ชวนกินกุ้งแทนไข่แพง...คนเลี้ยงโอดกุ้งก้ามกรามราคาตก รับซื้อ กก.ละไม่ถึง 200 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/morning/284315
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2565 มีรายงานจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอยุธยา เผยว่าขณะนี้ประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ซึ่งมีปัจจัยมาจากกุ้งล้นตลาด เนื่องจากพิษเศรษฐกิจกำลังซื้อลดน้อย และการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้ในขณะนี้เกิดสภาวะกุ้งล้นตลาด โดยราคาซื้อขายแพกุ้งก้ามกรามมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร รับซื้อกิโลกรัมละไม่ถึง 200 บาท หากเกษตรกรแห่ขนไปขาย ยิ่งจะทำให้กุ้งล้นตลาดราคากุ้งตกต่ำไปอีก และก็เป็นราคารับซื้อที่ทำให้เกษตรกรขาดทุนอยู่แล้ว
ด้านนาย
สุชาติ พิลาเดช ประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ให้การส่งเสริมเข้ามาแก้ปัญหาให้เกษตรกรรวมตัวนำกุ้งสดมาวางขาย ที่ริมถนนคลองมะขามเรียง ย่านธุรกิจการค้าใหญ่ใกล้ตลาดเจ้าพรหม ในเกาะเมืองอยุธยา เป็นขายตรงถึงมือคนกินโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ราคากุ้งจัมโบ้ตัวใหญ่ ราคาขายปลีกทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 700-800 บาท ที่จุดขายกุ้งแปลงใหญ่จะขายเพียงกิโลกรัมละ 360 บาท เท่านั้น หากลูกค้าต้องการกินกุ้งเผาจะคิดเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 40 บาท แถมน้ำจิ้มให้ด้วย โดยจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ริมถนนคลองมะขามเรียง เกาะเมืองอยุธยา ที่จอดรถสะดวกสบายปลอดภัย
ในขณะที่นาย
สุกิจ ปานอุทัย หัวหน้ากลุ่มเลี้ยงกุ้งแปลงใหญ่ทุ่งผักให่ แนะนำว่าตอนนี้ไข่ไก่แพงขาดตลาด หันมากินกุ้งก้ามกรามราคาถูกโปรตีนสูง พร้อมมองว่า เกษตรกรเมืองไทยอยู่ยาก ขนาดร่วมคิดร่วมทำรวมตัวเลี้ยงแบบแปลงใหญ่ หวังลดต้นทุนกำไรจะเพิ่มมากขึ้น แต่กลับมีกุ้งออกล้นตลาด ทำราคาตก สุดท้ายเกษตรกรขาดทุนอีกเช่นเคย วอนประชาชนมาช่วยอุดหนุน
พ่อค้าแม่ค้าวอนเข้าใจ มาแพงก็ต้องขายแพง เพื่อความอยู่รอด ชี้ต้องแก้ที่ต้นทาง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3253845
พ่อค้าแม่ค้าวอนเข้าใจ มาแพงก็ต้องขายแพง เพื่อความอยู่รอด ชี้ต้องแก้ที่ต้นทาง
วันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดสดหัวรถไฟ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดเช้า มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อหากับข้าวและวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำไปประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือนกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าราคาสินค้าหลายประเภทจะปรับราคาสูงขึ้น อาทิ ไข่ หมู และผักบางชนิด ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ย และค่าอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนผู้บริโภคจับจ่ายในปริมาณที่ลดลง
โดยนาง
ลัด กาจอินทร์ อายุ 56 ปี แม่ค้าขายผักจาก อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา บอกว่า ตอนนี้ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ยมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตนปลูกผักเอง ก็จะใช้น้ำหมักชีวภาพมาทดแทนปุ๋ย ทำให้ไม่กระทบกับต้นทุนการผลิตมากนัก อีกทั้งไม่ต้องไปรับซื้อจากตลาดค้าส่งอีกที ราคาผักที่นำมาขายจึงไม่แพง ขายในราคาเท่าเดิม สามารถกำหนดราคาเองได้ จะมีผักบางชนิดที่แต่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น มะนาว จะขายราคาลูกละ 5 บาท
