JJNY : ติดเชื้อ18,953 เสียชีวิต30 นิวไฮต่อเนื่อง│หมอธีระชี้ใกล้ภาระล้น│ส.อ.ท.มองอภิปรายแค่ซ้อม│สหรัฐชี้หมีขาวเตรียมบุก

ยอดโควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 18,953 ราย เสียชีวิต 30 ราย สถิตินิวไฮต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3192556
 
 
 
ยอดโควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 18,953 ราย เสียชีวิต 30 ราย สถิตินิวไฮต่อเนื่อง
 
ภาพจำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 18,770 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 183 ราย และผู้ป่วยสะสม 488,880 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
หายป่วยกลับบ้าน 13,962 ราย หายป่วยสะสม 358,737 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 162,460 ราย และเสียชีวิต 30 ราย ซึ่งนับเป็นยอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุดของปี 2565 เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้มียอดนิวไฮอยู่ที่เสียชีวิต 32 ราย เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
  

 
หมอธีระ ชี้ บุคลากรแพทย์ใกล้ภาระล้น ระวังรับไม่ไหว หากควบคุมโรคไม่ดี
https://www.nationtv.tv/news/378864334

นพ.ธีระ ชี้ เรื่องความไม่รุนแรงของ Omicron เป็นภาพลวงตา ระบุ ที่บอกว่าเตียงพอ เพราะผู้ป่วยอยู่ HI/CI ต้องใช้บุคลากรดูแลจำนวนมาก ระวังกลายเป็นปัญหาฝุ่นใต้พรม ถ้าควบคุมโรคไม่ดี แนะ ประเมินสถานะของเราให้ชัด ไม่ใช่รีบจ้ำตามกระแสโลก คนอื่นขาลง แต่เรายังขาขึ้น

20 กุมภาพันธ์ 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  โพสต์เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก และภาพลวงตาเรื่องความไม่รุนแรงของ Omicron กับภาระต่อระบบสุขภาพ ระบุว่า

ทะลุ 423 ล้านแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,536,878 คน ตายเพิ่ม 7,800 คน รวมแล้วติดไปรวม 423,498,669 คน เสียชีวิตรวม 5,900,118 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ รัสเซีย เยอรมัน บราซิล เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 98.02 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 93.87
 
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 49.95 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 33.88 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
 
...เอเชีย...
 
ขณะนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวัน และจำนวนเสียชีวิตต่อวันของเอเชียนั้นเริ่มใกล้เคียงยุโรป ทั้งนี้ประเทศในทวีปยุโรปเป็นขาลง ส่วนเอเชียนั้นแม้ภาพรวมจะเป็นขาลง แต่หลายประเทศยังเป็นขาขึ้นและยังไม่ถึงพีค รวมถึงไทยเราด้วย
 
...ภาพลวงตาเรื่องความไม่รุนแรงของ Omicron กับภาระต่อระบบสุขภาพ
 
เรามักเห็นข่าวแต่ละวันที่ประชาสัมพันธ์ว่าเตียงเพียงพอ มั่นใจรับมือได้ เอาอยู่ แต่หน้างานจริงจะทราบกันดีว่าแม้เห็นตัวเลขเตียงในรพ.ดูว่างกว่าระลอกเดลตา แต่เคสจำนวนมากไปกระจุกอยู่ที่บ้าน หรือสถานที่พักพิงในชุมชน ซึ่งต้องทราบว่า ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ไปดูแลติดตามอาการผ่านช่องทางต่างๆ จำนวนมาก ยังไม่นับภาระงานหลักที่รพ.ต้องดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ อีกมากมาย หลายต่อหลายรพ.ต้องระดมบุคลากรไปช่วย HI/CI มากขึ้น
  
