สวัสดีครับ ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ คือ ปัญหาชีวิตของผมทั้งหมด อยากขอความเห็น คำปรึกษากับทุกท่านครับ อาจจะยาวหน่อยนะครับ
ขอเกริ่นก่อนว่าตัวผมเป็นทอมนะครับ เป็นเพศที่ 3 และครอบครัวที่บ้านค่อนข้างลำบาก ไม่ใช่คนรวย ไม่ใช่คนมีเงิน
เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชายเมื่อก่อนเคยติดยา ตั้งแต่สมัย ม.ต้น คบเพื่อนไม่ดี แอบสูบกัญชา พ่อจับได้ก็ตี ฟาด ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น
พอขึ้น ปวช. ก็พาเพื่อนมาเป็น 10 คน หมกอยู่ในห้อง สูบกัญชา เสพยาไอซ์ แม่รู้ทุกอย่าง แต่ก็ได้แค่พูดเตือน แล้วก็บอกว่าอย่าให้พ่อแกรู้ เดี๋ยวจะมีปัญหา
พี่ชายผม ไม่เคยดึงตัวเองออกมาจากสังคมแบบนั้น
และเมื่อจบ ปวช. มันก็ไปเป็นไรเดอร์ ขับรถส่งอาหารที่พิซซ่าค่ายแดง ก็โดนตำรวจรวบเรื่องเจอกัญชาในกระเป๋า ตกดึกมันโทรมาหาแม่ บอกว่าขอเงินประกันตัวหน่อย ถ้าตำรวจไม่ได้เงินคืนนี้ มันต้องไปศาล แล้วก็ติดคุก
แม่ก็เลยบอกพ่อ พ่อก็ด่า แต่ก็เคลียร์กับตำรวจ ขอลดเงินที่ต้องจ่ายตรงนั้น จากหมื่นกว่าบาท เหลือแค่ไม่กี่พัน
ปี 2558 พ่อย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัด ภาระในบ้านพ่อเป็นคนจ่าย ผมช่วยออกนิดหน่อย แต่พี่ผมไม่เคยออกเลยสักบาท พ่อมาที่บ้านอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็นานๆมาที จนไม่มาอีกเลย แต่ก็ยังติดต่อคุยกันอยู่ปกติ แต่เค้าเลิกกับแม่ไปแล้วนะครับ
พ่อไม่อยู่ ก็เริ่มเข้าทางมันเลย เพราะไม่มีคนคอยคุม แล้วก็เริ่มเหลวไหล ทำงานได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ออก เปลี่ยนที่ทำงานบ่อย แม่ก็ว่าผม จะไปว่าอะไรมันนักหนา รู้อยู่งานมันหายาก จนมีอยู่ช่วงนึงอยู่บ้านเฉยๆ แม่ให้มันเอาบัตร atm ผมไปกดเงิน มันก็กดตามที่แม่บอก แต่รอบที่สอง ก็แอบกดออกมาอีกยอดนึง ผมเช็คในแอพธนาคาร ก็เห็นว่ายอดมันถูกถอน 2 ยอด เลยโทรถามธนาคารว่า ยอดที่กดมา คือกดที่ตู้ระแวกไหน จนท.ก็บอกว่ากดจากที่.... แถวบ้านผมเอง แล้วก็มีขโมยเงินผมอีกสองครั้ง
หลังจากนั้น ปี 2560 เรา 3 คนแม่ลูกก็ย้ายไป เพราะพ่อติดค่าเช่าบ้านที่เก่าจนเค้าไล่ออก กลายเป็นว่าภาระทุกอย่างผมต้องจ่ายคนเดียว ถึงแม้พี่ผมจะไปทำงานที่ใหม่เป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหารของร้านไก่ทอด KF... พอทำงานที่ร้านไก่ ก็โดนตำรวจรวบ ตรวจฉี่เจอสารเสพติด โทรมาขอเงินประกันตัวอีกตามเคย แต่ครั้งนี้ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แล้วก็ยืนยันที่จะไม่ช่วย นั่นแหละครับ ขึ้นศาล โดนบำบัด 3 เดือน พอออกมาก็ตกงานอีกตามเคย อยู่บ้านเฉยๆ
ปี 2561 แม่ผมป่วย เข้ารพ. ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง แม่เป็นคนสูบบุหรี่ค่อนข้างจัด ช่วงนั้นผมออกจากงานพอดี เลยไปดูแลแม่ที่รพ. เพราะแม่แอดมิดนานพอสมควร พี่ชายมาเยี่ยมครั้งเดียว และแม่บอกว่าไม่ต้องมาหรอก