นาง
ประพิมพ์พรรณ พสุเสถียร อายุ 67 ปี ลูกค้าที่มาจับจ่ายสินค้า บอกว่า เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ดี ก็ต้องปรับตัวเลือกซื้อร้านที่ขายไม่แพง ถ้าเป็นผักสดจะซื้อจากแม่ค้าที่มาจากนอกเมือง เพราะสินค้าจะสดใหม่และราคาถูกกว่า ส่วนราคามะนาวที่ปรับสูงขึ้นอย่างมาก ตนก็ปรับมาใช้มะม่วง หรือมะขามเปียกแทนมะนาว ซึ่งราคาสินค้าแทบจะทุกชนิดที่ปรับราคาขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำรงชีพ ตอนนี้ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง จับจ่ายให้น้อยลง
ด้านนาย
พิธาน พจไพเราะ พ่อค้าเขียงหมูรายหนึ่ง กล่าวว่า เดือนนี้หมูปรับราคามา 2 รอบแล้ว ทำให้ราคาหมูยังแพงอยู่ แต่ลูกค้าก็ยังมาซื้อไปประกอบอาหารตามปกติ เพียงแต่ยอดซื้อจะลดลง รวมทั้ง ลูกค้าที่เป็นร้านอาหารจะสั่งออร์เดอร์ลดลงด้วย กระทบไปหมดทั้งโควิดระบาด น้ำมันแพงทำให้ค่าขนส่งและวัตถุดิบอาหารสัตว์แพงตามไปด้วย ยิ่งสมัยนี้หมูที่วางขายทั่วไปจะเป็นหมูฟาร์มจากบริษัทใหญ่ ไม่มีค่อยมีหมูเลี้ยงตามบ้าน จึงไม่สามารถกำหนดราคาขายเองได้ อยากให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาสินค้า จำพวกของกินของใช้ประจำวัน อย่าให้ปรับราคาเพิ่มมากนักโดยเฉพาะราคาน้ำมันแพง ทำให้สินค้าทุกอย่างแพงไปหมด
ในขณะที่นาง
หนูจันทร์ ศรีบุญเรือง แม่ค้าขายไข่รายหนึ่ง บอกว่า รับไข่มาจากตลาดย่าโม เป็นตลาดค้าส่งรายใหญ่ ตอนนี้ มีการปรับราคาไข่ขึ้น 3 บาทต่อแผง บางครั้งก็ขึ้นถึง 6 บาทต่อแผง ปรับราคาช่วงนี้มาหลายรอบแล้ว คิดว่าน่าจะมาจากผลกระทบโควิด ระบาด และปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้ข้าวยากหมากแพง ซึ่งร้านค้าส่งปรับขึ้นกี่บาท ก็ต้องมาปรับราคาค้าปลีกขึ้นตามนั้น ปรับสูงกว่านี้ไม่ได้ สงสารลูกค้า แต่ถ้ายังขายเท่าเดิม ตนก็ไม่มีกำไร อยู่ไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้อะไรๆก็แพงไปหมด ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ปลายเหตุ ต้องขอให้รัฐบาลช่วยแก้ที่ต้นเหตุจะได้ผลยิ่งกว่า และให้ดูแลเห็นใจประชาชน ดูแลผู้ค้ารายย่อยบ้างก็พอแล้ว
โรงแรมโอดรัฐค้างเงินสนับสนุน 40 % "เราเที่ยวด้วยกัน" สั่นสะเทือนท่องเที่ยว
https://www.nationtv.tv/news/378868003
ธุรกิจโรงแรมระส่ำหนัก หลังรัฐค้างจ่ายเงินสนับสนุน 40 % โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 4 หวั่นกระทบสภาพคล่องช่วงสงกรานต์ 2565 บางแห่งเริ่มทยอยถอนตัว ขณะ ททท.แจงปัญหา เร่งแก้ปัญหาไขด่วน
26 มีนาคม 2565 ธุรกิจโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ
"เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" เริ่มได้รับผลกระทบหลังจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐ ซึ่งพบว่าเริ่มมีปัญหาติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654
ปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐล่าช้าเริ่มมาตั้งแต่ลูกค้าใช้สิทธิ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3" ช่วงการใช้สิทธิตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2565 ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2565
ส่วน
"เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 พ.ค. 65 เข้าพักได้ตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 นอกจากการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้า ยังพบว่า เริ่มมีปัญหาที่บางโรงแรมยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40% จากรัฐ
