สวัสดีค่ะ เราอายุ 15 ปี จะมาเล่าปัญหาชีวิตที่เจอมา ปัญหาอาจไม่ใหญ่มาก(มั้ง)แต่เจอมาตั้งแต่ยังเด็ก จากคำพูดและการกระทำต่างๆของคนในครอบครัว
เราเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ(ตอนเด็กๆคิดแบบนั้น)พ่อเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แม่เป็นพนักงานโรงงาน(ปัจจุบันอยู่อีสาน ทำนา)พ่อแม่รักกันดี เป็นเด็กตั้งใจเรียน ได้รางวัลทุกปีที่สอบได้ที่ 1 ผู้ใหญ่มองว่าเราเป็นคนเรียบร้อยคงเพราะกลัวพ่อดุแหละมั้ง555 เราเป็นลูกคนแรกพ่อเป็นคนเลื้ยงเพราะแม่ทำงาน พ่อจะเป็นคนเข้มงวดกับเรามาก ไม่ค่อยให้ไปไหน ต้องตรงเวลา มีระเบียบ และต้องเชื่อฟัง (ปัจจุบันเราจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดและกลัวสังคมมากๆ แบบกลัวที่ๆมีคนเยอะๆ)
ตอนเด็กๆ วันหนึ่งเราต้องออกไปกับพ่อไปดูเครื่องซักผ้าให้ลูกค้าคนนึง ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว แต่อยู่ๆพ่อกับแม่ทะเลาะกัน แม่คิดว่าพ่อมีผู้หญิงใหม่ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย (เหตุการณ์พวกนี้จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะยังเด็กมากๆ)ทะเลาะกันหลายครั้งและเคยลงไม้ลงมือ เวลาที่พ่อทำร้ายร่างกายแม่ แม่ก็จะบอกว่า 'เนี่ย พ่อทำแม่อีกแล้ว อย่ารักพ่อนะ' ประมาณนี้และจะทำต่อหน้าเราทุกครั้ง พ่อจะเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลาฟิวส์ขาดคือเอาไม่อยู่ ส่วนแม่ก็มีแต่ระแวง เราเห็นจนจะชินแล้วมั้ง ร้องไห้บ่อยเป็นว่าเล่น5555 จากนั้นเราก็เริ่มกลายเป็นคนกลัวพ่อมาตลอด และเก็บกด
แผลในใจแผลแรก ตอนนั้นเราอยู่ป.2 แม่บอกว่าจะซื้อโทรศัพท์ให้ถ้าสอบได้ที่ 1 แต่พ่อไม่ค่อยสนับสนุนเพราะกลัวซื้อมาแล้วมีแต่เล่น เราก็สอบได้ที่ 1 และได้โทรศัพท์ เราเก็บรักษาอย่างดีไม่ให้ใครจับ กลัวพังแล้วโดนด่า 5555 แต่อยู่ๆพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอีกเรื่องอะไรก็จำไม่ได้แล้ว พ่อเอาโทรศัพท์เรามาปาทิ้งต่อหน้าเรา เราช็อกและร้องไห้แบบหนักมาก เกือบขาดใจ แต่เราก็โดนพ่อด่าแล้วก็ร้องไห้หนักไปอีก เรายิ่งกลัวพ่อกว่าเดิมและเกิดคำถามในใจมากมายว่าทำไมพ่อทำแบบนี้ เราอุตส่าห์จะรักษาโทรศัพท์อย่างดี แต่เราก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ
แผลต่อมา(เรามีน้องสาว 1 คน) พ่อจะซื้อคีย์บอร์ด(พ่อชอบเครื่องเสียงหรืออะไรพวกนี้มากสะสมมาตั้งแต่หนุ่มๆ)แต่ไม่ได้บอกแม่ และราคาประมาณ 2หมื่น มั้งนะ นั่นแหละค่ะก็ทะเลาะกันอีก อันนี้รุนแรงมาก แม่เอาแต่ถามซ้ำๆว่าจะซื้อทำไมไม่บอก เราอยู่ตรงนั้นก็ทำอะไรไม่ได้กลั้นน้ำตาไว้อย่างเดียว ทะเลาะไปมาเหมือนพ่อจะฟิวส์ขาดเลยเก็บที่นอนไปนอนห้องพี่ แม่ก็ตามไปเรียกมาคุย พ่อก็ออกมาและฟิวส์ขาดจับแม่นอนหงายและบีบคอไม่รู้ว่าทำแรงมั้ย เราช็อกหนักอีกครั้ง ได้แต่บอกพ่อว่าอย่าทำแม่เลย ขอร้อง (ภาพนั้นยังติดตาถึงทุกวันนี้ จำได้ทุกการกระทำ😔) พ่อไม่สนใจที่เราบอก และทะเลาะกันเสียงดังขึ้น เราได้แต่กอดน้องไว้และร้องไห้ จนพ่อเริ่มเย็นลง เรากับแม่และน้องเลยออกจากบ้านไปนอนบ้านป้าที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 500ม. เราบอกกับแม่เลยว่าเราอยากตาย เราไม่อยากอยู่ เรากลัวพ่อแบบมากๆ เราได้แต่คิดว่าทำไมพ่อถึงใจร้ายแบบนี้ พ่อแม่ไม่พูดกันหลายวัน เราสามคนเลยตัดสินใจกลับอีสาน พ่อก็กลับด้วยนะแต่ก็ไม่ค่อยพูดอะไรกัน และเอาผู้ใหญ่มาเคลียก็จบลงด้วยดี มีแต่เรานี่แหละที่ยังคิดวนไปมา ภาพนั้นอยู่ในหัวตลอด ตั้งแต่วันนั้นเรากลายเป็นคนที่คิดมากสุดๆและเริ่มคิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดพ่อแม่ กลายเป็นคนอ่อนไหวง่ายกับทุกเรื่อง โดนต่อว่านิดเดียวน้ำตาคือมาเลย แต่พ่อแม่ไม่เคยเห็นเพราะไปหลบร้องไห้แต่ในห้อง
เรากลับมาอยู่ที่ อีสาน
แผลที่สาม เกิดตอนเดือนพ.ย.ปี 64 วันนั้นพ่อไม่อยู่ไปงานศพญาติ และพอดีที่บ้านมีเพื่อนของอามากินเหล้าสังสรรค์กันประมาณ 2-3คน(เพื่อนอาบ้านอยู่ติดกับบ้านเรา เขาจะชอบเดินมาทางลัดหลังบ้านเราและรู้จักกับพ่อแม่เราดี) เราพึ่งกลับจากปั่นรถเล่นกับน้องกำลังจะไปอาบน้ำ ห้องน้ำเราจะมีช่องว่างมีชายคายื่นออกไปเล็กน้อยหลังห้องน้ำจะมืดมาก เป็นป่าหญ้า ตอนนั้นเวลาประมาณ 1ทุ่มนี่แหละ อาบอยู่ดีๆ เราได้ยินเสียงคนเดินมาจากหลังห้องน้ำและเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนั้นเรานึกว่าแม่ เพราะแม่ไม่ได้บอกว่าจะไปกับพ่อ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ไปๆมาๆมันไม่ใช่ มีมือที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกำลังพยายามจะปีน เราตกใจมากทำอะไรไม่ถูก สั่นไปหมด และตอนนั้นสภาพจิตใจเราก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว เราสั่นและเงียบคิดว่าคืออะไร สติก็คือหลุดลอยมากตอนนั้น เราเลยรีบอาบและรีบเข้าไปในห้อง ร้องไห้ ช็อกสุดขีด และรีบโทรบอกพ่อ พ่อเลยโทรบอกคนแถวบ้านมาดู แต่ตอนนั้นเรายังไม่พร้อมตอบไง คือมันช็อกมาก ทำอะไรไม่ถูก คนก็ถามว่ามือลักษณะเป็นยังไงก็ตอบไป แต่คนที่อยู่แถวนั้นกับคนที่มากินเหล้ากับอาก็บอกว่าไม่ได้ไปแถวนั้น