แล้วก็มีอยู่วันนึง ผมต้องกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า เข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่เห็นคือ บ้านรกมาก เจอถุงซิปยาไอซ์วางอยู่บนตู้ทีวี ร้องไห้สิครับ โทรหาแม่ โทรหาพ่อ บอกพ่อให้ช่วยหน่อย กลับบ้านมาก่อนได้ไหม ผมต้องไปเฝ้าแม่ที่รพ. พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ไป ผมก็เก็บบ้านเก็บของ กลับไปเฝ้าแม่ จนแม่หาย ก็กลับบ้านกัน
ช่วงแม่หายป่วย พี่ชายผมได้งานที่พิซซ่าค่ายเขียว ก็ทำตัวดีขึ้นหน่อย หมอนัดก็พาแม่ไปรพ. ไปเอายาให้แม่ เหมือนจะดีนะครับ แต่สุดท้ายก็วนที่ลูปเดิม
เพื่อนมันใช้ให้ไปเอาใบกระท่อม 100ใบ แล้วก็โดนตำรวจจับเหมือนเดิม สุดท้ายก็เข้าเรือนจำ รอบนี้กี่เดือนไม่รู้ ผมจำไม่ได้
หลังจากนั้นออกมา ถือเป็นเรื่องโชคดี อยู่ๆก็มีรุ่นพี่มัน ติดต่อให้มันไปทำงานเป็นไรเดอร์ขับส่งอาหารของร้าน S&.... แม่ก็ตกลงกับมันว่า ต่อไปเงินเดือนออกต้องช่วยน้องนะ ทุกอย่างหาร 2 มันก็โอเค ผมก็สบายใจ แต่ในระหว่างที่ทำงานก็ยังคงยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เอาใบกระท่อมมาต้มที่บ้านไปให้รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้า ไปเอาใบกระท่อมให้เค้า เอาน้ำท่อมจากสาขาที่มันอยู่ ไปให้รุ่นพี่อีกคนที่สาขาอื่น แต่ก็ยังดีที่ตั้งใจทำงาน แม่ก็บ่นก็ด่าแหละครับ แต่มันก็ไม่ฟัง
แล้วมันก็คบกับผญในที่ทำงาน ผญคนนี้ผมก็รู้จัก เพราะเคยเจอที่ร้านเหล้า ก็เหมือนจะดีนะครับ ชีวิตดูลงตัวขึ้นเยอะ
แต่ไม่นานนัก ช่วงปี 2562 มันโดนจับเรื่องค้ายาไอซ์ น่าจะโดนผญคนนึงล่อซื้อ และที่หนักสุดคือโดนยึดรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วย รอบนี้มันไม่ยอมบอกผมกับแม่ แต่โทรหาแฟนบอกว่าโดนจับ แฟนมันโทรหาผม ก็เลยพากันไปที่สน. ซื้อข้าวซื้อน้ำให้มันกิน แม่ก็ร้องไห้ บอกว่าทำแบบนี้ทำไม เงินไม่พอใช้ทำไมไม่บอก อีกแค่ 3 วันเงินเดือนก็ออกแล้ว ทำไมทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ มันก็บอกว่ามันโดนล่อซื้อ นั่นแหละครับ วันขึ้นศาลผมกับแม่ก็ไม่ได้ไป เพราะเราไม่มีเงินค่ารถ ศาลตัดสิน 2 ปีกว่า
ระหว่างที่มันอยู่ในเรือนจำแม่ก็ส่งจดหมายเขียนหามันตลอด มีไปเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่บ่อยเพราะไม่มีเงินค่ารถไป ใจความเนื้อหาในจดหมายมันก็บอกว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง อยู่แต่ในห้องสมุด อ่านหนังสือ ไม่ค่อยมีไรทำเท่าไหร่ แล้วก็บอกว่าออกไปจะตั้งใจทำงาน สงสารแม่ สงสารน้อง อยากช่วยน้อง จะหาเงินให้ได้เยอะๆเอาไว้ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน มันได้เป็นนักโทษชั้นดี ได้อภัยโทษหลายครั้ง แล้วก็ทำเรื่องพักโทษด้วย แม่ก็ดีใจอยากให้มันออกมาเร็วๆ นับวันนับเดือนรอ
เดือนมีนาคม ปี 2564 ผมกับแม่ไปรับมันกลับมา เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย พูดจาดี ไม่เคยด่าหรือเถียงแม่เลย
แม่ก็คุยกับมันว่าจะเอายังไงต่อ มันก็บอกว่าเพื่อนๆมันที่ออกไป เดี๋ยวนี้ทำงานเป็นไรเดอร์ค่ายเขียว ค่ายชมพูกันหมด มันอยากทำ เห็นเพื่อนบอกว่าวิ่งงานแล้วได้เงินดี แม่บอกว่าแต่เงินมันไม่แน่นอนอยากให้ทำที่เดิม ที่ S&.....