ที่กล่าวมาข้างต้น ต้องการชี้ให้เห็นว่า หากไม่ควบคุมป้องกันโรคให้ดี มีการติดเชื้อแพร่เชื้อจำนวนมากเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็เหมือนฝุ่นใต้พรมที่สะสม จนสุดท้ายจะล้นท้นออกมา หรือรอวันที่พรมรองรับไม่ไหวฝุ่นก็จะคลุ้งออกมาให้เห็น
  
...เหนืออื่นใด สิ่งที่จะต้องตระหนักและเตรียมรับมือคือ ภาวะผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่จะมีภาวะอาการคงค้างระยะยาว หรือ Long COVID
 
New York Times เผยแพร่บทความที่ดีมาก และมีรูปประกอบสวยงาม สรุปให้เห็นข้อมูลวิชาการจากแหล่งต่างๆ สะท้อนให้ตระหนักว่า ภาวะ Long COVID นั้นเป็นความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นได้มากมายหลายอวัยวะ ตั้งแต่สมองและระบบประสาท หัวใจและหลอดเลือด ทางเดินอาหาร และอื่นๆ รวมถึงภาวะผิดปกติทางจิตเวช เช่น เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ และมีการตรวจพบชิ้นส่วนของไวรัสตามอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย นอกจากนี้งานวิจัยมากขึ้นเรื่อยๆ ชี้ให้เห็นว่า ติดเชื้อแล้วรักษาแต่ไม่จบ เพราะสามารถก่อให้เกิดปัญหาภูมิต่อต้านตนเองหรือ auto-antibody รวมถึงเกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังในระบบต่างๆ จนนำไปสู่อาการผิดปกติตามมา
 
ดังนั้นการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด เป็นกิจวัตร จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงาน ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
เหนืออื่นใด นโยบายและมาตรการรัฐนั้น ควรมีการประเมินสถานะของเราให้ดี ไม่ใช่รีบจ้ำตามกระแสโลก คนอื่นขาลง แต่เรายังขาขึ้น ถ้าจ้ำตามกิเลสมุ่งหาเงินเป็นหลัก ผลกระทบที่ตามมาจะไม่คุ้มกันครับ
 
...อย่าประมาท...
 
อ้างอิง
Keller J. How Long Covid Exhausts the Body. New York Times. 19 February 2022.

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223917848846581
 

 
ส.อ.ท. มองอภิปรายทั่วไปแค่ซ้อม ลุ้นฝ่ายค้านอุบเซอร์ไพรส์ เดือดรอบหน้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_3192117
 
ส.อ.ท. มองอภิปรายทั่วไปแค่ซ้อม ลุ้นฝ่ายค้านอุบเซอร์ไพรส์ เดือดรอบหน้า
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เมื่อวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น ทั้งสองฝ่ายได้แก่ ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามที่จะตอบทุกคำถาม ที่ฝ่ายค้านได้ส่งมา เท่าที่ได้ติดตามในช่วงสำคัญก็ดูเหมือนว่า ในการประชุมรอบนี้ รัฐบาลเองก็พยายามที่จะตอบคำถามทุกอย่างทุกด้าน แต่การตอบคำถามนั้น จะตอบได้ถูกใจหรือตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความพยายามที่จะทำการบ้านอย่างเต็มที่ ด้านฝ่ายค้านก็ทำการบ้านมาค่อนข้างดี ในการตั้งประเด็นคำถาม ตั้งข้อสงสัย ตั้งความไม่ไว้วางใจ ในหลายเรื่อง ทั้งการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลในหลายๆอย่าง
  
