ขอความเห็นค่ะ พ่อแม่แสดงอาการอยากได้เงินจากเรา ไม่แปลกใช่ไหมคะ

ขอเกริ่นก่อนว่า กระทู้นี้ อาจจะมีคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า สามารถแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันได้ทุก ๆ แบบนะคะ

จขกท. อยากถามประสบการณ์จากเพื่อนๆ pantip คนอื่น ๆ บ้าง ว่าคิดเห็นอย่างไร แล้วมีวิธีปฏิบัติกันอย่างไรค่ะ เพื่อนำมาปรับใช้ ทั้งวิธีคิด วิธีปฏิบัติให้ดีขึ้นไปค่ะ 

สามารถแชร์กันได้เต็มที่ค่ะ
--------

ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า พ่อกับแม่เราเป็นข้าราชการบำนาญทั้งคู่  ทั้งคู่รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนค่ะ พ่อรับบำนาญ เดือนละ 3 หมื่น แม่รับบำนาญ เดือนละ 5 หมื่น  (รวม ๆ มากกว่ารายได้เราเยอะค่ะ) 

ซึ่งเราดูจำนวนแล้ว เพียงพอใช้ประจำเดือนสองคนพ่อแม่กันได้อย่างสบายค่ะ

ส่วนตัวเรา กับ พี่ชาย  ก็ทำงานแล้ว  (พ่อแม่มีลูก 2 คนค่ะ)  พี่แต่งงานแล้ว ส่วนเรายังไม่แต่งงาน (แยกออกจากพ่อแม่แล้วทั้งคู่ค่ะ พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเราแล้ว)

เล่าย้อนสมัยเด็ก การเลี้ยงดูเราของพ่อแม่ คือ พ่อแม่ก็เลี้ยงดูเรากับพี่ชาย ตามปกติ ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนดี มีอาหาร ให้ที่พักอาศัย และซื้อรถให้คนละคัน และมีช่วยออกเงินค่าแต่งงานให้พี่ชายค่ะ (ตรงนี้ก็คิดว่าเยอะเหมือนกันค่ะ) 

ตอนเริ่มทำงาน ก็มีให้เงินเดือนๆแรกกับพ่อแม่ เป็นรางวัล และเมื่อได้โบนัส ก็มีให้บ้างเป็นบางครั้งบางปีค่ะ ขึ้นกับมีมากมีน้อย

ส่วนพี่ชาย ไม่ทราบว่าเคยให้พ่อแม่หรือเปล่านะ

จนมาช่วงเราเรียนต่ออีก 1 ปริญญาถัดไป พ่อแม่ก็มีช่วย support เราบางส่วน ประมาณ 2/3 ของรายจ่ายค่าเทอมทั้งหมด ที่เหลือเราออกเอง

เราเองก็ทำงานไปเรียนไปด้วย และมีผ่อนดาวน์คอนโด ช่วงนึงก็ไม่ได้ให้เงินพ่อแม่ค่ะ แต่มีซื้ออาหารการกิน เลี้ยงอาหารท่านบ้างต่อเนื่องค่ะ 

แต่พ่อกับแม่เอง ก็มักจะถามบ่อย ๆ ว่าเราได้เงินเดือนประมาณเท่าไหร่  (เหมือนอยากรู้มากๆค่ะ) แล้วตอนเราย้ายงาน ก็ชอบถามย้ายแล้วได้เพิ่มมั้ย

จริงๆเราไม่ได้เพิ่มค่ะ ย้ายแล้วเงินลด  พ่อก็ดูไม่พอใจ และว่าเรามากๆเลย (ซึ่งเราย้ายงานเพราะอะไรนั้น เค้าไม่สนใจฟังหรอกค่ะ) 

ล่าสุด เวลาจ่ายภาษีประจำปี แม่ก็จะพยายามหลอกถามว่า เราจ่ายภาษี มากกว่า หรือ น้อยกว่า แม่   มีเงินเดือนถึง 5 หมื่นไหม ==" 

ชอบพูดเปรียบเทียบ ยกตัวอย่าง ลูกชาวบ้านให้ฟัง  ==" 