นาย
พิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการ เราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เฟส 1 รัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 40 % โดยเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของโรงแรมภายใน 15 วัน หลังจากลูกค้าเช็คอิน แต่ "เราเที่ยวด้วยกัน" รอบนี้เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินของรัฐมาก
“ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ให้โรงแรมส่งเอกสารเพิ่ม เพื่อพิจารณา โดยระบุว่า เอกสารสแกนใบหน้าลูกค้าไม่สมบูรณ์ ทำให้เริ่มติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654 ทำให้หลายโรงแรมเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่อง ”
นาย
พิสูจน์ กล่าวอีกว่า เฉพาะโรงแรมในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่าง พัทยา ชลบุรี จันทบุรี ตราด คาดว่ามียอดเงินติดค้างเกือบ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการในหลายจังหวัดก็มีปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้าเช่นกัน ทำให้ผู้ประกอบการบางรายเริ่มมีความกังวลเรื่องสภาพคล่อง
แม้ที่ผ่านมามีภาคเอกชนได้มีการประชุม กับ ททท. และได้รับคำตอบว่าจะโอนเงินให้ตั้งแต่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันโรงแรมกลับยังไม่ได้รับเงิน กังวลว่าจะกระทบต่อสภาพคล่องในการรับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้ และผู้ประกอบการโรงแรมบางรายอาจจะถอนตัวในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4
ขณะที่ นาย
วิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมราว 300 แห่ง หรือราว 50% ของโรงแรมในจังหวัดกำลังได้รับความเดือนร้อน เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ซึ่งปัญหานี้เริ่มเกิดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ถูกค้างชำระค่าห้องจากภาครัฐ ตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท ทั้งจังหวัดรวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
“ ที่ผ่านมาเคยสอบถามปัญหานี้ไปยังหน่วยงานในพื้นที่แล้ว แต่ได้รับคำตอบว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานส่วนกลาง จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงด้วย ”
ด้าน นางสาว
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เอกสารที่ขอให้โรงแรมส่งมาเพิ่มคือ
"รายการที่แสกนใบหน้าลูกค้าที่ไม่สำเร็จ สำหรับลูกค้าที่เข้าพักเกิน 5 สิทธิขึ้นไป" เนื่องจากเอกสารของลูกค้ากลุ่มนี้ต้องส่งรายละเอียดเพิ่มเพื่อความสมบูรณ์ในการตรวจสอบ
ขณะนี้ ททท. ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อจัดการกับปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะจัดการได้ภายใน 60 วันหลังจากเอกสารครบถ้วน ย้ำสาเหตุที่ต้องตรวจเข้มข้นขึ้นเพราะเราเที่ยวด้วยกันใน2 เฟสที่ผ่านมามีการทุจริตเกิดขึ้น จึงต้องมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูล :
ฐานเศรษฐกิจ
เพื่อไทย ชี้เสียงก้ำกึ่ง โหวตบัตรเลือกตั้ง ย้ำข้อดีแบบเบอร์เดียว ประชาชนไม่สับสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3254138
‘เพื่อไทย’ ชี้เสียง กมธ.หนุนบัตรเบอร์เดียว-สองเบอร์ยังก้ำกึ่ง เผยการเลือกตั้งต้องทำให้ง่ายต่อ ปชช. ถามจะทำให้สับสนทำไม ส่วนร่างพรรคการเมืองต้องถกก่อน แจงอาจยังไม่โหวต 31 มี.ค.นี้
