เป็นทางที่ไม่น่าเกี่ยว เลยเอาตัวอย่างสองเคสที่เกิดขึ้น คิดว่าน่าจะช่วยได้บ้าง
เกิดจากการที่ลูกค้าบางคู่ที่มาจัดงานกับเรา เค้ามีปัญหาเรื่องกลัวเงินไม่พอจัดงาน เพราะตกลงสินสอดกันไม่ได้
ทำให้เงินจัดงานลดลง
เคสแรก - พ่อแม่เจ้าบ่าวไม่เข้าใจว่าทำไมค่าจัดงานแพง (ฝั่งเจ้าบ่าวออกทั้งหมดสินสอด + จัดงาน) และทำไมต้องใช้ออกาไนซ์
บวกมีความคิดที่ว่าจัดเองประหยัดกว่า (งบประมาณทั้งหมด 1 ล้านบาท)
แก้ปัญหา - เราแก้ปัญหาด้วยการ เข้าไปคุยกับพ่อแม่เจ้าบ่าวเองเลยค่ะ อธิบายให้เค้าเห็นภาพ
เพราะออกาไนซ์จะมีข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้วเรื่องราคาโรงแรม และค่าใช้จ่ายต่างๆ
หาข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย พอเราได้ตัวเลขค่าจัดงานที่แน่นอนแล้ว
ทีนี้จำนวนเงินที่เหลือที่เค้าจะเอาไว้เป็นค่าสินสอดก็จะชัดขึ้นมาเลยค่ะ หลังจากนั้นให้บ่าว - สาวตกลงกันเรื่องสินสอด
สรุป - ค่าจัดงานทั้งหมด 310,000 บาท / สินสอด 700,000 บาท (เกินมา 10,000 บาท) แต่พ่อเจ้าบ่าวรับได้ เพราะเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่าย
เคสสอง - ฝั่งเจ้าบ่าวจ่ายค่าสินสอด / เจ้าสาวจ่ายค่าจัดงาน เคสนี้สินสอดน้อย แต่ค่าจัดงานเยอะ พ่อแม่เจ้าสาวไม่พอใจ
บอกว่าครอบครัวเค้ามีหน้ามีตาทางสังคม เลยตกลงกันไม่ได้ พาลจะไม่ได้แต่ง ทั้งๆ ที่จ่ายค่ามัดจำออกาไนซ์มาแล้ว
แก้ปัญหา - เราใช้วิธีเดิม แต่คราวนี้เป็นฝั่งเจ้าสาว ชี้แจงให้เห็นภาพ และหาข้อสรุปและราคาร่วมกัน ส่วนเรื่องสินสอดนั้น
เราแนะนำให้เจ้าบ่าว เอาโฉนดเรือนหอที่ผ่อนร่วมกัน (บ้านราคา 3.4 ล้าน) มาวางโชว์ไว้โดยเป็นชื่อเจ้าสาว
ส่วนเงินกับทอง ก็เอามาวางเท่าที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
สรุป - ทั้งสองฝ่ายแฮปปี้ แค่ตอนแรกเค้าไม่ได้คิดถึง เรื่องเรือนหอและไม่คิดว่าจะนำมาเป็นสินสอดได้
ส่วนการจัดงานเราก็พยายามประหยัดงบให้เค้า จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมาก ว่าชั้นต้องจ่ายเท่านี้
คุ้มกับที่เสียไปหรือเปล่า
แนวทางที่แนะนำมาให้ น่าจะใช้ได้สำหรับบางคู่ เพราะเรามองเห็นว่าการที่มีคนกลางคอยประสานให้
หรืออธิบายว่าค่าใช้จ่ายงานเป็นแบบไหนได้บ้าง และมาหาข้อตกลงร่วมกัน น่าจะวิน - วินทุกฝ่าย
และอาจจะช่วยลดความตึงเครียดเรื่องสินสอดและค่าจัดงานได้บ้าง
เพราะการแต่งงานค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ ก็มีสองก้อนนี้แหละค่ะ ที่มักเป็นปัญหากัน
ใครก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นออกาไนซ์ ญาติพี่น้องก็น่าจะเป็นคนกลางที่ดี
หรือคู่ที่มีประสบการณ์อื่นๆ ก็มาร่วมแชร์ก็ได้นะคะ จะได้มีคำแนะนำหลายๆ ทาง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
*แก้ข้อวามเพิ่มเติมค่ะ