หรือ พ่อก็จะถามประมาณว่า เราเก็บเงินได้เดือนละเท่าไหร่  และพอเราบอกว่า เราเก็บเงินเข้าสหกรณ์ลงทุนนะ เราเก็บออมเดือนละ 1 หมื่น เพื่อได้ดอกปีละ 3-4%

พ่อก็จะพูดประมาณว่า "งั้นแสดงว่าเงินเดือนเราเยอะน่ะสิ"  =="

(ความจริงไม่ได้เยอะค่ะ แค่พออยู่ได้ แต่เราจะไม่มีบำนาญเหมือนพ่อแม่ไง เราก็ต้องเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณบ้าง)

บางครั้งพ่อหลุดคำพูดออกมาว่า "ให้เงินพ่อบ้างนะ"  =="

เราพิจารณาดูแล้วพ่อไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสำคัญเลยค่ะ  มีแค่ค่าเดินทาง กับของกิน ถ้าเวลาไม่อยู่บ้าน  ส่วนค่าน้ำค่าไฟ ที่บ้านเราออกให้ทั้งหมด 

หลายครั้ง พ่อก็จะพูดว่า "ให้เราไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไร" และบ่นว่า เค้ามีต้นทุนชีวิตน้อยกว่าเรา เพราะคุณปู่คุณย่าทำเกษตรกรรม ไม่มีอะไรให้เค้ามากเหมือนรุ่นเราค่ะ  ทั้งพ่อเรียนโรงเรียนวัด แทบไม่ได้เรียนต่อ ยังดี หัวดี มาสอบได้ 

คือเราก็ทราบนะ แต่เราก็ไม่อยากให้เปรียบเทียบกัน  เราก็ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวยกองเงินกองทองอะไรเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้โทษใครเลยค่ะ พยายามทำที่มีอยู่ให้ดีสุด งอกงามที่สุด ถือว่าชีวิตก็ดีระดับหนึ่งแล้ว 

แล้วล่าสุดวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 64 ก็เห็นพี่เราให้เงินพ่อแม่คนละหมื่นค่ะ  แล้วทั้งคู่ก็ดีอกดีใจกัน (ซึ่งก็ดีแล้ว เราก็ชื่นชมพี่เราค่ะ ทำดีมาก)

แล้วพอปีใหม่ เราก็ให้เงินพ่อแม่อีกคนละหมื่นเหมือนกันค่ะ เป็นของขวัญปีใหม่ (ซึ่งคาดว่าแค่นี้คงดีใจ ชื่นมื่นกันบ้าง)

ซึ่งพี่เรา เพราะพึ่งให้วันพ่อ เดือนธันวา พี่ก็ให้พ่อแม่ วันปีใหม่อีกรอบ คนละ 5พันค่ะ  (ซึ่งก็น่าจะดีใจ รึป่าวคะ

แต่พอพ่อแกะซองออกมา ตอนนั้นพี่ชายเราไม่อยู่บ้านละ แต่เราอยู่ เราเห็นพ่อแกะซอง แล้วพอเจอเงิน 5 พัน ก็ประมาณว่าผิดหวัง นึกว่าจะได้มากกว่านี้)

เราก็คือแบบ เพลียอะค่ะ  ไม่รู้ท่านอยากได้เท่าไหร่  แล้วพ่อก็ชอบพูดเปรย ๆ ว่า พี่ชายเราอะน่าจะมีตัง =="

ล่าสุดเดือนกุมภา คือท่านไปรักษาตัวในรพ เรากับแม่ก็ไปเฝ้าค่ะ และให้เรากับพี่ไปรับไปส่ง  และเราก็ให้เงินพ่อแม่ คนละสองหมื่น เพื่อปลอบขวัญในการเจ็บป่วยค่ะ ไม่รวมค่ารักษา 

