JJNY : เครียดธุรกิจฝืดเคือง คว้าปืนยิงขมับ│สำรวจร้านโชห่วย│หมอธีระย้ำโอมิครอนยังระบาดหนัก│เผยรัสเซียใช้ระเบิดดาวกระจาย

เจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเครียดธุรกิจฝืดเคือง คว้าปืนยิงขมับตัวเองเสียชีวิตคาห้องนอน
https://siamrath.co.th/n/330340
 
 
วันที่ 12 มี.ค.65 จากการเปิดเผยของ ร.ต.อ.พิเชษฐ ปฤกษา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 มี.ค.65 ได้รับแจ้งมีเหตุ คนใช้อาวุธปืน ยิงตัวเองเสียชีวิต เหตุเกิดภายในบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ถนนปทุมสายใน (ใกล้เคียงทางเข้าเทศบาลตำบลบางหลวง) ม.3 ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ.ศุภชัย ภาวงศ์ รอง สวป.ฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง พร้อมประสานแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศตร์ กระทรวงยุติธรรม
  
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง บริเวณชั้น 3 ภายในห้องนอนพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายนพวุฒิ ศุภมงคลดี อายุ 29 ปี บ้านเดิมอยู่พุทธมณฑลสาย2 ซอย21 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร สภาพศพนอนตะแคงจมกองเลือด ใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ยี่ห้อคิมเบอร์ ตกอยู่ 1 กระบอก และในแม็กกาซีนมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ 1 นัด ตรวจสอบภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้ นอกจากที่กระจกใกล้ระเบียงมีรูกระสุนทำให้กระจกเป็นรูแตกร้าว จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบรูกระสุนเข้าขมับขวาทะลุซ้าย ก่อนมอบศพให้มูลนิธิปอเต็กตึ้ง นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง
  
ด้านร.ต.อ.พิเชษฐ ปฤกษา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี บอกว่า เบื้องต้นจากการสอบถาม น.ส.อรุณทิพย์ ศิลป์ประคอง อายุ 31 ปี แฟนผู้เสียชีวิต ให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุแฟนตนและทุกคนก็นั่งกินข้าวอยู่ชั้นล่าง เสร็จแล้วแฟนตนก็เดินขึ้นไปข้างบน และขณะที่ตนอยู่ข้างล่างพร้อมกับแม่บ้านสักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดมาจากชั้นบน จึงรีบวิ่งขึ้นไปดูก็พบแฟนตนเองยิงตัวตาย จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจและกู้ภัย ส่วนสาเหตุคาดว่าแฟนตนอาจจะเครียดเรื่องงานที่ช่วงนี้เศรษฐกิจฝืดเคืองจนทำให้เริ่มมีอาการคล้ายโรคซึมเศร้าและที่สำคัญแฟนตนเป็นคนชอบปืนมักจะไปซ้อมยิงปืนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ แต่ก็ไม่คิดว่าแฟนตนจะมาคิดสั้นก่อเหตุดังกล่าว
 


สำรวจร้านโชห่วย ผลกระทบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปรับขึ้นราคาขายส่ง
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/167867
  
สำรวจร้านโชห่วย หลังมีข่าวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปรับขึ้นราคาส่ง แม่ค้าเผยยอมกำไรน้อยหากผู้ผลิตขึ้นราคาไม่มาก แต่ถ้าเกินรับไหว ก็ต้องขยับราคาสินค้าขึ้นตาม
 
หลังมีข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขอขยับราคาขายส่งขึ้น เพราะต้นทุนแพงขึ้น กลายเป็นกระแสที่ผู้บริโภคจับตามอง ว่าราคาขายปลีกจะขึ้นราคาตามหรือไม่  เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถือเป็นอาหารขวัญใจผู้บริโภคยามทุกข์ยาก โดยเฉพาะช่วงข้าวยากหมากแพง
 
ผู้สื่อข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าปลีก หลังผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแจ้งขอปรับราคาขายส่งขึ้นเฉลี่ย 0.083 สตางค์ต่อซอง
 
นางสาววันดี เจริญสุข  เจ้าของร้านค้าปลีกในซอยวิภาวดีซอย 3 ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าทางผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 แบรนด์ ขอปรับราคาขึ้น ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการตรึงราคาสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
 
หากมีการขึ้นราคาจากผู้ผลิตจริง ร้านขายส่งที่ตัวเองซื้อประจำคงต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นร้านขายปลีกที่ไปซื้อสินค้ามาขายอีกทอดหนึ่ง ก็คงต้องขึ้นราคาตาม จากเดิมขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองเล็กในราคาซองละ 6 บาทมานับสิบปี อาจต้องปรับเป็นซองละ 7 บาท
 
