ในช่วงวัยเด็ก ผมเป็นคนขี้อายและไม่กล้าสบตาพูดคุยกับใครเลยนอกจากเพื่อนที่สนิทมากจริงๆ เพราะผมมักจะโดนล้อปมด้อยเรื่องรูปร่างหน้าตาบ่อยๆเลยกลายเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน
ป.6 พ่อผมก็จับผมบังคับผมให้ไปเล่นกีฬาโดยจะพูดกับผมว่า"ออกไปข้างนอกบ้าง หัดใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์บ้าง" ผมก็เลยต้องจำใจเข้าชมรมกีฬาประเภทนั้นไป
ช่วงแรกผมบอกตรงๆเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะผมไม่ชอบทั้งผู้คนโดยเฉพาะพวกคล้ายๆเด็กแว้นเด็กห้าวๆ (ไม่ได้เกลียดนะครับ แค่รู้สึกไม่ถูกด้วยเฉยๆ แต่ก็พยายามพูดคุยปกติให้ได้ครับ😅) แต่ก็ดูแปลกและสนุกไปอีกแบบ จนรร.ได้ส่งผมไปแข่งกีฬานร.(รุ่น18ปี)(พึ่งซ้อมได้ 2เดือน)แรกๆก็คัดกันสนุกๆไม่คิดไร แต่ได้แชมป์จังหวัดแบบปาฏิหารย์มากครับ😂 แต่ผมก็ไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ (พ่อผมเป็นโค้ช แล้วเขาเอาผมมายืนทีมหลักตัดหน้ารุ่นพี่หลายๆคน ผมรู้สึกกดดันมากและผมเดาได้เลยว่าต้องมีคนคิดว่าไอ้นี่เด็กเส้น!!)
หลังจากคัดตัวจังหวัดได้ ผมก็รู้สึกชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมโดนบังคับจับให้มาซ้อม6-8ชม.ต่อวัน วันหยุดก็ซ้อมเกือบ10ชม. แล้วโดนยึดทศ.ให้เล่นแค่ 2 ชม.ต่อวัน (ผมรู้สึกเหมือนตกนรกมาก😂) (ผมขอข้ามไปเร็วๆเลยนะครับ) ปีนั้นผมพยายามจนได้เหรียญทองแดงในรอบระดับประเทศครับ
ผมได้ต่อม.ต้นอยู่รร.เดิม เพิ่มเติมคือเพื่อนหรือรุ่นพี่เซ็ตเดิมที่ชมรมออกไปตามทางของตัวเองเกือบหมดแล้ว และผมได้ที่ซ้อมใหม่เป็นสนามกีฬาใกล้บ้าน และเพื่อนห้องเดียวกันมาเล่นด้วย2คน(ตอนนั้นดีใจมาก😄) (แต่ด้วยความเป็นที่สาธารณะ + ผู้ใหญ่หลายคนเห็นก็อยากให้ลูกตัวเองมาเล่นกีฬาบ้าง ก็เลยกลายเป็นชมรมใหญ่ขึ้น และพวกเด็กที่มีพรสวรรค์แต่นิสัยเสียก็เริ่มรับมาเยอะขึ้น)
ตอนนั้นผมเป็นเป้าให้รุมbullyรุมแกล้งหนักมากเพราะพวกนั้นเหมือนแซวหรือนินทาพ่อผม และผมออกตัวพูดด่าหรือปกป้องพ่อผมไปหน่อย ผมโดนbullyทั้งทางกายแบบจับกดพื้นหรือล๊อคต่อยหรือถมน้ำลายใส่ ช่วงนั้นผมกลับไปร้องไห้ที่บ้านบ่อยมาก ผมเอาเรื่องไปบอกพ่อกับแม่ เหมือนว่าเขาจะฟังแต่ก็ไม่เข้าไปช่วยผมเลยแม้แต่นิดเดียวเหมือนเดิม และผมเริ่มโดนงี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมต้องออกแรงปกป้องตัวเอง พี่พวกนั้นได้ตัวถลอกนิดนึง แต่ผมปากแตกเข่าถลอกหูตาช้ำกลับบ้าน วันต่อมาเหมือนแม่ผมเอาเรื่องไปบอกแม่ของพวกนั้น ผมเลยไม่โดนไปพักหนึ่ง แต่ก็ได้แค่2วัน ผมก็กลับมาโดนหนักกว่าเก่าอีก (ผมก็โดนปกป้องนะ แต่คือคนแกล้งมันเยอะกว่าคนโดน)