แต่จะทำงานได้ยังไง รถโดนยึดไปตอนมันโดนจับ ผมก็เลยต้องโทรหาพ่อ ขอความช่วยเหลือ บอกว่าต้องออกรถให้มันขับ มันจะได้เอาไว้ทำงาน พ่อก็ช่วยโอนเงินมาให้ แถมยังเอาโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้มันอีก
ออกมาได้แค่ 1 วัน รุ่งขึ้นผมก็พามันไปออกมอไซค์คันใหม่ ชื่อรถเป็นชื่อผม แต่มันเป็นคนผ่อน ที่ต้องใช้ชื่อผมเพราะว่าในใจผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกลับตัวได้ ผมกลัวมันไปโดนจับแล้วโดนยึดรถอีก และผมยังให้หมวกกันน็อค HJC กับนาฬิกาเรือนเก่าของผม
ทีนี้ได้รถแล้ว มันก็ลองติดต่อขอพี่ๆที่เป็นหัวหน้า S&..... กลับไปทำ เค้าบอกโอเคๆ มาเลยรอยู่ ก็ได้กลับไปทำอยู่ประมาณเกือบๆ 1 อาทิตย์ ที่ทำงานก็บอกว่าทางสำนักงานใหญ่แจ้งว่าชื่อติดแบล็คลิส กลับมาทำไม่ได้แล้ว
หลังจากนั้นมันก็ไปสมัครเป็นไรเดอร์ค่ายสีชมพู ก็ดูตั้งใจทำงานดี แต่พอหลังๆเหมือนมันลดค่ารอบ วิ่งไกลแต่ได้เงินน้อย ก็เลยไปสมัครเป็นไรเดอร์ค่ายสีเหลืองม่วง มันก็สบายใจเพราะบอกว่าเงินดีกว่าเยอะเลย เพิ่งออกมาอะไรก็ดีไปหมด แรกๆก็หาร 2 เรื่องภาระในบ้าน จ่ายตรงเวลา
หลังๆเริ่มติดเพื่อน ชอบพากันไปนั่งกินน้ำท่อมผสมยาแก้ไอ บางทีก็สูบกัญชาถ่ายลงสตอรี่เฟสบุ๊ค แม่เค้าก็ด่ามันบอกว่าทำไมต้องโพสประจารตัวเอง ไม่เข็ดหรอ ก็มีทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่จ่ายภาระทางบ้านตรงต่อเวลา แม่ก็ไม่ว่าอะไร
(ภาระทางบ้านคือ ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซื้อของเข้าบ้าน) *แต่ไม่รวมค่ากับข้าวต่อวัน และไม่รวมเงินที่ต้องให้แม่ไว้ใช้ส่วนตัว* ค่ากับข้าวต่อวัน ผมเป็นคนจ่ายทั้งหมด
พอออกมาเจอโลกภายนอก เจอสิ่งล่อตาล่อใจ มันก็เปลี่ยนไปเป็นคนเดิมที่มันเคยเป็น พาเพื่อนมาบ้าน สูบกัญชา เสพยา บางวันดีดมากๆ ไม่หลับไม่นอน เดินขึ้นๆลงๆบ้านทั้งคืน แม่เรียกกินข้าวก็ไม่ยอมกินเลย พอหมดฤทธิ์ยา ก็กินอย่างกับควายหายทั้งตัว กินไม่เหลือแบ่งถึงคนข้างหลัง
แม่กับมันทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องกินข้าว เพราะแม่ทำกับข้าวทีนึง เค้าเหนื่อยมาก เพราะเค้าเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เค้าไม่ได้ไปหาหมอ ไม่มียากิน ไม่มียาพ่น เค้าทำกับข้าว 1 ครั้ง ปกติถ้าอยู่กับผมสองคน คือกินได้ทั้งวัน
ทีนี้ก็เริ่มทะเลาะกันเรื่อง กินมาก กูกินน้อย กินเยอะเงินค่ากับข้าวไม่ออกสักบาท มันก็ตีความหมายว่า แม่กับน้องหวงกิน ไม่อยากให้มันกิน เพราะมันไม่ออกเงิน
แต่จริงๆคือไม่ใช่ครับ ผมกับแม่ต้องการให้มันมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ค่าอาหารแชร์กันบ้าง กินก็เหลือเผื่อเก็บบ้าง ไม่ใช่เจอของอร่อยของโปรดจะซัดมื้อเดียวให้หมดเลย ครอบครัวเราลำบาก จะกินจะใช้ก็ต้องประหยัด
ทุกวันนี้ก็ยังทะเลาะเหมือนเดิม วิ่งงานได้แป้บๆก็เข้าบ้าน บ่นร้อน ขึ้นบ้านไปนอน ตื่นมาตอนเย็นขี้เกียจไปวิ่งงานก็นอนชิลเลย ไม่ไปทำงาน เป็นแบบนี้อยู่ครึ่งเดือนได้ พอใกล้จะสิ้นเดือนก็จะตาลีตาเหลือกไปวิ่งงานเพราะต้องหาเงินมาจ่ายภาระทางบ้านและค่าผ่อนรถ จนหลังๆแม่พูดว่าไม่คิดจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้หรอ วันๆจะทำงานแค่ให้พอจ่ายภาระแล้วก็ไม่ทำงานแล้วแค่นี้หรอ เผื่อวันนึงป่วยเข้ารพ. หรือรถเสียจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย มันก็เถียงว่าทุกวันนี้ก็ทำงานหาเงินให้แม่อยู่นี่ไง แต่ไม่เลยครับแม่ไม่เคยได้เงินมันสักบาทเดียว ค่ากับข้าวต่อวันก็ไม่เคยจ่าย