“ถ้าไม่ได้ขึ้นมากจนเกินไป สมมติกล่องนึง 150 ขอเป็น 155 เราก็ต้องขายราคาเดิม 6 บาทค่ะ ไม่อยากเอาเปรียบประชาชนเหมือนกัน เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็กำไรน้อยหน่อยก็คือขึ้นกับเรา ช่างมันเหอะ แต่ถ้าขึ้นมากกว่านั้น ขึ้นไปต่อห่อละ 1 บาท เราก็ต้องเพิ่มเป็น 7 บาท เพราะว่าเราจะอยู่ไม่ได้” นางสาววันดี กล่าว
 
หากราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นราคาจริง นางสาววันดี กล่าวว่า ยังคงมองว่าความนิยมของผู้บริโภคคงเท่าเดิม เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีราคาย่อมเยา และสะดวกในการบริโภคมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงในทุกวันนี้
 
อย่างไรก็ตาม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังจำหน่ายในราคาเดิม ซองละ 6 บาท เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุมโดยกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ไม่สามารถขึ้นราคาได้ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
 


หมอธีระ ย้ำ โอมิครอน ยังระบาดหนักในไทย ขณะยุโรปผู้ป่วยเพิ่มอีกระลอก
https://www.nationtv.tv/news/378866449

หมอธีระ ยืนยันโควิด-19 สาบพันธุ์โอมิครอน ยังระบาดหนักในไทยและเอเซีย ขณะยุโรปเริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มอีกระลอก แนะต้องเร่งการป้องกันก่อนปะทุรุนแรง
 
12 มีนาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” เผยข้อมูลการติดเชื้อโอมิครอน ของประเทศไทย อยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่ยุโรปเริ่มกลับมาติดเชื้ออีกระลอก มีเนื้อหาดังนี้..
 
12 มีนาคม 2565 ทะลุ 455 ล้าน 
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,673,729 คน ตายเพิ่ม 5,703 คน รวมแล้วติดไปรวม 455,034,353 คน เสียชีวิตรวม 6,057,369 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน เวียดนาม สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
 
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 96.34 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 97.96
 
ในขณะที่ยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 47.78 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 37.41
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
 
สถานการณ์ระบาดของไทย 
 
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 12 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน 63 คน สูงเป็นอันดับ 22 ของโลก
  
แนวโน้มการระบาดในปัจจุบัน
 
ทวีปยุโรปกลับมาขาขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ยกเลิกมาตรการป้องกัน (ดังรูปที่ 1) เทียบกันดูทั่วโลก (ดังรูปที่ 2) จะพบว่าตอนนี้มีทวีปยุโรปและเอเชียที่ไต่ขึ้น ทั้งนี้ยุโรปคือการกลับมาระบาดรุนแรงซ้ำ ส่วนเอเชียนั้นยังเป็นระลอก Omicron ที่เริ่มช้ากว่าทวีปอื่นและยังไม่ได้ลงจากยกแรก
  
หากลองพล็อตดูตามระดับรายได้ จะพบว่าขาขึ้นอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูง (high income) และกลุ่มรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower middle income)
  
สิ่งที่น่าคิดคือ หากไทย เป็น upper middle income country แต่การระบาดยังรุนแรง กระจายทั่ว ยังควบคุมโรคไม่ได้ ดังที่เห็นจากจำนวนติดเชื้อและรวมกับจำนวน ATK แต่ละวัน โดยยังมีจำนวนเสียชีวิตแบบในปัจจุบัน ก็คงต้องระวังให้ดี หากก้าวเดินตามแนวทางของประเทศรายได้สูงที่ไม่ได้ป้องกันโรคอย่างเพียงพอ การระบาดก็จะปะทุรุนแรงขึ้นได้รวดเร็วกว่าเค้า เพราะระดับฐานการติดเชื้อปัจจุบันสูงมาก และจะนำมาซึ่งการเจ็บป่วยและเสียชีวิต
  
ปัญหาหนักคือ ทุนทางเศรษฐกิจของไทยไม่เท่ากับกลุ่มประเทศรายได้สูง ผลกระทบจากการระบาดที่จะรุนแรงขึ้นอาจทำให้ยากในการรับมือ ยังไม่รวมเรื่อง Long COVID ที่จะตามมาในระยะยาวอีกด้วย
 
ภาวะปกติที่เราควรทำให้เกิดขึ้นคือ ภาวะปกติที่ปลอดภัยและดีกว่าอดีต ไม่ใช่ภาวะปกติในอดีตที่อันตราย ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน กิจกรรมหรืองานประเพณีวัฒนธรรม และการทำมาหากิน
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224016032341107
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่