💙มาลาริน/เหตุเกิดตั้งแต่ยุคสึนามิ...สั่งขายทรัพย์'บุญชู-ทวี แพใหญ่'ชดใช้ 7 ล. หลังได้เงินชดเชยเรือประมงเสียหาย'เกินจริง

อมยิ้ม49สั่งขายทรัพย์'บุญชู-ทวี แพใหญ่'ชดใช้ 7 ล. หลังได้เงินชดเชยเรือประมงเสียหาย'เกินจริง'



‘กรมบัญชีกลาง’ ไม่อนุมัติผ่อนผันการชำระหนี้ กรณี ‘บุญชู-ทวี แพใหญ่’ ได้เงินช่วยเหลือค่าเสียหาย ‘เรือประมง’ จากเหตุการณ์ ‘สึนามิ’ ปี 2547 เกินจริง ให้ 'กรมประมง' นำทรัพย์สินที่สามารถบังคับคดีไปขายทอดตลาด เพื่อนำมาชำระหนี้

จากกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 816/2562 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ให้นายบุญชู แพใหญ่ คืนหรือชดใช้เงิน 2.83 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป และมีคำพิพากษาที่ 2781/2562 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2562 ให้นายทวี แพใหญ่ ชำระเงิน 3.83 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป รวมแล้วเป็นเงินประมาณ 7 ล้านบาท เนื่องจากนายบุญชู และนายทวี ได้รับเงินช่วยเหลือเกินความเป็นจริง จากกรณีเรือประมงได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547

ต่อมานายบุญชู และนายทวี เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา กรมประมงจึงขอให้พนักงานอัยการจังหวัดพังงาดำเนินการขอให้ศาลจังหวัดพังงานออกหมายบังคับคดี ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนายบุญชู และนายทวี และมอบหมายให้ประมงจังหวัดเป็นผู้แทนกรมประมงในการยึดทรัพย์สินของนายบุญชู และนายทวี

อย่างไรก็ตาม นายบุญชู และนายทวี ยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยต่อสำนักงานบังคับคดีจังหวัดพังงา และมีหนังสือลงวันที่ 17 พ.ค.2564 ขอให้กรมประมงพิจารณาลดหย่อนหนี้และลดดอกเบี้ย ด้วยเหตุติดขัดด้านการประกอบอาชีพและภาระหนี้สิน จึงขอจ่ายเฉพาะเงินต้นโดยปลอดดอกเบี้ย ลดยอดเงินที่ต้องจ่ายตามคำพิพากษาลงครึ่งหนึ่ง ขอผ่อนชำระเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท และขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระคืนเงินตามจำนวนที่กรมประมงได้พิจารณาแล้วภายใน 5 ปี นั้น (อ่านประกอบ : ‘กรมประมง’ เร่งสืบทรัพย์ 2 จำเลย หลังศาลจ.พังงาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คืนเงินค่าเรือประมง 7.5 ล.)

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฏิบัติราชการแทน รมว. คลัง ทำหนังสือ 2 ฉบับ ถึงอธิบดีกรมประมง ตอบข้อหารือกรณีที่นายบุญชู และนายทวี เสนอขอผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โดยกรมบัญชีกลางตอบว่า ไม่อนุมัติตามข้อเสนอขอลดหย่อนหนี้ ที่ต้องชำระตามคำพิพากษา กรณีนายบุญชู และนายทวี และให้กรมประมงดำเนินการบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากนายบุญชู และนายทวี มีทรัพย์สินที่สามารถบังคับคดี และขายทอดตลาดเพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้
 
https://www.isranews.org/article/isranews-news/107203-DoF-fishing-boat-news.html

อมยิ้ม44กรมประมง’ เร่งสืบทรัพย์ 2 จำเลย หลังศาลจ.พังงาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คืนเงินค่าเรือประมง 7.5 ล.