และรุ่นพี่ที่ปกป้องผมก็ได้เลิกเล่นไป พร้อมเพื่อนอีกคน ส่วนอีกคนนิสัยเปลี่ยนและก็เป็นตัวร่วมแกล้งผมด้วย ผมเริ่มรู้สึกไม่มีใครช่วยผมได้นอกจากตัวผมเอง ผมเลยเริ่มใช้อุปกรณ์กีฬาที่พกมาและสิ่งรอบตัวสวนคนที่แกล้งผมแบบไม่ยั้ง ผมโดนพ่อแม่เรียกไปคุยแล้วด่าผมซ้ำ ตั้งแต่นั้นผมเริ่มมองพ่อแม่ผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (*เหตุการณ์bullyนี้มักจะเกิดตอนโค๊ชที่เป็นพ่อผมไม่อยู่หรือผู้ใหญ่ที่ดูเป็นคนดีไม่เดินผ่านไปมาแถวนั้น)
ส่วนเรื่องกีฬาก็ต้องเล่นกับเพื่อนเลวคนนั้นเป็นหลักลองจากนั้นก็พวกรุ่นพี่ที่bullyนี่แหละ ได้รางวัลเยอะขึ้นนิดหน่อย ได้ไประดับประเทศ2ปี(แต่ไม่ได้เหรียญระดับประเทศเลย) แต่ซ้อมเยอะขึ้นเกือบ 2 เท่า ของที่ผ่านมา (9-11ชม./วัน)
ไม่มีเวลาหรือโอกาสได้ไปเที่ยวแล้วสังสรรค์กับเพื่อนเลย(กับครอบครับก็เช่นกัน)นอกจากพ่อกับแม่ไม่ให้ผมไปไหนแล้ว ยังไม่ให้ผมเลือกรร.ที่อยากเข้าด้วย
*ม.3 ผมได้เล่นกับเพื่อนที่ดูไม่มีอนาคตเลย(เขาดูสมาธิสั้นมาก)แต่พ่อผมบอกดีที่สุดแล้ว เพราะอะไม่ยอมหาเพื่อนที่อยากเล่นกีฬากับเองหนิ!! ผมเริ่มรู้สึกอยากเลิกเล่นมากๆเลย
(ถึงจริงๆก็อยากเลิกตั้งแต่ม.2แล้วก็เถอะ) แต่ผมก็พยายามเล่นสุดฝีมือจนได้ไปคัดภาค แล้วตกรอบแรกในระดับภาค (ผมร้องไห้หลังจากขึ้นลดบอกลาเพื่อนคนนั้นเสร็จสับเพราะผมคิดว่าเขาคงทำเต็มที่แล้ว เพราะเขาดูเสียใจกับเรื่องนั้นแล้วขอโทษผมแล้วน่าจะร้องไห้ เพราะเห็นตาแดงหลังออกจากห้องน้ำ
หลังจากจบเรื่องทุกอย่างผมนั่งจับเข่าคุยกับพ่อแม่ตรงๆรอบที่ 6 ที่ 7 แล้ว ว่าผมขอเลิกเล่นกีฬานี้ได้ไหม พร้อมบอกว่าอยากกลับไปทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนมากกว่านี้ เพราะเกรดผมถึงจะไม่แย่แต่ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แล้วผมไม่อยากต่อสายกีฬา ให้โอกาสผมเถอะนะ ซึ่งคำตอบก็เป็นดั่งเดิมคือไม่!! ยังไม่รู้อะไรหรอก สมัยนี้เขาทุ่มเทเข้ามหาลัยกันยาก

จะทิ้งโอกาสที่ทำมาทั้งหมดเหรอ ซึ่งผมก็พยักหน้า//แล้วตอบใช่ครับ แม่ของผมส่วนใหญ่มักเดินหนีพอของผมก็จ้องหน้าและกระฟัดกระเฟียดพังข้าวของปานู่นนี่แล้วถอนหายใจแล้วบอก ยังไงก็ไม่ให้เลิก
ตอนนั้นผมเสียใจบ่อยๆจนเริ่มชินชาจนที่จะเดาคำพูดของเขาออกได้ถูกเป๊ะๆเกือบหมดเขาจับผมเข้ารร.ที่ผมชนะตลอดตอนรอบชิงตอนคัดรอบจังหวัด เหมือนเขาคิดว่าน่าจะมีคนเล่นเยอะอยู่มั้งผมก็เลยโดนมัดมือมัดเท้ามาสมัครต่อม.4ที่นั่นเลย
ม.4 ผมได้ย้ายเข้ามาเรียนรร.รัฐครั้งแรก ซึ่งความประทับใจแรกที่พบเลยคือ สนามกีฬานั้นสกปรกแล้วดูรกร้างมาก😂 ผมได้พบเพื่อนที่นิสัยค่อนข้างที่จะเข้ากันได้อยู่ ถ้าเทียบกับที่เจอมานะ ผมได้ถูกคุยกันอย่างเป็นมิตรแต่ผมรู้สึกโต้ตอบอะไรใครไม่ได้เลย ด้วยความที่ผมแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลยในช่วง 4ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกอึดอัดแล้วเกลียดตัวเองมาก😉