ซึ่งค่ารักษาไม่ต้องจ่ายอยู่แล้วค่ะ เพราะหลวงออกให้ทั้งหมดสำหรับข้าราชการบำนาญ 

เท่ากับท่านไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย อยู่สบายค่ะ 

ถึงกระนั้นเลย เราก็ยังรู้สึกว่า พ่อแม่มีอาการกระหายเรื่องเงินทองอยู่ดีอะค่ะ เพราะพอได้เงิน ก็ดีใจมากก และบอกว่า รักลูกนะ บลา ๆๆ

แม้เราเต็มใจให้อยู่แล้วนะคะ 
----------------------

เราก็เลยรู้สึกว่า ต้องทำยังไง ต้องให้มากขึ้น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ให้เค้าดีใจ ใช่มั้ย และเก็บเงินเพื่อเตรียมเกษียณ เตรียมค่าใช้จ่ายคอนโด ให้น้อยลงเหรอคะ

ถ้าพ่อแม่ไม่มีรายได้เลย ใช่ค่ะ เราต้อง support เต็มที่ รายเดือนอยู่แล้ว  แต่ตอนนี้ถือว่าเค้าอยู่สบายค่ะ  เราก็ไม่รู้ควรจะจัดสมดุลชีวิตยังไง 

ให้แบบสบายใจกันทุกฝ่าย  ไม่รู้สึกอึดอัด เป็นหนี้บุญคุณ ที่เค้าเลี้ยงดูเรามาอย่างดีค่ะ   เพราะถ้าไม่มีเรา เค้าก็คงมีเงินเก็บกันมากกว่านี้

นี่คงถึงเวลาต้องตอบแทนแล้ว ใช่ไหมคะ 

เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นเลยนะคะ ไม่เป็นไร
-------------
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง อย่าไปเก็บเรื่องพ่อแม่พูดมาคิดเยอะ คิดซะว่าท่านก็บ่น ๆ ไปตามเรื่อง  ส่วนเรื่องให้ ก็ให้เท่าที่เราให้ได้ ไม่เดือดร้อนเรามาก ยังไงพ่อแม่ก็มีบุญคุณ ตอบแทนเท่าที่เราทำได้ แล้วก็ปล่อยวาง อย่าคิดเยอะ เท่าที่ดู คุณเป็นทุกข์ เพราะคิดเยอะเอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เราขอมองในแง่ดีนะคะ
พ่อแม่จขกท.เลี้ยงจขกท.และพี่ชายมาดีมากจริงๆ หลายๆอย่างนี่เหมือนเกินเงินเดือนพ่อแม่ราชการด้วยซ้ำ ทั้งโรงเรียนดีๆ รถให้ลูกคนละคัน (จขกท.ไม่ได้พูดเรื่องภาระผ่อน ไม่ทราบว่าพ่อแม่ผ่อนให้หรือเปล่าคะ) งานแต่งพี่ชาย และส่งจขกท.เรียนโท จขกท.และพี่ชายไม่มีหนี้กยศ.ด้วยใช่มั้ยคะ และบำนาญหลังเกษียณท่านยังได้สูง แสดงว่าท่านทั้งสองเป็นคนมุ่งมั่นขยันเลยทีเดียว และการใช้เงินของท่านทั้งสองไม่คิดหน้าคิดหลังกับเรื่องลูกๆเลย

พ่อแม่ท่านแทบไม่ได้ทำให้จขกท.และพี่ชายรับความลำบากเรื่องเงินทองเลยถึงแม้จะแยกตัวมาจากพ่อแม่แล้ว จขกท.ทราบหรือไม่คะว่าพ่อแม่ท่านมีหนี้อะไรจากการซัพพอร์ตคุณและพี่ชายตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันหรือเปล่า บำนาญได้เยอะจริงแต่มีการหักหนี้มั้ยคะ

อีกประเด็นหนึ่งคือท่านอาจไปฟังใครเล่าเรื่องลูกฟังหรือเปล่าว่าให้เงินพ่อแม่เท่านั้นเท่านี้ เกินความน้อยอกน้อยใจตามคนอายุมากอยากได้ตามเพื่อนด้วย ยิ่งคุณกับพี่แยกตัวออกมาแล้วด้วย ท่านคงคิดว่าไม่เหลืออะไรรั้งคุณกับพี่ไว้แล้วเพราะต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ดูเป็นรูปธรรมสุดคือใช้เงินเลี้ยงใจพ่อแม่ค่ะ