แล้วมันก็ไปคบผญคนนึง มีลูกติดมีผัวอยู่แล้ว ผัวเค้าก็มาท้าต่อย ก็เลยบ้าจี้ไปต่อยกับเค้า แล้วมันก็ไม่กลับบ้าน 2 วัน แม่เป็นห่วงมาก เลยโทรไปหามัน มันไม่รับสาย พอโทรอีกก็เลยรับ บอกว่ารถชน มันขับไปชนผญคนนึง รถผญชุดสีแตก ขอเงินแม่ 1500 แม่บอกมีไม่ถึง มีแค่ 1200 แม่ก็งงๆเบลอๆเพราะตื่นกลางดึก แล้วก็โอนไปให้มัน พอกลับบ้านมาตอนตี 4 มันพาเพื่อนผชมาบ้านด้วย แม่ถามว่าหมวกกันน็อคหายไปไหน มันบอกทำหาย แล้วก็เดินมาจะหยิบกล่องนาฬิกาบนโต๊ะทำงานผมไปใส่ แม่บอกว่าเอาไปทำไมของน้อง แล้วเรือนที่น้องให้ไปไหน มันก็บอกว่าทำหาย
หลังจากนั้นผมไปนอนบ้านแฟน 5 วัน แม่โทรมาบอกว่าเพื่อนมันไม่ยอมกลับ บอกจะไปๆ ก็ไม่ไป ให้ผมกลับมาไล่เพื่อนมัน เพราะพี่ผมไม่ยอมไปทำงาน อยู่แต่ในห้องกับเพื่อน ไปวิ่งงานแป้บๆก็กลับมาพร้อมข้าวกล่อง ซื้อมาให้เพื่อนกิน
ผมเลยโทรหามันบอกว่าให้เอาเพื่อนออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลับกูจะแจ้งตำรวจ มันคงไปทำไรมาสักอย่างพอได้ยินคำว่าตำรวจก็กลัว วางสายแล้วพากันเดินลงมาแล้วกลับไป
แล้วเมื่อวานนี้มันก็เอาอีกแล้ว 24 มีค.65 ออกไปวิ่งงานตอนเช้า กลับมา 4 ทุ่ม เที่ยงคืนเดินลงมาบอกจะออกไปวิ่งงาน แม่ก็ว่าจะไปวิ่งทำไมเวลาคนเค้านอน มีคนสั่งก็จริงแต่มันจะได้สักกี่บาท ถ้าเผื่อรถเสียยางแตกน้ำมันหมด จะหาอู่หาปั๊มที่ไหน มันก็เถียงแต่ไม่ได้ออกไป
สุดท้ายก็ออกไปตอนตี 3 บอกแม่ว่าได้ออเดอร์กดรับงานแล้ว จะไปวิ่งงาน แล้วก็เข้าบ้านมาตอน 9โมงเช้า ได้มา 200 กว่าบาท และก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปเลย 3000 แล้วก็เดินขึ้นๆลงๆบ้านไม่ยอมนอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน
จนวันนี้ 25 มีค.65 มานอนตอนบ่าย 3 แล้วมันก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างล่าง ผมถือวิสาสะเปิดเข้าแอพธนาคารมัน มียอดเงินอยู่ 13 บาท อีก 6 วันต้องจ่ายค่าบ้านแล้ว จะหาเงินจากไหนทัน ผมเลยยื่นให้แม่ดูว่า เนี่ยเหลืออยู่ 13 บาท จะเอาอะไรมาโอนให้ 3พัน เงินกองกลางตอนนี้มีอยู่แค่ 1500 เอง สิ้นเดือนนี้ไม่มีทางครบหรอก
แม่ก็ตะโกนเรียกมันตอนหกโมงเย็นให้มันลงมาคุย แม่ก็ถามว่าเงินไปไหนหมด ฉันเข้าไปดูในบัญชีแก มันบอกว่าแล้วเอาโทรศัพท์มันไปทำไม แม่บอกไม่ได้เอาไป แกมาวางลืมไว้บนโต๊ะกินข้าวเอง แล้วก็ด่ากันเถียงกัน
ผมทนไม่ไหวเลยพูดว่า สิ้นเดือนนี้หาเงินไม่ได้กูก็ออกคนเดียวอีก รถเป็นชื่อกูหาเงินไม่ทันก็ต้องกูอีก กูเบื่อเต็มทนละ ไสหัวไปอยู่ข้างนอกเถอะ ถ้ารับผิดชอบครอบครัวไม่ได้อะ เดี๋ยวกูจะหาห้องเช่าอยู่กับแม่สองคนเอง โอนรถเป็นชื่อไปเลย จ่ายตรงจ่ายช้าขาดส่งไปขึ้นศาลเอาเอง กูรับภาระหนักๆคนเดียวมากี่ปีแล้วตอนไม่อยู่ อยู่ข้างในเรือนจำเขียนจดหมายซะดิบดีจะตั้งใจทำงาน จะหาเงิน จะช่วยน้อง จะเลี้ยงแม่ ไหนอะ กูไม่เห็นทำเลย ปากบอกจะโอนให้ 3พัน พรุ่งนี้ ไหนอะ จะหาจากไหน งานอิสระวิ่งตอนไหนก็ได้แต่ไม่มีวินัยเลย