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มของ กมธ.ต่อการลงมติเรื่องบัตรเบอร์เดียว หรือคนละเบอร์ จะเป็นไปในทิศทางใด ว่าขณะนี้ตนยังมองว่าก้ำกึ่ง ระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยกับเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ กับฝ่ายที่เห็นแย้ง ซึ่งยังคงไม่ชัดเจน แต่ภาพรวมทั้งหมดในวันที่ 30 มีนาคม คงจะได้มีการพูดคุยกันและมีการลงมติ และต้องรอดูฝ่ายที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปอย่างไร
เมื่อถามว่ามองว่าบัตรแต่ละแบบมีข้อดีและข้อด้อยอย่างไรบ้าง นายสมคิดกล่าวว่า ข้อดีของบัตรเบอร์เดียวกันทั้งประเทศอย่างน้อยๆ ในการเลือกตั้งต้องให้ประชาชนเข้าใจง่ายก่อน ไม่ใช่ทำให้ประชาชนสับสนและยุ่งยาก ซึ่งหากง่ายแล้วใครได้เปรียบเสียเปรียบ ตนไม่อยากให้มองเช่นนั้น เพราะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันหมด หากเบอร์เดียวกันก็พูดประโยคเดียวกัน ซึ่งก็เหมือนกันทุกพรรค อยู่ที่ว่าประชาชนจะเลือก หรือไม่เลือกก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนข้อด้อยนั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าจะไปขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 ของรัฐธรรมนูญปี’60 แต่เราก็สามารถเขียนให้มีทางออกได้ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็รับทราบเรื่องนี้อยู่
“ส่วนที่มีคนระบุว่าเพื่อไทยจะไปเกรงอะไรกับผู้สมัครเขตเบอร์หนึ่ง พรรคอีกเบอร์หนึ่ง ซึ่งพรรคก็ไม่ได้เกรง แต่อะไรที่ง่ายกว่า บัตรเสียน้อยกว่ากัน ต้องมาคุยกันก่อนว่าประชาชนไม่ได้มีแค่คนที่มีความรู้อยู่ใน กทม.อย่างเดียว ประชาชนที่อยู่ในชนบทบางคนขาดฐานความรู้ ความสับสนก็เกิดขึ้นได้ ฉะนั้น เราจะทำให้สับสนทำไม” นาย
สมคิดกล่าว
JJNY : 5in1 กุ้งก้ามกรามราคาตก│พ่อค้าแม่ค้าวอนเข้าใจ│โรงแรมโอดรัฐค้างเงิน│พท.ย้ำข้อดีเบอร์เดียว│เผยผบ.หมีขาวดับรายที่7
https://ch3plus.com/news/economy/morning/284315
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2565 มีรายงานจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอยุธยา เผยว่าขณะนี้ประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ซึ่งมีปัจจัยมาจากกุ้งล้นตลาด เนื่องจากพิษเศรษฐกิจกำลังซื้อลดน้อย และการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้ในขณะนี้เกิดสภาวะกุ้งล้นตลาด โดยราคาซื้อขายแพกุ้งก้ามกรามมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร รับซื้อกิโลกรัมละไม่ถึง 200 บาท หากเกษตรกรแห่ขนไปขาย ยิ่งจะทำให้กุ้งล้นตลาดราคากุ้งตกต่ำไปอีก และก็เป็นราคารับซื้อที่ทำให้เกษตรกรขาดทุนอยู่แล้ว
ด้านนายสุชาติ พิลาเดช ประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ให้การส่งเสริมเข้ามาแก้ปัญหาให้เกษตรกรรวมตัวนำกุ้งสดมาวางขาย ที่ริมถนนคลองมะขามเรียง ย่านธุรกิจการค้าใหญ่ใกล้ตลาดเจ้าพรหม ในเกาะเมืองอยุธยา เป็นขายตรงถึงมือคนกินโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ราคากุ้งจัมโบ้ตัวใหญ่ ราคาขายปลีกทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 700-800 บาท ที่จุดขายกุ้งแปลงใหญ่จะขายเพียงกิโลกรัมละ 360 บาท เท่านั้น หากลูกค้าต้องการกินกุ้งเผาจะคิดเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 40 บาท แถมน้ำจิ้มให้ด้วย โดยจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ริมถนนคลองมะขามเรียง เกาะเมืองอยุธยา ที่จอดรถสะดวกสบายปลอดภัย
