วิวาห์วุ่นวุ่น! ช่างภาพงานเข้า ถูกกล่าวหาฉกสินสอด

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ที่ได้ไปรับถ่ายภาพ ร่วมกับทีมงานออร์แกไนซ์ที่รับจัดงานแต่งแห่งหนึ่ง และมีประเด็นการสูญหายของเงินสินสอดของเจ้าบ่าว-เจ้าสาวในงาน จำนวน 1 ล้านบาท ได้หายไปอย่างปริศนา ทำให้ญาติ ๆ เจ้าของงานสงสัยว่าทั้ง 3 คน เป็นผู้ต้องสงสัยขโมยเงินค่าสินสอด

ช่างภาพได้กล่าวว่า ตนและทีมงาน ได้ไปสแตนด์บายที่งานแต่งงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า ตนและช่างภาพอีกคนหนึ่งรวม 2 คน ได้ตามถ่ายภาพคู่บ่าวสาวไปจนกระทั่งจบงาน

โดยหลังจากเสร็จงาน เวลาประมาณ 12.30 น. ได้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บอุปกรณ์ที่อยู่บนบ้าน ซึ่งวางอยู่หน้าห้องนอนที่เก็บเงิน แล้วเดินทางกลับบ้านตามปกติ จากนั้นทางออร์แกไนซ์ได้โทรมาแจ้งว่า ต้องไปให้ปากคำกับ ตำรวจ เนื่องจากเงินสินสอดจำนวน 1 ล้านบาทหายไป และตนคือผู้ต้องสงสัย หลังจากทราบเรื่องทั้ง 3 คน จึงเดินทางไปยังบ้านเจ้าภาพอีกครั้ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เข้าไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทรงธรรม จ.กำแพงเพชร เรียบร้อยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว เมื่อไปถึงก็โดนแม่ของฝั่งเจ้าสาวเดินเข้ามาต่อว่า ก่อนที่เจ้าสาวจะมาดึงผู้เป็นแม่ออกไป ขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อจาก เจ้าภาพงานมาแต่อย่างใด

นายธนา (นามสมมติ) อายุ 40 ปี จึงตัดสินใจออกมาโพสต์เตือนเพื่อน ๆ “เตือนภัย! ฝากถึงช่างภาพ และออร์แกไนซ์ ผู้จัดงานร่วมอาชีพทุก ๆ ท่านด้วยครับ 2-3 วันที่ผ่านมา ผมได้ไปถ่ายงานแต่งงาน ขอไม่บอกสถานที่ ไปเป็น 1 ในทีมงาน ผมมีหน้าที่เก็บภาพในงานกับน้องอีกคนเป็นช่างภาพแคนดิต ทุกอย่างปกติ และผิดปกติ แต่ไม่ได้สนใจ เสร็จงานผมก็เก็บอุปกรณ์กลับบ้าน จนออร์แกไนซ์โทรมาบอกว่าสินสอด 1 ล้านหาย แล้วพวกเราโดนเพ่งเล็ง พวกเราต้องไปให้ปากคำ โดยเฉพาะพี่ (ตัวผมเอง)

ลักษณะเงินสินสอด
ธนบัตรใบละ 1,000 บาทจำนวน ปึก จำนวน 1 ล้านบาท
ห่อหุ้มด้วยด้วยพลาสติกอย่างดี ระบุด้วยข้อความ 1ล้าน
ขณะประกอบพิธีไม่ได้มีแกะห่อพลาสติกหรือนำเงินออกมานับ
 
จุดเก็บเงินสินสอด 
ห้องนอนชั้น2
ประตูห้องปิดล็อกแต่ลูกบิดไม่ดี
เงินสด 1 ล้านบ้าน ห่ออยู่ในผ้าวางบนเตียงนอน
 
การแต่งกายที่ช่างภาพสวมใส่
เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว 
กางเกงสแลค ขายาวสีดำ
 
ลักษณะกระเป๋ากล้อง
สีเหลือง 
สูง 55 ซม.
กว้าง 35 ซม.
 
ด้านในมีช่องใส่
กล้อง 4 ช่อง
ช่องใส่อุปกรณ์
ช่องใส่เลนส์ 3 ช่อง
อื่นๆอีก 4  ช่อง

นายธนา (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ช่างภาพที่ถูกกล่างหา กล่าวว่า ตนทำงานเป็นช่างภาพมานานกว่า 12 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ในวันที่เกิดเหตุ (25 มี.ค.65) เป็นงานแต่งในพื้นที่ของ จ.กำแพงเพชร และตนก็ได้รับเงินค่าจ้างมาแล้วเรียบร้อย จำนวน 6,000 บาท เป็นราคาเหมาครึ่งวันเช้า