แล้วมันก็เดินหนีขึ้นห้องไปเลย
ที่พูดมาทั้งหมด อาจจะมองว่าเป็นเรื่องเงินๆทองๆ แต่ไม่ใช่นะครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่กับผมกับแม่ ออกไปอยูคนเดียว มันก็ควรจะมีความรับผิดชอบ มีวินัยในการทำงาน
ผมอยากขอความเห็นหน่อยครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ผมควรทำยังไงต่อ ใจก็อยากจะโทรแจ้งมาตำรวจให้มาจับมันไป แต่แม่ก็ไม่ยอม
หนักใจกับพี่ชายที่ติดยา
ขอเกริ่นก่อนว่าตัวผมเป็นทอมนะครับ เป็นเพศที่ 3 และครอบครัวที่บ้านค่อนข้างลำบาก ไม่ใช่คนรวย ไม่ใช่คนมีเงิน
เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชายเมื่อก่อนเคยติดยา ตั้งแต่สมัย ม.ต้น คบเพื่อนไม่ดี แอบสูบกัญชา พ่อจับได้ก็ตี ฟาด ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น
พอขึ้น ปวช. ก็พาเพื่อนมาเป็น 10 คน หมกอยู่ในห้อง สูบกัญชา เสพยาไอซ์ แม่รู้ทุกอย่าง แต่ก็ได้แค่พูดเตือน แล้วก็บอกว่าอย่าให้พ่อแกรู้ เดี๋ยวจะมีปัญหา
พี่ชายผม ไม่เคยดึงตัวเองออกมาจากสังคมแบบนั้น
และเมื่อจบ ปวช. มันก็ไปเป็นไรเดอร์ ขับรถส่งอาหารที่พิซซ่าค่ายแดง ก็โดนตำรวจรวบเรื่องเจอกัญชาในกระเป๋า ตกดึกมันโทรมาหาแม่ บอกว่าขอเงินประกันตัวหน่อย ถ้าตำรวจไม่ได้เงินคืนนี้ มันต้องไปศาล แล้วก็ติดคุก
แม่ก็เลยบอกพ่อ พ่อก็ด่า แต่ก็เคลียร์กับตำรวจ ขอลดเงินที่ต้องจ่ายตรงนั้น จากหมื่นกว่าบาท เหลือแค่ไม่กี่พัน
ปี 2558 พ่อย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัด ภาระในบ้านพ่อเป็นคนจ่าย ผมช่วยออกนิดหน่อย แต่พี่ผมไม่เคยออกเลยสักบาท พ่อมาที่บ้านอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็นานๆมาที จนไม่มาอีกเลย แต่ก็ยังติดต่อคุยกันอยู่ปกติ แต่เค้าเลิกกับแม่ไปแล้วนะครับ
พ่อไม่อยู่ ก็เริ่มเข้าทางมันเลย เพราะไม่มีคนคอยคุม แล้วก็เริ่มเหลวไหล ทำงานได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ออก เปลี่ยนที่ทำงานบ่อย แม่ก็ว่าผม จะไปว่าอะไรมันนักหนา รู้อยู่งานมันหายาก จนมีอยู่ช่วงนึงอยู่บ้านเฉยๆ แม่ให้มันเอาบัตร atm ผมไปกดเงิน มันก็กดตามที่แม่บอก แต่รอบที่สอง ก็แอบกดออกมาอีกยอดนึง ผมเช็คในแอพธนาคาร ก็เห็นว่ายอดมันถูกถอน 2 ยอด เลยโทรถามธนาคารว่า ยอดที่กดมา คือกดที่ตู้ระแวกไหน จนท.ก็บอกว่ากดจากที่.... แถวบ้านผมเอง แล้วก็มีขโมยเงินผมอีกสองครั้ง
หลังจากนั้น ปี 2560 เรา 3 คนแม่ลูกก็ย้ายไป เพราะพ่อติดค่าเช่าบ้านที่เก่าจนเค้าไล่ออก กลายเป็นว่าภาระทุกอย่างผมต้องจ่ายคนเดียว ถึงแม้พี่ผมจะไปทำงานที่ใหม่เป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหารของร้านไก่ทอด KF... พอทำงานที่ร้านไก่ ก็โดนตำรวจรวบ ตรวจฉี่เจอสารเสพติด โทรมาขอเงินประกันตัวอีกตามเคย แต่ครั้งนี้ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แล้วก็ยืนยันที่จะไม่ช่วย นั่นแหละครับ ขึ้นศาล โดนบำบัด 3 เดือน พอออกมาก็ตกงานอีกตามเคย อยู่บ้านเฉยๆ
ปี 2561 แม่ผมป่วย เข้ารพ. ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง แม่เป็นคนสูบบุหรี่ค่อนข้างจัด ช่วงนั้นผมออกจากงานพอดี เลยไปดูแลแม่ที่รพ. เพราะแม่แอดมิดนานพอสมควร พี่ชายมาเยี่ยมครั้งเดียว และแม่บอกว่าไม่ต้องมาหรอก