เรื่องพ่อแม่อยากรู้เงินเดือนลูก ในกรณีจขกท.เราว่าปกติ เพราะซัพพอร์ตส่งเสียมาขนาดนี้ ทุ่มกับลูกๆมาก ลูกๆต้องได้ดีกว่าที่พ่อแม่เคยเป็นหรือเป็นอยู่ เรื่องเปลี่ยนงานคือสิ่งที่ยุคพ่อแม่เราเค้าไม่เคยทำกันค่ะ ดูได้จากเงินบำนาญพวกท่านเลย ดังนั้นท่านจึงไม่เข้าใจทำไมต้องเปลี่ยนงาน

พ่อแม่จขกท.เป็นพ่อแม่ที่น่ารัก แต่ด้วยวัย ภาวะอารมณ์และประสบการณ์ในยุคที่ต่างกัน ทำให้ท่านอาจทำอะไรลงไปแบบนี้ ขอให้มองท่านด้วยความรักและเมตต่เหมือนที่ท่านเคยให้คุณ แต่ถ้าอะไรไม่ไหวควรคุยกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 14
เห็นความเห็นแล้ว บางคนพาออกทะเล เอาตามตรงในฐานะคนที่เป็นพ่อ แต่ลูกยังเล็กอยู่ คุณอาจจะยังไม่มีโมเม้นนี้ ตอนนี้ก็มี support ทั้งพ่อที่เกษียณมีบำนาญ และลูกที่อยู่ในวัยเรียน ที่คุณพ่อคุณบอกต้นทุนชีวิต เป็นเรื่องจริงเลย กว่าพ่อแม่คุณจะพัฒนาคุณภาพชีวิตมาได้ก็อยากให้ลูกได้เก็บไว้ และพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป ผมมองอย่างนี้นะ ที่พ่อแม่อยากรู้เงินเดือนไม่ใช่ไรหรอกอยากทราบสถานะว่าตอนนี้ความมั่งคั่งของคุณขนาดไหน มันเป็นความภูมิใจของคนเป็นพ่อแม่ที่สามารถสร้างคนนึงให้เติบโตมาและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ในอนาคตจะได้สร้างครอบครัวที่แข็งแรงเหมือนที่สมัยท่านทำมา ถามว่าเงินที่ให้ท่านไปท่านเอาไปใช้อะไรมากมายไหม คงไม่หรอกครับ สุดท้ายแล้วเมื่อวันที่จากไปทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายก็ตกอยู่กับคุณและพี่ชาย มันไม่ไปไหนหรอก เผลอๆ เงินที่คุณบอกให้ท่าน ท่านเก็บไว้ในธนาคารไม่ใช้แม้แต่บาทเดียวด้วยซ้ำ อยากเล่าให้ฟังมีเพื่อนผมคนนึงให้แม่ซึ่งเป็นเกษตรกรทำสวน ทุกเดือน บอกให้แม่เอาไปใช้จ่ายบ้าง เพราะไม่เห็นแม่ไปไหน แต่แม่ก็รับไปแล้วเก็บไว้ จนเมื่อมีวันนึงเพื่อนมันหลงผิดติดหนี้พนัน จนแม่ต้องเข้ามาถามว่าเป็นอะไรทำไมเครียดจัง ก็ยอมเล่าให้แม่ฟัง สุดท้ายแม่เอาเงินที่ลูกเคยให้ไปช่วยจ่ายหนี้ให้ บอกแม่ก็เก็บไว้ให้เอ็งแหละไม่ได้ใช้ไรหรอก เงินเอ็งทั้งนั้น ไปใช้แล้วอย่าไปเล่นอีกละ ทุกวันนี้เพื่อนมันไม่แตะต้องเรื่องอบายมุขเลย
สมัยนี้ได้ยินเรื่องราวของแต่ละคนมองอคติไปกับพ่อแม่จนไม่นึกถึงวันที่เราเติบโตมา ร่ำเรียนมา คนที่อยู่ข้างๆ เราก็คือครอบครัว แต่เรายังระแวงสงสัยว่าเขาคิดไม่ดีกับเรา กับเพื่อนฝูงมากมายเราจะระแวงเขาแบบนี้ไหม ไม่อยากให้ จขกท เก็บความสงสัยไว้มีอะไรก็คุยกันตรงๆ กับครอบครัว
ความคิดเห็นที่ 5
ส่วนตัวอ่านแล้ว จขกท.ให้ท่านน้อยไปนะครับ และขนาดจบมาทำงานแล้ว ยังรบกวนเงินท่านอีก