เพื่อนผมเคยชวนไปไหนมาไหนนะ แต่ผมมักจะโดนปลีกตัวออกมาเสมอเพราะพ่อผมมารับผมได้แล้ว เพราะรร.นี้ใกล้ที่ทำงานพ่อผม ผมได้ซ้อมกีฬาหนักเหมือนเดิมที่บ้าน เพิ่มเติมคือไม่มีเด็กรุ่นๆเดียวกันแล้ว มีแต่ผู้ใหญ่ที่ทำงานโรงงานแล้วดูดบุหรี่,บุหรี่ไฟฟ้า หรือพวกวินมอไซต์ที่ผ่านทางมา ผมเริ่มสำลักควันแล้วเจ็บปอดมาก แต่ก่อนก็มีนะคนพวกนี้ แต่มีน้อยเพราะเหมือนเขาจะเกรงใจเด็ก(แต่ไม่เกรงใจผมเลยสักนิดเดียว😬)ไม่รู้ว่าเป็นผลของคนเงียบหรือป่าวนะ😅
ผมได้ลงเดี่ยวและคัดติดตัวจังหวัดเหมือนเดิม และได้ลงเล่นกีฬาแห่งชาติด้วย(ไม่จำกัดอายุ) แต่ด้วยความที่ผมไม่มีคู่ซ้อม พักผ่อนน้อย โควิด ทำให้ผมหมดไฟกว่าเดิมแล้วยังต้องมาเสียสุขภาพกายและจิตกับพ่อแม่อีก ผมตกรอบคัดภาคทั้งกีฬานร.แห่งชาติ(18ปี)/เยาวชนแห่งชาติ(20ปี) รอบแรก ทั้ง2รายการ ส่วนกีฬาแห่งชาติเลื่อนไปปีหน้า ผมท้อแท้มากและอยากเอาดีด้านผลการเรียนหรือด้านอื่นมากที่ไม่ใช่ด้าน กีฬา!!! (ซึ่งผมเรียนภาษาแล้วพ่อแม่มักจะพูดว่าเป็นข้องอ้าง กูอุตส่าเอาสายที่ดูง่ายสุดให้ละนะ)
ม.5 เริ่มมีการทะเลาะกันเล็กน้อยของพ่อกับแม่ผมเรื่องของผมนี่แหละ แล้วดูจะหนักขึ้นทุกที แล้วแม่ผมก็เริ่มคุยกับผมถึงพ่อที่ดูจะเข้าวัยทองแล้วฟั่นเฟืองขึ้นทุกทีแล้วชอบพูดจาแรงๆใส่แม่ของผม ซึ่งผมก็รู้ดีว่าแม่ผมเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนมาก ส่วนพ่อผมก็ดูไม่เปิดรับฟังใครอะไรเลยและชอบทำเป็นรู้ทุกเรื่องทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยขนาดแบบทดสอบอังกฤษของทหารเรือยังโยนมาบังคับให้ผมทำเลย
ส่วนเรื่องกีฬาผมซ้อมน้อยลงไปนิดแต่ก็ถึง7ชม.ขึ้นเหมือนเดิมแต่ผมรู้สึกเครียดมาก เพราะที่ผมได้ลงเล่นกีฬาแห่งชาติเพราะน่าจะพ่อผมไปเส้นกับจังหวัดด้วยแล้วผมมีผลงานเล็กน้อยในขณะที่ฝีมือผมตกลงไปทุกทีด้วยสถาพจิตใจและไฟที่อยากจะเล่นเริ่มตกต่ำลงไปทุกที
ผมได้ไปเล่นกีฬาแห่งชาติตามที่ได้ส่งรายชื่อไป(ตามจริงต้องแข่งแต่ปีที่แล้วแล้วเพราะโควิด)
ผมได้ไปแสดงฟอร์มอันสุดยอดท่ามกลางทีมชาติจนขนาดคนดูยังรู้ว่าผมเป็นตัวแจกแต้ม และก็ตกรอบแรกไป
ผมเลยต้องกลับมาคัดตัวจังหวัดเพื่อที่เล่นของปีนี้
และผลก็เป็นไปอย่างที่คุณอาจจะพอเดาได้ครับ ผมคัดตัวจังหวัดพลาดเป็นปีแรกครับ หลังจากนั้นพ่อแม่ก็เริ่มระอาและเอือมผมลงเรื่อยๆ แต่พ่อก็ยังจะบังคับให้ผมเล่นต่อให้ได้ถึงแม้ผมจะหมดสภาพและใกล้สอบวัดระดับภาษา และเริ่มวางแผนชีวิตแล้วก็เถอะ
สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมต้องกราบขอบคุณมากๆครับ🙏🙏🙏 ทั้งนี้ผมท้อมากกับชีวิตวันๆของผมที่ปราศจากสีสันและต้องมาคลุกคลีกับกีฬาที่ไม่ได้รักแล้ว เหมือนผมแค่หลับตาตอนปนะถมแล้วลืมตามาก็จะเข้ามหาลัยแล้ว ผมควรทำไงดีครับ...
ท้อมากครับตอนนี้ ทำไงต่อดีครับ...