แล้วก็มีอยู่วันนึง ผมต้องกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า เข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่เห็นคือ บ้านรกมาก เจอถุงซิปยาไอซ์วางอยู่บนตู้ทีวี ร้องไห้สิครับ โทรหาแม่ โทรหาพ่อ บอกพ่อให้ช่วยหน่อย กลับบ้านมาก่อนได้ไหม ผมต้องไปเฝ้าแม่ที่รพ. พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ไป ผมก็เก็บบ้านเก็บของ กลับไปเฝ้าแม่ จนแม่หาย ก็กลับบ้านกัน
ช่วงแม่หายป่วย พี่ชายผมได้งานที่พิซซ่าค่ายเขียว ก็ทำตัวดีขึ้นหน่อย หมอนัดก็พาแม่ไปรพ. ไปเอายาให้แม่ เหมือนจะดีนะครับ แต่สุดท้ายก็วนที่ลูปเดิม
เพื่อนมันใช้ให้ไปเอาใบกระท่อม 100ใบ แล้วก็โดนตำรวจจับเหมือนเดิม สุดท้ายก็เข้าเรือนจำ รอบนี้กี่เดือนไม่รู้ ผมจำไม่ได้
หลังจากนั้นออกมา ถือเป็นเรื่องโชคดี อยู่ๆก็มีรุ่นพี่มัน ติดต่อให้มันไปทำงานเป็นไรเดอร์ขับส่งอาหารของร้าน S&.... แม่ก็ตกลงกับมันว่า ต่อไปเงินเดือนออกต้องช่วยน้องนะ ทุกอย่างหาร 2 มันก็โอเค ผมก็สบายใจ แต่ในระหว่างที่ทำงานก็ยังคงยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เอาใบกระท่อมมาต้มที่บ้านไปให้รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้า ไปเอาใบกระท่อมให้เค้า เอาน้ำท่อมจากสาขาที่มันอยู่ ไปให้รุ่นพี่อีกคนที่สาขาอื่น แต่ก็ยังดีที่ตั้งใจทำงาน แม่ก็บ่นก็ด่าแหละครับ แต่มันก็ไม่ฟัง
แล้วมันก็คบกับผญในที่ทำงาน ผญคนนี้ผมก็รู้จัก เพราะเคยเจอที่ร้านเหล้า ก็เหมือนจะดีนะครับ ชีวิตดูลงตัวขึ้นเยอะ
แต่ไม่นานนัก ช่วงปี 2562 มันโดนจับเรื่องค้ายาไอซ์ น่าจะโดนผญคนนึงล่อซื้อ และที่หนักสุดคือโดนยึดรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วย รอบนี้มันไม่ยอมบอกผมกับแม่ แต่โทรหาแฟนบอกว่าโดนจับ แฟนมันโทรหาผม ก็เลยพากันไปที่สน. ซื้อข้าวซื้อน้ำให้มันกิน แม่ก็ร้องไห้ บอกว่าทำแบบนี้ทำไม เงินไม่พอใช้ทำไมไม่บอก อีกแค่ 3 วันเงินเดือนก็ออกแล้ว ทำไมทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ มันก็บอกว่ามันโดนล่อซื้อ นั่นแหละครับ วันขึ้นศาลผมกับแม่ก็ไม่ได้ไป เพราะเราไม่มีเงินค่ารถ ศาลตัดสิน 2 ปีกว่า
ระหว่างที่มันอยู่ในเรือนจำแม่ก็ส่งจดหมายเขียนหามันตลอด มีไปเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่บ่อยเพราะไม่มีเงินค่ารถไป ใจความเนื้อหาในจดหมายมันก็บอกว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง อยู่แต่ในห้องสมุด อ่านหนังสือ ไม่ค่อยมีไรทำเท่าไหร่ แล้วก็บอกว่าออกไปจะตั้งใจทำงาน สงสารแม่ สงสารน้อง อยากช่วยน้อง จะหาเงินให้ได้เยอะๆเอาไว้ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน มันได้เป็นนักโทษชั้นดี ได้อภัยโทษหลายครั้ง แล้วก็ทำเรื่องพักโทษด้วย แม่ก็ดีใจอยากให้มันออกมาเร็วๆ นับวันนับเดือนรอ
เดือนมีนาคม ปี 2564 ผมกับแม่ไปรับมันกลับมา เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย พูดจาดี ไม่เคยด่าหรือเถียงแม่เลย
แม่ก็คุยกับมันว่าจะเอายังไงต่อ มันก็บอกว่าเพื่อนๆมันที่ออกไป เดี๋ยวนี้ทำงานเป็นไรเดอร์ค่ายเขียว ค่ายชมพูกันหมด มันอยากทำ เห็นเพื่อนบอกว่าวิ่งงานแล้วได้เงินดี แม่บอกว่าแต่เงินมันไม่แน่นอนอยากให้ทำที่เดิม ที่ S&.....