ในขณะที่นายสุกิจ ปานอุทัย หัวหน้ากลุ่มเลี้ยงกุ้งแปลงใหญ่ทุ่งผักให่ แนะนำว่าตอนนี้ไข่ไก่แพงขาดตลาด หันมากินกุ้งก้ามกรามราคาถูกโปรตีนสูง พร้อมมองว่า เกษตรกรเมืองไทยอยู่ยาก ขนาดร่วมคิดร่วมทำรวมตัวเลี้ยงแบบแปลงใหญ่ หวังลดต้นทุนกำไรจะเพิ่มมากขึ้น แต่กลับมีกุ้งออกล้นตลาด ทำราคาตก สุดท้ายเกษตรกรขาดทุนอีกเช่นเคย วอนประชาชนมาช่วยอุดหนุน
พ่อค้าแม่ค้าวอนเข้าใจ มาแพงก็ต้องขายแพง เพื่อความอยู่รอด ชี้ต้องแก้ที่ต้นทาง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3253845
พ่อค้าแม่ค้าวอนเข้าใจ มาแพงก็ต้องขายแพง เพื่อความอยู่รอด ชี้ต้องแก้ที่ต้นทาง
วันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดสดหัวรถไฟ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดเช้า มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อหากับข้าวและวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำไปประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือนกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าราคาสินค้าหลายประเภทจะปรับราคาสูงขึ้น อาทิ ไข่ หมู และผักบางชนิด ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ย และค่าอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนผู้บริโภคจับจ่ายในปริมาณที่ลดลง
โดยนางลัด กาจอินทร์ อายุ 56 ปี แม่ค้าขายผักจาก อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา บอกว่า ตอนนี้ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ยมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตนปลูกผักเอง ก็จะใช้น้ำหมักชีวภาพมาทดแทนปุ๋ย ทำให้ไม่กระทบกับต้นทุนการผลิตมากนัก อีกทั้งไม่ต้องไปรับซื้อจากตลาดค้าส่งอีกที ราคาผักที่นำมาขายจึงไม่แพง ขายในราคาเท่าเดิม สามารถกำหนดราคาเองได้ จะมีผักบางชนิดที่แต่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น มะนาว จะขายราคาลูกละ 5 บาท
นางประพิมพ์พรรณ พสุเสถียร อายุ 67 ปี ลูกค้าที่มาจับจ่ายสินค้า บอกว่า เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ดี ก็ต้องปรับตัวเลือกซื้อร้านที่ขายไม่แพง ถ้าเป็นผักสดจะซื้อจากแม่ค้าที่มาจากนอกเมือง เพราะสินค้าจะสดใหม่และราคาถูกกว่า ส่วนราคามะนาวที่ปรับสูงขึ้นอย่างมาก ตนก็ปรับมาใช้มะม่วง หรือมะขามเปียกแทนมะนาว ซึ่งราคาสินค้าแทบจะทุกชนิดที่ปรับราคาขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำรงชีพ ตอนนี้ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง จับจ่ายให้น้อยลง
ด้านนายพิธาน พจไพเราะ พ่อค้าเขียงหมูรายหนึ่ง กล่าวว่า เดือนนี้หมูปรับราคามา 2 รอบแล้ว ทำให้ราคาหมูยังแพงอยู่ แต่ลูกค้าก็ยังมาซื้อไปประกอบอาหารตามปกติ เพียงแต่ยอดซื้อจะลดลง รวมทั้ง ลูกค้าที่เป็นร้านอาหารจะสั่งออร์เดอร์ลดลงด้วย กระทบไปหมดทั้งโควิดระบาด น้ำมันแพงทำให้ค่าขนส่งและวัตถุดิบอาหารสัตว์แพงตามไปด้วย ยิ่งสมัยนี้หมูที่วางขายทั่วไปจะเป็นหมูฟาร์มจากบริษัทใหญ่ ไม่มีค่อยมีหมูเลี้ยงตามบ้าน จึงไม่สามารถกำหนดราคาขายเองได้ อยากให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาสินค้า จำพวกของกินของใช้ประจำวัน อย่าให้ปรับราคาเพิ่มมากนักโดยเฉพาะราคาน้ำมันแพง ทำให้สินค้าทุกอย่างแพงไปหมด