‘กรมประมง’ เร่งสืบทรัพย์จำเลย 2 คดี หลังศาลจังหวัดพังงาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยคืนเงิน 7.5 ล้านบาท เหตุแจ้งเรือประมงเสียหายทั้งลำจากคลื่นยักษ์สึนามิ ปี 47 ไม่ตรงข้อเท็จจริงเกือบ 40 ลำ พร้อมเดินหน้าเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ IUU จำนวน 305 ลำให้แล้วเสร็จในปีนี้
 
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมประมง เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้กรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการสืบทรัพย์และเรียกเงินคืนจากจำเลย 2-3 ราย หลังจากศาลจังหวัดพังงาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยคืนทรัพย์ให้กับกรมประมง เนื่องจากการช่วยเหลือค่าชดเชยเรือประมงเสียหายเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 โดยจำเลยได้รับเงินช่วยเหลือเกินจากความเป็นจริงเป็นเงินรวมกว่า 7.5 ล้านบาท

“ตอนนี้มี 2-3 คดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้ว โดยกรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการสืบทรัพย์ ส่วนคดีในลักษณะนี้มีอีกหลายคดี แต่ไม่มาก ซึ่งเราก็จะว่าไปตามกฎหมาย ”แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ปัจจุบันกรมประมงอยู่ระหว่างเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การประมงที่ขาดการรายงาน และการประมงที่ขาดการควบคุม (IUU) โดยที่ผ่านมากรมฯเข้าไปซื้อเรือประมงและนำไปทำลายแล้วกว่า 250 ลำ จากทั้งหมด 305 ลำ โดยจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีชาวประมงเลย และคาดว่าจะซื้อเรือประมงทั้งหมดได้ภายในปีนี้ ก่อนจะเข้าไปช่วยเหลือชาวประมงในระยะที่ 2 ต่อไป

“กรณีนี้เราจ่ายเงินเยียวยาให้ชาวประมงเลย 250 ลำ โดยจะจ่ายเงิน 30% ไปแล้ว และเมื่อทำลายเรือไปแล้วและมีหลักฐานในการทำลาย ก็จะจ่ายที่เหลืออีก 70% ส่วนที่เหลืออีก 53 ลำ จะดำเนินการให้เสร็จในปีนี้” แหล่งข่าวกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2562 ครม.มีมติอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐในการแก้ปัญหา IUU เมื่อปี 2558 จำนวน 305 ลำ วงเงินเยียวยา760.54 ล้านบาท และภายใต้การเยียวยาดังกล่าว จะมีการเขียนสัญญาการรับเงินค่าเยียวยาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่ได้รับเงินค่าเยียวยาให้สัญญาว่าจะต้องไม่นำเงินที่ได้รับจากการเยียวยาไปทำผิดกฎหมายประมงอีกต่อไป

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 816/2562 ในคดีที่กรมประมงเป็นโจทก์ฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชู แพใหญ่ จำเลย เนื่องจากจำเลยได้รับเงินช่วยเหลือกรณีเรือประมงเสียหายจากเหตุการณ์ภัยธรณีพิบัติ (คลื่นยักษ์สึนามิ) เมื่อปี 2547 สูงเกินความเป็นจริง โดยศาลฯ มีคำพิพากษาให้นายบุญชู คืนทรัพย์ให้กับกรมประมงเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 3,222,575 บาท
สำหรับคดีดังกล่าว นายบุญชู ซึ่งเป็นเจ้าของเรือประมง แจ้งขอรับความช่วยเหลือกรณีเรือประมงได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ ตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ.2541 เป็นจำนวน 71 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือประมงที่เสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ 15 ลำ โดยนายบุญชูได้รับความช่วยเหลือจากกรมประมงเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2548 และวันที่ 1 ก.พ.2548

ต่อมามีการออกระเบียบกรมประมงว่าด้วยเงินช่วยเหลือและฟื้นฟูอาชีพประมงที่ประสบภัยพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ พ.ศ.2548 ซึ่งนายบุญชู เห็นว่าตนเองได้รับได้ความเสียหายมากเกินกว่าเงินช่วยเหลือที่ได้รับ และมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบนี้ในส่วนที่ขาดอยู่