แต่จะทำงานได้ยังไง รถโดนยึดไปตอนมันโดนจับ ผมก็เลยต้องโทรหาพ่อ ขอความช่วยเหลือ บอกว่าต้องออกรถให้มันขับ มันจะได้เอาไว้ทำงาน พ่อก็ช่วยโอนเงินมาให้ แถมยังเอาโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้มันอีก
ออกมาได้แค่ 1 วัน รุ่งขึ้นผมก็พามันไปออกมอไซค์คันใหม่ ชื่อรถเป็นชื่อผม แต่มันเป็นคนผ่อน ที่ต้องใช้ชื่อผมเพราะว่าในใจผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกลับตัวได้ ผมกลัวมันไปโดนจับแล้วโดนยึดรถอีก และผมยังให้หมวกกันน็อค HJC กับนาฬิกาเรือนเก่าของผม
ทีนี้ได้รถแล้ว มันก็ลองติดต่อขอพี่ๆที่เป็นหัวหน้า S&..... กลับไปทำ เค้าบอกโอเคๆ มาเลยรอยู่ ก็ได้กลับไปทำอยู่ประมาณเกือบๆ 1 อาทิตย์ ที่ทำงานก็บอกว่าทางสำนักงานใหญ่แจ้งว่าชื่อติดแบล็คลิส กลับมาทำไม่ได้แล้ว
หลังจากนั้นมันก็ไปสมัครเป็นไรเดอร์ค่ายสีชมพู ก็ดูตั้งใจทำงานดี แต่พอหลังๆเหมือนมันลดค่ารอบ วิ่งไกลแต่ได้เงินน้อย ก็เลยไปสมัครเป็นไรเดอร์ค่ายสีเหลืองม่วง มันก็สบายใจเพราะบอกว่าเงินดีกว่าเยอะเลย เพิ่งออกมาอะไรก็ดีไปหมด แรกๆก็หาร 2 เรื่องภาระในบ้าน จ่ายตรงเวลา
หลังๆเริ่มติดเพื่อน ชอบพากันไปนั่งกินน้ำท่อมผสมยาแก้ไอ บางทีก็สูบกัญชาถ่ายลงสตอรี่เฟสบุ๊ค แม่เค้าก็ด่ามันบอกว่าทำไมต้องโพสประจารตัวเอง ไม่เข็ดหรอ ก็มีทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่จ่ายภาระทางบ้านตรงต่อเวลา แม่ก็ไม่ว่าอะไร
(ภาระทางบ้านคือ ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซื้อของเข้าบ้าน) *แต่ไม่รวมค่ากับข้าวต่อวัน และไม่รวมเงินที่ต้องให้แม่ไว้ใช้ส่วนตัว* ค่ากับข้าวต่อวัน ผมเป็นคนจ่ายทั้งหมด
พอออกมาเจอโลกภายนอก เจอสิ่งล่อตาล่อใจ มันก็เปลี่ยนไปเป็นคนเดิมที่มันเคยเป็น พาเพื่อนมาบ้าน สูบกัญชา เสพยา บางวันดีดมากๆ ไม่หลับไม่นอน เดินขึ้นๆลงๆบ้านทั้งคืน แม่เรียกกินข้าวก็ไม่ยอมกินเลย พอหมดฤทธิ์ยา ก็กินอย่างกับควายหายทั้งตัว กินไม่เหลือแบ่งถึงคนข้างหลัง
แม่กับมันทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องกินข้าว เพราะแม่ทำกับข้าวทีนึง เค้าเหนื่อยมาก เพราะเค้าเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เค้าไม่ได้ไปหาหมอ ไม่มียากิน ไม่มียาพ่น เค้าทำกับข้าว 1 ครั้ง ปกติถ้าอยู่กับผมสองคน คือกินได้ทั้งวัน
ทีนี้ก็เริ่มทะเลาะกันเรื่อง กินมาก กูกินน้อย กินเยอะเงินค่ากับข้าวไม่ออกสักบาท มันก็ตีความหมายว่า แม่กับน้องหวงกิน ไม่อยากให้มันกิน เพราะมันไม่ออกเงิน
แต่จริงๆคือไม่ใช่ครับ ผมกับแม่ต้องการให้มันมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ค่าอาหารแชร์กันบ้าง กินก็เหลือเผื่อเก็บบ้าง ไม่ใช่เจอของอร่อยของโปรดจะซัดมื้อเดียวให้หมดเลย ครอบครัวเราลำบาก จะกินจะใช้ก็ต้องประหยัด
ทุกวันนี้ก็ยังทะเลาะเหมือนเดิม วิ่งงานได้แป้บๆก็เข้าบ้าน บ่นร้อน ขึ้นบ้านไปนอน ตื่นมาตอนเย็นขี้เกียจไปวิ่งงานก็นอนชิลเลย ไม่ไปทำงาน เป็นแบบนี้อยู่ครึ่งเดือนได้ พอใกล้จะสิ้นเดือนก็จะตาลีตาเหลือกไปวิ่งงานเพราะต้องหาเงินมาจ่ายภาระทางบ้านและค่าผ่อนรถ จนหลังๆแม่พูดว่าไม่คิดจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้หรอ วันๆจะทำงานแค่ให้พอจ่ายภาระแล้วก็ไม่ทำงานแล้วแค่นี้หรอ เผื่อวันนึงป่วยเข้ารพ. หรือรถเสียจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย มันก็เถียงว่าทุกวันนี้ก็ทำงานหาเงินให้แม่อยู่นี่ไง แต่ไม่เลยครับแม่ไม่เคยได้เงินมันสักบาทเดียว ค่ากับข้าวต่อวันก็ไม่เคยจ่าย