ขณะที่รัฐบาลเอง ก็ทำการบ้านมาดีเช่นกัน มีความพยายามตอบทุกคำถามและทุกมุม ที่ฝ่ายค้านมีข้อสงสัย แต่ทั้งนี้ ข้อมูลเหล่านี้ ยังเป็นข้อมูลที่ประชาชน ควรนำไปพิจารณาต่อ เพราะว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ ไม่มีการลงมติกัน หรือการลงคะแนนไว้วางใจ ซึ่งเป็นเหมือนกับซ้อมก่อนที่จะมีการอภิปรายใหญ่ ใน 2 เดือนข้างหน้านี้ โดยเชื่อว่า ภาพของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งใหญ่นั้นต้องมีความดุเดือนแน่ เพราะดูจากในการอภิปรายในครั้งนี้ แม้ไม่มีการลงมติไว้วางใจ แต่ทั้งสองฝ่ายมีการเตรียมตัวค่อนข้างดี มีการประชุมสภาฯ อภิปรายที่ดุเดือดเห็นได้จากอารมณ์ในการตอบโต้ การใช้คำพูด หรือการใช้น้ำเสียงตอบโต้อย่างมีอารมณ์ ในระดับที่คนนอกน่าจะสัมผัสได้ ขนาดแค่ซ้อมมือทั้งสองฝ่ายยังค่อนข้างจะมีการปะทะคารมกันพอสมควร ซึ่งถือว่าหนักเหมือนกัน แต่ถ้าถึงเวลาของจริง ซึ่งมีการอภิปรายต้องลงคะแนนด้วย เชื่อว่าคงจะดุเดือดขึ้นทวีคูณ
  
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายในครั้งนี้ ที่ไม่มีการลงคะแนนไว้วางใจ ก็ดูเหมือนจะเป็นการชิมลางเท่านั้น แต่ภาพที่เห็นค่อนข้างจะดุเดือดพอสมควรแล้ว ส่วนทิศทางการอภิปรายครั้งหน้า ผลก็เป็นไปได้ทุกทาง ทุกฝ่ายมีสิทธิแพ้ชนะคะแนนโหวตกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า การอภิปรายว่ายังใช้เรื่องเดิมๆไม่มีเรื่องใหม่หรือไม่ ไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านจะมีเรื่องอะไร หรือประเด็นใหม่ๆ ที่จะมาตรวจสอบรัฐบาลเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเกิดว่าในครั้งหน้า ไม่มีของใหม่ ภาพของฝ่ายค้านก็อาจจะดูจืดไป ทำให้อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา เหมือนกับการเก็งข้อสอบ รัฐบาลรู้ว่าฝ่ายค้านที่จะมาอภิปราย จะยังคงใช้เรื่องเดิม รัฐบาลคงได้โอกาสเตรียมคำตอบของข้อสอบมาอย่างดี แต่ถ้าฝ่ายค้านมีข้อมูลใหม่ๆ ก็ทำให้การอภิปรายครั้งหน้ามีสีสัน โดยขึ้นอยู่กับการทำงานของทั้งสองฝ่ายแล้ว 
  
เพราะฉะนั้น มองจากในมุมข้อเท็จจริง ในการอภิปรายครั้งหน้าที่จะทีการลงคะแนนกัน ก็เชื่อว่าสิ่งสำคัญคือ ทั้งสองฝั่งคงต้องมีการเตรียมความพร้อมกันมากกว่าครั้งนี้แน่นอน โดยเฉพาะฝ่ายค้านถ้าเกิดมีโอกาส เปิดไพ่บางส่วนมาแล้ว แต่ถ้าไม่มีข้อมูลใหม่ๆ หรือไม่มีข้อมูลที่เป็นทีเด็ด ก็เชื่อว่าอีกฝ่าย คือรัฐบาล ซึ่งครั้งนี้ชิมรางตอบไปแล้ว ก็จะทำได้ดีขึ้น เหมือนกับว่า ได้รู้โจทย์ รู้ข้อสอบแล้ว ฝ่ายรัฐบาลเลยเตรียมตัวได้ดีกว่า แต่ถ้าฝ่ายค้านมีเซอร์ไพรส ซึ่งอาจจะเก็บข้อมูลที่อุบอะไรบางอย่างไว้ แล้วเปิดเผยในครั้งหน้า คงกลายเป็นการอภิปรายที่ดุเดือดอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่