ลองเปลี่ยนมาให้ท่านสม่ำเสมอ ลองถามท่านเล่น ๆ ก็ได้ อยากได้เดือนละเท่าไร ยังไง ท่านได้ไป ส่วนใหญ่ท่านก็เก็บให้เราแหล่ะครับ แล้วท่านจะได้ภูมิใจที่เรามีให้ท่านนะครับ
ความคิดเห็นที่ 25
1. พ่อแม่อยากรู้เงินเดือน เงินเก็บ เราว่าไม่แปลก คนวัยเกษียณแล้ว รุ่นนั้นเราว่าธรรมดาที่เขาอยากรู้ แล้วคุณไม่บอกก็ไม่แปลกอีกนั่นแหละ แต่ปัญหานี้จะไม่มีมารบกวน ถ้าคุณซัพพอร์ท พ่อแม่คุณตามความเหมาะสม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงินเดือนคุณ

2. คุณเรียนจบแล้วเมื่อจะเรียนต่อโท (เดาว่าโท) คุณยังต้องพึ่งพาเงินพ่อแม่ ในค่าเรียน 2/3 ส่วน เราว่าตรงนี้คุณควรพิจารณาตัวเองนะว่า มันเป็นเรื่องที่สมควรไหม คนทั่วไปมาจากครอบครัวที่มีพื้นฐาน ใกล้เคียงกับคุณ หลายคนเราไม่เห็นว่าเขาจะขอเงินพ่อแม่มาเรียนต่อ

3. พ่อแม่มาจากครอบครัวที่ทำเกษตรกรรมมาก่อน เราเข้าใจจุดนี้นะ ถึงความลำบากในวัยเด็กของพวกเขา แม่ทุกวันนี้จะมีเงินบำนาญทุกเดือนเท่าไหร่ก็ตาม แต่เงิน1-2หมื่น ยังถือว่าเป็นเงินก้อนที่มากโขสำหรับพวกท่าน แต่ยังเอามาส่งเสริมลูกเรียนเพิ่ม ทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้

เราตอบมาทั้งหมด เพราะเรามีพื้นฐานครอบครัวใกล้เคียงคุณ เราว่าเราเข้าใจประมาณนึง

** เราให้เงินพ่อแม่ค่ะ แต่ไม่ได้รายเดือน ให้ปีละ3-4ครั้ง พ่อแม่เราไม่ได้เดือดร้อน ไม่มีหนี้สิน มีบำนาญคนละหลายหมื่นเหมือนพ่อแม่คุณ แต่เราอยากให้ค่ะ เราก็ไม่ได้เดือนร้อนเหมือนกัน เราเต็มใจ เพราะเรามีเวลาหาเงินอีกนาน แต่พ่อแม่ไม่รู้จะอยู่กับเรานานแค่ไหนค่ะ (คหสต.)
ความคิดเห็นที่ 6
ท่านอาจจะหวังที่จะได้มากเพื่อเอาไป "คุย" เท่านั้น คุยให้คนนั้นคนนี้ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านใครต่อใครฟัง ว่าลูกเราหน้าที่การงานดี โอกาสพิเศษให้พ่อแม่ทีละหมื่น มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของคนเป็นพ่อเป็นแม่นะ

เพราะดูจากที่คุณบอก ท่านก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้อะไรเลย บำนาญก็ออกจะเหลือเฟือ เราว่ามันเป็นความรู้สึกมากกว่า จริง ๆ ท่านอาจจะเก็บที่คุณให้ไว้ก็ได้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่