แล้วมันก็ไปคบผญคนนึง มีลูกติดมีผัวอยู่แล้ว ผัวเค้าก็มาท้าต่อย ก็เลยบ้าจี้ไปต่อยกับเค้า แล้วมันก็ไม่กลับบ้าน 2 วัน แม่เป็นห่วงมาก เลยโทรไปหามัน มันไม่รับสาย พอโทรอีกก็เลยรับ บอกว่ารถชน มันขับไปชนผญคนนึง รถผญชุดสีแตก ขอเงินแม่ 1500 แม่บอกมีไม่ถึง มีแค่ 1200 แม่ก็งงๆเบลอๆเพราะตื่นกลางดึก แล้วก็โอนไปให้มัน พอกลับบ้านมาตอนตี 4 มันพาเพื่อนผชมาบ้านด้วย แม่ถามว่าหมวกกันน็อคหายไปไหน มันบอกทำหาย แล้วก็เดินมาจะหยิบกล่องนาฬิกาบนโต๊ะทำงานผมไปใส่ แม่บอกว่าเอาไปทำไมของน้อง แล้วเรือนที่น้องให้ไปไหน มันก็บอกว่าทำหาย
หลังจากนั้นผมไปนอนบ้านแฟน 5 วัน แม่โทรมาบอกว่าเพื่อนมันไม่ยอมกลับ บอกจะไปๆ ก็ไม่ไป ให้ผมกลับมาไล่เพื่อนมัน เพราะพี่ผมไม่ยอมไปทำงาน อยู่แต่ในห้องกับเพื่อน ไปวิ่งงานแป้บๆก็กลับมาพร้อมข้าวกล่อง ซื้อมาให้เพื่อนกิน
ผมเลยโทรหามันบอกว่าให้เอาเพื่อนออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลับกูจะแจ้งตำรวจ มันคงไปทำไรมาสักอย่างพอได้ยินคำว่าตำรวจก็กลัว วางสายแล้วพากันเดินลงมาแล้วกลับไป
แล้วเมื่อวานนี้มันก็เอาอีกแล้ว 24 มีค.65 ออกไปวิ่งงานตอนเช้า กลับมา 4 ทุ่ม เที่ยงคืนเดินลงมาบอกจะออกไปวิ่งงาน แม่ก็ว่าจะไปวิ่งทำไมเวลาคนเค้านอน มีคนสั่งก็จริงแต่มันจะได้สักกี่บาท ถ้าเผื่อรถเสียยางแตกน้ำมันหมด จะหาอู่หาปั๊มที่ไหน มันก็เถียงแต่ไม่ได้ออกไป
สุดท้ายก็ออกไปตอนตี 3 บอกแม่ว่าได้ออเดอร์กดรับงานแล้ว จะไปวิ่งงาน แล้วก็เข้าบ้านมาตอน 9โมงเช้า ได้มา 200 กว่าบาท และก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปเลย 3000 แล้วก็เดินขึ้นๆลงๆบ้านไม่ยอมนอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน
จนวันนี้ 25 มีค.65 มานอนตอนบ่าย 3 แล้วมันก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างล่าง ผมถือวิสาสะเปิดเข้าแอพธนาคารมัน มียอดเงินอยู่ 13 บาท อีก 6 วันต้องจ่ายค่าบ้านแล้ว จะหาเงินจากไหนทัน ผมเลยยื่นให้แม่ดูว่า เนี่ยเหลืออยู่ 13 บาท จะเอาอะไรมาโอนให้ 3พัน เงินกองกลางตอนนี้มีอยู่แค่ 1500 เอง สิ้นเดือนนี้ไม่มีทางครบหรอก
แม่ก็ตะโกนเรียกมันตอนหกโมงเย็นให้มันลงมาคุย แม่ก็ถามว่าเงินไปไหนหมด ฉันเข้าไปดูในบัญชีแก มันบอกว่าแล้วเอาโทรศัพท์มันไปทำไม แม่บอกไม่ได้เอาไป แกมาวางลืมไว้บนโต๊ะกินข้าวเอง แล้วก็ด่ากันเถียงกัน
ผมทนไม่ไหวเลยพูดว่า สิ้นเดือนนี้หาเงินไม่ได้กูก็ออกคนเดียวอีก รถเป็นชื่อกูหาเงินไม่ทันก็ต้องกูอีก กูเบื่อเต็มทนละ ไสหัวไปอยู่ข้างนอกเถอะ ถ้ารับผิดชอบครอบครัวไม่ได้อะ เดี๋ยวกูจะหาห้องเช่าอยู่กับแม่สองคนเอง โอนรถเป็นชื่อไปเลย จ่ายตรงจ่ายช้าขาดส่งไปขึ้นศาลเอาเอง กูรับภาระหนักๆคนเดียวมากี่ปีแล้วตอนไม่อยู่ อยู่ข้างในเรือนจำเขียนจดหมายซะดิบดีจะตั้งใจทำงาน จะหาเงิน จะช่วยน้อง จะเลี้ยงแม่ ไหนอะ กูไม่เห็นทำเลย ปากบอกจะโอนให้ 3พัน พรุ่งนี้ ไหนอะ จะหาจากไหน งานอิสระวิ่งตอนไหนก็ได้แต่ไม่มีวินัยเลย
แล้วมันก็เดินหนีขึ้นห้องไปเลย
ที่พูดมาทั้งหมด อาจจะมองว่าเป็นเรื่องเงินๆทองๆ แต่ไม่ใช่นะครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่กับผมกับแม่ ออกไปอยูคนเดียว มันก็ควรจะมีความรับผิดชอบ มีวินัยในการทำงาน
ผมอยากขอความเห็นหน่อยครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ผมควรทำยังไงต่อ ใจก็อยากจะโทรแจ้งมาตำรวจให้มาจับมันไป แต่แม่ก็ไม่ยอม