นายบุญชู จึงได้ยื่นอุทธรณ์การช่วยเหลือด้านประมงที่ได้รับความเสียหายเป็นเรือประมงพร้อมเครื่องมือรวม 35 ลำ และได้รับเงินเพิ่มเติมอีก 10% ของอัตราความเสียหายทั้งหมดหักเงินช่วยเหลือแล้ว โดยได้รับเงินช่วยเหลือไปเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2548

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภาคที่ 13 ตรวจสอบพบว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือและฟื้นฟูอาชีพประมงดังกล่าวไม่ถูกต้อง และจ่ายเงินสูงกว่าความเสียหายที่แท้จริง จึงแจ้งให้กรมประมงทราบ
ต่อมากรมประมงเข้าไปตรวจสอบและพบว่ากรณีที่นายบุญชูแจ้งว่า เรือประมงเสียหายมากจนไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้การได้ดังเดิม และได้รับเงินช่วยเหลือลำละ 200,000 บาท ปรากฏว่าเรือ 11 ลำ นายบุญชู นำมาซ่อมแซมจนใช้การได้ดังเดิม นายบุญชูจึงรับการช่วยเหลือโดยไม่ชอบเป็นเงินลำละ 105,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,155,000 บาท

นอกจากนี้ กรมประมงยังตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 10% พบว่า เรือของนายบุญชู 2 ลำ ได้แก่ เรือ ก. โชคบุญชู 777 พบว่านายบุญชูได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 927,845 บาท และเรือ ช.โชคบุญชู 51 ได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 750,189 บาท

ต่อมาวันที่ 16 ม.ค.2558 กรมประมงจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพังงา เพื่อเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชูเป็นเงิน 2,833,043 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ของเงินต้น และเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ศาลมีคำพิพากษาฎีกาให้นายบุญชู คืนเงินให้กรมประมงเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 3,222,575 บาท ในขณะที่ก่อนหน้านี้นายบุญชู ได้รับเงินช่วยเหลือค่าเรือประมง 3 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 16,434,220 บาท

สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากการฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชูแล้ว กรมประมงยังได้ฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากผู้ได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง ในกรณีที่เรือประมงได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 อีก 1 คดี โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายทวี แพใหญ่ ต่อมาวันที่ 20 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2781/2562 โดยสั่งให้นายทวีคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้กรมประมงเป็นเงิน 4,367,062.70 บาท

โดยคดีนี้ นายทวีแจ้งว่าเรือประมงของตนเองได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ จำนวน 62 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือที่เสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ 54 ลำ โดยนายทวีได้รับเงินช่วยเหลือ 2 ครั้ง เป็นเงินรวม 10,913,000 บาท และต่อมานายทวีได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 10% เนื่องจากมีเรือประมงพร้อมเครื่องมือเสียหาย 46 ลำ เป็นเงิน 16,130,740 บาท

ต่อมานายทวีนำเรือที่แจ้งว่าเสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ มาซ่อมแซมและใช้การได้ดังเดิมจำนวน 27 ลำ ทำให้นายทวีได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 2,835,000 บาท นอกจากนี้ นายทวียังได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 10% กรณีเรือ ป.ดวงทวีพร 2 สูงเกินจริงเป็นเงิน 1,004,176 บาท รวมแล้วนายทวีได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 3,839,176 บาท เมื่อรวมกับดอกเบี้ย 7.5% อีก 527,886.70 บาท นายทวีจะต้องคืนเงินให้กรมประมง 4,367,062.70 บาท
 
https://www.isranews.org/article/isranews-news/86421-fishing-boat.html
 
เพี้ยนร้อน...เงินแผ่นดินใครเอาไปด้วยความเท็จ  นานแค่ไหนก็ต้องชดใช้คืน

จำเลยไม่หนีก็ง่ายต่อการดำเนินคดีค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่