ในขณะที่นางหนูจันทร์ ศรีบุญเรือง แม่ค้าขายไข่รายหนึ่ง บอกว่า รับไข่มาจากตลาดย่าโม เป็นตลาดค้าส่งรายใหญ่ ตอนนี้ มีการปรับราคาไข่ขึ้น 3 บาทต่อแผง บางครั้งก็ขึ้นถึง 6 บาทต่อแผง ปรับราคาช่วงนี้มาหลายรอบแล้ว คิดว่าน่าจะมาจากผลกระทบโควิด ระบาด และปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้ข้าวยากหมากแพง ซึ่งร้านค้าส่งปรับขึ้นกี่บาท ก็ต้องมาปรับราคาค้าปลีกขึ้นตามนั้น ปรับสูงกว่านี้ไม่ได้ สงสารลูกค้า แต่ถ้ายังขายเท่าเดิม ตนก็ไม่มีกำไร อยู่ไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้อะไรๆก็แพงไปหมด ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ปลายเหตุ ต้องขอให้รัฐบาลช่วยแก้ที่ต้นเหตุจะได้ผลยิ่งกว่า และให้ดูแลเห็นใจประชาชน ดูแลผู้ค้ารายย่อยบ้างก็พอแล้ว
โรงแรมโอดรัฐค้างเงินสนับสนุน 40 % "เราเที่ยวด้วยกัน" สั่นสะเทือนท่องเที่ยว
https://www.nationtv.tv/news/378868003
ธุรกิจโรงแรมระส่ำหนัก หลังรัฐค้างจ่ายเงินสนับสนุน 40 % โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 4 หวั่นกระทบสภาพคล่องช่วงสงกรานต์ 2565 บางแห่งเริ่มทยอยถอนตัว ขณะ ททท.แจงปัญหา เร่งแก้ปัญหาไขด่วน
26 มีนาคม 2565 ธุรกิจโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" เริ่มได้รับผลกระทบหลังจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐ ซึ่งพบว่าเริ่มมีปัญหาติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654
ปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐล่าช้าเริ่มมาตั้งแต่ลูกค้าใช้สิทธิ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3" ช่วงการใช้สิทธิตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2565 ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2565
ส่วน "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 พ.ค. 65 เข้าพักได้ตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 นอกจากการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้า ยังพบว่า เริ่มมีปัญหาที่บางโรงแรมยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40% จากรัฐ
นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการ เราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เฟส 1 รัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 40 % โดยเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของโรงแรมภายใน 15 วัน หลังจากลูกค้าเช็คอิน แต่ "เราเที่ยวด้วยกัน" รอบนี้เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินของรัฐมาก
“ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ให้โรงแรมส่งเอกสารเพิ่ม เพื่อพิจารณา โดยระบุว่า เอกสารสแกนใบหน้าลูกค้าไม่สมบูรณ์ ทำให้เริ่มติดค้างเงินสนับสนุนมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2654 ทำให้หลายโรงแรมเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่อง ”
นายพิสูจน์ กล่าวอีกว่า เฉพาะโรงแรมในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่าง พัทยา ชลบุรี จันทบุรี ตราด คาดว่ามียอดเงินติดค้างเกือบ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการในหลายจังหวัดก็มีปัญหาการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐที่ล่าช้าเช่นกัน ทำให้ผู้ประกอบการบางรายเริ่มมีความกังวลเรื่องสภาพคล่อง
แม้ที่ผ่านมามีภาคเอกชนได้มีการประชุม กับ ททท. และได้รับคำตอบว่าจะโอนเงินให้ตั้งแต่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันโรงแรมกลับยังไม่ได้รับเงิน กังวลว่าจะกระทบต่อสภาพคล่องในการรับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้ และผู้ประกอบการโรงแรมบางรายอาจจะถอนตัวในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4