ไปอยู่แต่เดินไปฉี่อีกตรงที่นึง มีแต่คนบอกไม่ได้ทำเราก็ไม่รู้แหละ พอพ่อกลับมาพ่อก็ยิงคำถามรัวเลย เราก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะยังตกใจอยู่ สติยังไม่กลับมาพ่อก็เลยบอกเลยว่า 'ทีหลังอย่าโง่นะ มีอะไรในห้องน้ำก็ฟาดเท่าที่ทำได้' อันนี้คือร้องไห้น้ำตาไหลแล้วนะ แต่พ่อไม่เห็น เราก็คิดมากอีกครั้ง อาการเริ่มหนักกว่าเดิม เริ่มคิดแล้วว่าเราโง่ขนาดนั้นเลยหรอ เราเริ่มตีตัวออกห่างจากพ่อมากขึ้น ก่อกำแพงในใจ เวลามีปัญหาจะไม่ค่อยปรึกษากับพ่อเลย กลัวโดนซ้ำเติมอีก จริงๆเราอาจจะโง่อย่างที่ว่าแหละ แต่เราอ่อนไหวง่ายเลยคิดมาก สภาพจิตใจเลยแย่ไปอีก
เรามีความฝันว่าอยากไปต่างประเทศถ้ามีงาน มีเงิน และเก่งภาษา เราเคยพูดให้พ่อฟัง พ่อบอกว่า 'ไปทำไมเมืองนอกวุ่นวาย เที่ยวที่บ้านก็ได้' เราหมดกำลังใจ หมดไฟในการฝึกภาษาเลยตอนนั้น แต่ก็พยายามไม่เก็บคำพูดมาคิดและฝึกพูดภาษาอังกฤษมาเรื่อยๆ
เราจะโดนกับพ่อบ่อยมากทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ได้เราก็โดนต่อว่าทันทีว่า ไม่ได้เรื่อง,แค่นี้ก็ทำไม่ได้ แต่ทุกวันนี้พ่อกับแม่ก็ไม่ทะเลาะกันแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดมันอยู่ในหัวตลอดเวลา เรากลายเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย กลัวการอยู่กับคนเยอะแบบสุดๆ ถ้าอยู่แล้วจะมือสั่นเหงื่อออก เราพยายามไม่ยึดติดกับอะไรพวกนี้ หาอะไรทำแต่มันก็ไม่ออกจากหัวสักที พอนึกถึงก็น้ำตาจะไหลตลอด โดนด่านิดหน่อยอารมณ์ดิ่งทันที คิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า ไม่อยากอยู่ และเซ้นซิทีฟกับคำพูดจนทำอะไรก็ลำบาก เราไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง ทำอะไรที่ไม่ต้องคิดเรื่องนี้ก็ทำ อ่านจากกระทู้หลายๆคน พยายามไม่คิดมากแล้ว ภายนอกเราจะดูเป็นคนปกติมากอยู่กับเพื่อนจะเฮฮาตลอด แต่เวลามีอะไรก็ไม่เคยบอกใครเก็บไว้คนเดียวทุกครั้ง แต่เวลาอยู่ที่บ้านก็จะอยู่แต่บ้าน เป็นคนขี้เบื่อ ทำได้แค่เดินเล่นแถวบ้านไปไหนก็ไม่ได้ จะไปเล่นกับพี่ก็กลัวพ่อว่าไปรบกวนเขา ทุกครั้งที่ดิ่งก็จะมาอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ ก็พอให้หายเครียดได้
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เราอยากรู้ว่าทุกคนแก้ปัญหากันยังไง ถ้าเจอปัญหาแบบนี้เราดิ่งมากๆเลย และเราไม่อยากอยู่กับความคิดแบบนี้อีกแล้ว หาทำอะไรสนุกๆมันก็ไม่สนุกเลย T_T
เราตกเป็นเหยื่อของโรคซึมเศร้าเพราะคำพูดและการกระทำของคนในครอบครัว