สำหรับคู่แต่งงาน ที่มีปัญหาเรื่องค่าสินสอดและเงินค่าจัดงานค่ะ
เกิดจากการที่ลูกค้าบางคู่ที่มาจัดงานกับเรา เค้ามีปัญหาเรื่องกลัวเงินไม่พอจัดงาน เพราะตกลงสินสอดกันไม่ได้
ทำให้เงินจัดงานลดลง
เคสแรก - พ่อแม่เจ้าบ่าวไม่เข้าใจว่าทำไมค่าจัดงานแพง (ฝั่งเจ้าบ่าวออกทั้งหมดสินสอด + จัดงาน) และทำไมต้องใช้ออกาไนซ์
บวกมีความคิดที่ว่าจัดเองประหยัดกว่า (งบประมาณทั้งหมด 1 ล้านบาท)
แก้ปัญหา - เราแก้ปัญหาด้วยการ เข้าไปคุยกับพ่อแม่เจ้าบ่าวเองเลยค่ะ อธิบายให้เค้าเห็นภาพ
เพราะออกาไนซ์จะมีข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้วเรื่องราคาโรงแรม และค่าใช้จ่ายต่างๆ
หาข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย พอเราได้ตัวเลขค่าจัดงานที่แน่นอนแล้ว
ทีนี้จำนวนเงินที่เหลือที่เค้าจะเอาไว้เป็นค่าสินสอดก็จะชัดขึ้นมาเลยค่ะ หลังจากนั้นให้บ่าว - สาวตกลงกันเรื่องสินสอด
สรุป - ค่าจัดงานทั้งหมด 310,000 บาท / สินสอด 700,000 บาท (เกินมา 10,000 บาท) แต่พ่อเจ้าบ่าวรับได้ เพราะเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่าย
เคสสอง - ฝั่งเจ้าบ่าวจ่ายค่าสินสอด / เจ้าสาวจ่ายค่าจัดงาน เคสนี้สินสอดน้อย แต่ค่าจัดงานเยอะ พ่อแม่เจ้าสาวไม่พอใจ
บอกว่าครอบครัวเค้ามีหน้ามีตาทางสังคม เลยตกลงกันไม่ได้ พาลจะไม่ได้แต่ง ทั้งๆ ที่จ่ายค่ามัดจำออกาไนซ์มาแล้ว
แก้ปัญหา - เราใช้วิธีเดิม แต่คราวนี้เป็นฝั่งเจ้าสาว ชี้แจงให้เห็นภาพ และหาข้อสรุปและราคาร่วมกัน ส่วนเรื่องสินสอดนั้น
เราแนะนำให้เจ้าบ่าว เอาโฉนดเรือนหอที่ผ่อนร่วมกัน (บ้านราคา 3.4 ล้าน) มาวางโชว์ไว้โดยเป็นชื่อเจ้าสาว
ส่วนเงินกับทอง ก็เอามาวางเท่าที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
สรุป - ทั้งสองฝ่ายแฮปปี้ แค่ตอนแรกเค้าไม่ได้คิดถึง เรื่องเรือนหอและไม่คิดว่าจะนำมาเป็นสินสอดได้
ส่วนการจัดงานเราก็พยายามประหยัดงบให้เค้า จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมาก ว่าชั้นต้องจ่ายเท่านี้
คุ้มกับที่เสียไปหรือเปล่า
แนวทางที่แนะนำมาให้ น่าจะใช้ได้สำหรับบางคู่ เพราะเรามองเห็นว่าการที่มีคนกลางคอยประสานให้
หรืออธิบายว่าค่าใช้จ่ายงานเป็นแบบไหนได้บ้าง และมาหาข้อตกลงร่วมกัน น่าจะวิน - วินทุกฝ่าย
และอาจจะช่วยลดความตึงเครียดเรื่องสินสอดและค่าจัดงานได้บ้าง
เพราะการแต่งงานค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ ก็มีสองก้อนนี้แหละค่ะ ที่มักเป็นปัญหากัน
ใครก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นออกาไนซ์ ญาติพี่น้องก็น่าจะเป็นคนกลางที่ดี
หรือคู่ที่มีประสบการณ์อื่นๆ ก็มาร่วมแชร์ก็ได้นะคะ จะได้มีคำแนะนำหลายๆ ทาง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
*แก้ข้อวามเพิ่มเติมค่ะ