ส่วนสินค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณาขึ้นทะเบียน GI ที่เริ่มมีการส่งออกได้ เช่น กล้วยหอมทองเพชรบุรี กล้วยหอมทองละแม เผือกหอมบ้านหมอ กล้วยหอมทองพบพระ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านแฮดขอนแก่น อะโวคาโดตาก ครกหินแกรนิตตาก ทุเรียนหมอนทองระยอง เป็นต้น
น.ส.กนิษฐากล่าวว่า เพื่อเป็นการดูแลและคุ้มครองสินค้า GI ไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ กรมฯ มีแผนที่จะยื่นจดทะเบียน GI ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่เป็นเป้าหมายในการส่งออกสินค้า GI ไปจำหน่าย โดยล่าสุดมีสินค้า GI ไทยขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว 7 สินค้า ใน 5 ประเทศ ได้แก่ สหภาพยุโรป สินค้าข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง เวียดนาม สินค้าเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน มะขามหวานเพชรบูรณ์ กัมพูชา สินค้ากาแฟดอยตุง อินโดนีเซีย สินค้าผ้าไหมยกดอกลำพูน และอินเดีย สินค้าผ้าไหมยกดอกลำพูน
โดยมีสินค้าที่อยู่ระหว่างพิจารณารับจดทะเบียนอีก 10 สินค้า ใน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สินค้าข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง อินโดนีเซีย สินค้าข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง เวียดนาม สินค้าลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ญี่ปุ่น สินค้ากาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง สับปะรดห้วยมุ่น จีน สินค้าข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มะขามหวานเพชรบูรณ์ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ทุเรียนปราจีน มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี และยังอยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำคำขอ 1 สินค้า ใน 1 ประเทศ คือ สหภาพยุโรป สินค้าไวน์เขาใหญ่
https://mgronline.com/business/detail/9650000032215
แทบทุกจังหวัดจะมีสินค้าGI ประจำจังหวัด บางจังหวัดมีหลายอย่างค่ะ
เป็นยุคทองทำเงินรายได้ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าGI
ประเทศไทยมีสินค้าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่มีชื่อเสียง
เพราะการส่งเสริมจากรัฐบาล