ทั้งนี้ ในวันนั้นตนไปพร้อมกับทีมงานออร์แกไนซ์รวม 3 คน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ก็จะเป็นพิธีเช้าตามประเพณีไทย มีพิธีสงฆ์ พิธีผูกแขน พิธีสู่ขอ และพิธีรับสินสอด ถูกจัดขึ้นที่บริเวณห้องโถงใหญ่ของชั้น 2 ส่วนชั้น 1 จะเป็นเวทีรดน้ำสังข์และโต๊ะจีนงานเลี้ยง กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. หลังจากทำพิธีรับสินสอดเสร็จ แม่เจ้าสาวก็หอบเงินสินสอดเข้าไปเก็บในห้องนอนที่อยู่ถัดจากห้องโถง แต่ตนไม่แน่ใจว่าเป็นห้องไหน เนื่องจากมีห้องนอน 2 ห้อง โดยมีตนและทีมงาน คู่บ่าวสาว ครอบครัว ญาติของทั้ง 2 ฝั่ง เจ้าพิธีที่มาทำพิธีให้กับบ่าวสาว ซึ่งไม่ใช่คนในทีมของตน รวมประมาณ 10 กว่าคนที่เห็น จากนั้นคู่บ่าวสาวก็ลุกไปนั่งที่ตั่งรดน้ำสังข์ บริเวณระเบียงด้านหน้าของชั้น 2 แล้วแขกที่มาร่วมงานประมาณ 100 คน ก็ทยอยขึ้นมารดน้ำสังข์ให้กับบ่าวสาว ตนก็ถ่ายรูปให้กับแขกทุกคน โดยมีทีมงานยืนอยู่ใกล้ ๆ และทีมงานอีก 2 คนก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนอน

ต่อมาเวลาประมาณ 12.30 น. ตนก็ได้เก็บอุปกรณ์เสร็จ จึงพากันเดินทางกลับบ้าน และถึงบ้านเวลา 14.30 - 15.00 น. ระหว่างที่ตนนำไฟล์จากกล้องลงคอมพิวเตอร์ ด้านออร์แกไนซ์ก็โทรศัพท์มาบอกว่า “พี่ ๆ เดี๋ยวเราไปบ้านงานกัน ไปให้ปากคำตำรวจ สินสอดเมื่อเช้า 1 ล้าน หายไปแล้ว เขาสงสัยพวกเรา เพราะพวกเราอยู่บนบ้าน โดยเฉพาะพี่ เขาสงสัยที่สุดเพราะพี่เปลี่ยนชุด” ตนก็เลยโทรศัพท์ตามหาทีมงานอีก 1 คนเพื่อไปบ้านงานแต่ง
ส่วนสาเหตุที่ตนเปลี่ยนชุด เพราะช่วงเช้าเป็นพิธีที่ต้องแต่งกายเรียบร้อย จึงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แขนยาว กางเกงสีดำ แล้วด้วยทำงานตลอดครึ่งวันไม่ได้หยุด วิ่งถ่ายภาพทุกจุด ประกอบกับอากาศร้อน จึงอยากเปลี่ยนชุดก่อนกลับบ้าน โดยชุดก็เตรียมไว้ในรถยนต์ส่วนตัวอยู่แล้ว เนื่องจากปกติตนจะทำแบบนี้ประจำ ซึ่งตนไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำชั้น 2 ของบ้าน ที่ติดกับห้องนอน ชุดที่ตนเปลี่ยนก่อนกลับบ้านคือเสื้อยืด กางเกงขาสั้น

“พอวางสายจากออร์แกไนซ์เสร็จ ผมก็เอาอุปกรณ์กลับขึ้นรถเพื่อเตรียมสำหรับถ่ายงานต่อในวันที่ 26 มีนาคม 65 พร้อมกับชวนลูกและภรรยาออกเดินทางไปบ้านงานแต่ง ทั้งหมด 5 คน ไปถึงประมาณ 21.30 น. ก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบปากคำครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ แล้วจู่ ๆ แม่เจ้าสาวก็เดินเข้ามาถามผมกับทีมงานด้วยท่าทางปกติว่า มาทำอะไรกันหนู มารอกินหมูเหรอ เนื่องจากแม่จำไม่ได้ว่าผมเป็นทีมงานช่างภาพ แต่ผมตอบไปว่า เปล่าครับ ผมเป็นทีมงานออร์แกไนซ์ครับ” ช่างภาพรายนี้ กล่าวให้ฟัง

ความคืบหน้า 3 ชั่งโมงที่ผ่านมา
ล่าสุด พ.ต.อ.เอนก เผยว่า จากเค้นสอบปากคำคู่บ่าวสาว ทั้งคู่ยอมรับสารภาพแล้วว่า เป็นคนเก็บเงินสินสอดจำนวน 1 ล้านไปเอง เบื้องต้นยอมรับว่า เป็นเงินสินสอดที่ไปเช่ามาโดยที่พ่อแม่เจ้าสาวไม่รู้ หลังจากเสร็จงานจึงต้องนำไปคืนผู้ให้เช่า แต่เมื่อพ่อแม่มาเห็นว่าเงินหายไป จึงตกใจและได้ทำการแจ้งตำรวจ จนเกิดเป็นประเด็นดังกล่าวขึ้น
 
ที่มา : https://www.tnews.co.th/social/563058
ขอบคุณภาพจาก : https://www.khaochaobaan.com/news/329866
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่