ขณะที่ นายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมราว 300 แห่ง หรือราว 50% ของโรงแรมในจังหวัดกำลังได้รับความเดือนร้อน เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินสนับสนุน 40 % จากภาครัฐในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ซึ่งปัญหานี้เริ่มเกิดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ถูกค้างชำระค่าห้องจากภาครัฐ ตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท ทั้งจังหวัดรวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
“ ที่ผ่านมาเคยสอบถามปัญหานี้ไปยังหน่วยงานในพื้นที่แล้ว แต่ได้รับคำตอบว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานส่วนกลาง จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงด้วย ”
ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เอกสารที่ขอให้โรงแรมส่งมาเพิ่มคือ "รายการที่แสกนใบหน้าลูกค้าที่ไม่สำเร็จ สำหรับลูกค้าที่เข้าพักเกิน 5 สิทธิขึ้นไป" เนื่องจากเอกสารของลูกค้ากลุ่มนี้ต้องส่งรายละเอียดเพิ่มเพื่อความสมบูรณ์ในการตรวจสอบ
ขณะนี้ ททท. ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อจัดการกับปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะจัดการได้ภายใน 60 วันหลังจากเอกสารครบถ้วน ย้ำสาเหตุที่ต้องตรวจเข้มข้นขึ้นเพราะเราเที่ยวด้วยกันใน2 เฟสที่ผ่านมามีการทุจริตเกิดขึ้น จึงต้องมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ
เพื่อไทย ชี้เสียงก้ำกึ่ง โหวตบัตรเลือกตั้ง ย้ำข้อดีแบบเบอร์เดียว ประชาชนไม่สับสน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3254138
‘เพื่อไทย’ ชี้เสียง กมธ.หนุนบัตรเบอร์เดียว-สองเบอร์ยังก้ำกึ่ง เผยการเลือกตั้งต้องทำให้ง่ายต่อ ปชช. ถามจะทำให้สับสนทำไม ส่วนร่างพรรคการเมืองต้องถกก่อน แจงอาจยังไม่โหวต 31 มี.ค.นี้
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มของ กมธ.ต่อการลงมติเรื่องบัตรเบอร์เดียว หรือคนละเบอร์ จะเป็นไปในทิศทางใด ว่าขณะนี้ตนยังมองว่าก้ำกึ่ง ระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยกับเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ กับฝ่ายที่เห็นแย้ง ซึ่งยังคงไม่ชัดเจน แต่ภาพรวมทั้งหมดในวันที่ 30 มีนาคม คงจะได้มีการพูดคุยกันและมีการลงมติ และต้องรอดูฝ่ายที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปอย่างไร
เมื่อถามว่ามองว่าบัตรแต่ละแบบมีข้อดีและข้อด้อยอย่างไรบ้าง นายสมคิดกล่าวว่า ข้อดีของบัตรเบอร์เดียวกันทั้งประเทศอย่างน้อยๆ ในการเลือกตั้งต้องให้ประชาชนเข้าใจง่ายก่อน ไม่ใช่ทำให้ประชาชนสับสนและยุ่งยาก ซึ่งหากง่ายแล้วใครได้เปรียบเสียเปรียบ ตนไม่อยากให้มองเช่นนั้น เพราะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันหมด หากเบอร์เดียวกันก็พูดประโยคเดียวกัน ซึ่งก็เหมือนกันทุกพรรค อยู่ที่ว่าประชาชนจะเลือก หรือไม่เลือกก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนข้อด้อยนั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าจะไปขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 ของรัฐธรรมนูญปี’60 แต่เราก็สามารถเขียนให้มีทางออกได้ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็รับทราบเรื่องนี้อยู่
“ส่วนที่มีคนระบุว่าเพื่อไทยจะไปเกรงอะไรกับผู้สมัครเขตเบอร์หนึ่ง พรรคอีกเบอร์หนึ่ง ซึ่งพรรคก็ไม่ได้เกรง แต่อะไรที่ง่ายกว่า บัตรเสียน้อยกว่ากัน ต้องมาคุยกันก่อนว่าประชาชนไม่ได้มีแค่คนที่มีความรู้อยู่ใน กทม.อย่างเดียว ประชาชนที่อยู่ในชนบทบางคนขาดฐานความรู้ ความสับสนก็เกิดขึ้นได้ ฉะนั้น เราจะทำให้สับสนทำไม” นายสมคิดกล่าว