ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวกันก่อนครับ
ผมชื่อ บอล หรือบางทีเพื่อนๆเรียกติดปากว่า บอลลี่
หรือบางคนอาจจะคุ้นๆจากกระทู้ที่แล้วของผมที่ขับรถเที่ยวเบตง 20วัน19คืน ด้วยงบ 4000บาท
https://pantip.com/topic/40437162และวันนี้ผมกลับมาอีกครั้ง ด้วยโร้ดทริป จ.น่าน ตลอด 10 วันที่เต็มไปด้วยรสชาติ ทั้งสุขแบบสุดๆระหว่างทางสวยงามมากจนขับรถไปร้องให้ไป
แล้วก็เศร้าสุดๆเพราะกล้องโกโปรที่ถ่ายคลิปไว้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆตลอด7วัน หล่นหายระหว่างขับรถ
แล้วก็มีปาฏิหารย์เกิดขึ้นคือเช้าวันถัดมามีคนเจอกล้องผมและโพสหาเจ้าของผ่านทางโซเชียล
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงพลังโซเชียลมีเดียที่ทำให้ผมไม่มีวันลืม
ภาพโค้งหมายเลข3 ถนนลอยฟ้าอันโด่งดังของ จ.น่าน ครับ
ต่อไปนี้เลยอยากจะขอแชร์เรื่องราวการเดินทาง ที่ครั้งนี้ผมไม่ได้มาแค่คนเดียวหากแต่ว่ามีพี่ต้อม
https://www.facebook.com/profile.php?id=100066585348813 บาริสต้าหนุ่มจากหาดใหญ่ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นสรุปแบบรวดรัดเพื่อให้เพื่อนๆได้อ่านและศึกษาการตัดสินใจในการท่องเที่ยวแบบคร่าวๆ ถ้าใครอยากอ่านหรือสนใจบันทึกการเดินทางเต็มๆว่าแต่ละวันแห่งการเดินทางนั้นผมเจอปัญหาหรือสาหัสสากันอะไรบ้างก็ไปย้อนอ่านได้ใน เพซบุ๊คแฟนเพจ : ขับวินเที่ยว หรือคัดลอกลิงค์นี้
https://web.facebook.com/khabwintiaw ได้ครับ
โอเค เกริ่นนำกันมาขนาดนี้เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลย
วันที่1 เริ่มต้นด้วยการออกเดินทางระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร จากกรุงทเพสู่จุดพักแรกของเราคือ อช.ทุ่งแสลงหลวง จ.เพชรบูรณ์
วิวจากหน้าลานกางเต็นท์แบบนี้เลยครับ ยิ่งตอนมีแสงแดดจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองสวยมากๆ
วันแรกก็เซอร์ไพรซ์แล้วครับ บังเอิญมาเจอกับเพื่อนผม น๊อตจากเพจ หาตังค์เที่ยวรอบโลก โดยไม่ได้นัดหมาย ไปลองติดตามกันได้นะ ไอหมอนี่มันบ้ามากเลย มีเงินแสนเดียว เดินทางไปครึ่งโลก
คืนนี้ก็เลยนั่งกินชาบูกัน ฮ่าๆๆๆ
วันที่2 เช้าวันที่สองโคตรหนาว 11องศา หมอกลงเต็มพื้นที่ พวกเรายังคงปักหลักที่นี่เพราะว่าความล้าบวกกับอยากไปดูทุ่งสะวันนาเมืองไทยในช่วงเย็น

กางทาร์ปดริปกาแฟกันดีกว่า
กาแฟร้อนๆหน่อยไหมฮะ ฮ่าๆๆ
ตกเย็นก็ขับรถแบบทางออฟโร้ดลุยเข้าไปอีก 11 กิโลก็จะถึงทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย
วันที่ 3 ในตอนเช้าหมอกปกคลุมทั่วลานกางเต็นท์เช่นเคย แต่วันนี้ผมขับฝ่าความหนาวระดับ 11.4 องศาออกไป 4 กิโลเมตร เพื่อไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็เซอร์ไพรซ์ ทะเลหมอกแบบสุดลูกหูลูกตา


หลังเที่ยวชมทะเลหมอกเสร็จเราก็ออกเดินทางต่อ ขับรถกันแบบทั้งวันเพื่อมุ่งสู้ดอยเสมอดาว
แต่ด้วยระยะทางที่ไกลเอามากๆ เราไปไม่ถึงทำให้ต้องพักค้างคืนที่ ภูสะนาว จ.อุตรดิตถ์
วันที่4 เช้านี้ชิลล์มากๆ อากาศแค่พอเย็นๆไม่หนาวจนทรมาน ที่นี่มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าด้วย

หลังจากชมวิวยามเช้า ดริฟกาแฟดื่มกันอีกหน่อย ก็เก็บของเตรียมเดินทางต่อแต่ว่าต้องมาช๊อคกับการที่ยางหลังแบนแต๊เลย ทว่าโชคดีที่ผมพกเครื่องเติมลมแบบพกพามาด้วย ซึ่งหลังจากเติมลมเสร็จผมก็พยายามหารอยรั่วแต่ก็ไม่เจอ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่อยากจะสันนิษฐานเลยว่า อาจจะมีคนปล่อยลมยาง
หลังจากแก้ปัญหายางแบนเสร็จก็ออกเดินทางต่อไปยังดอยเสมอดาว ซึ่งระหว่างทางสวยมากๆ ภาพข้างล่างนี้คือสะพานข้ามแม่น้ำน่าน
แวะเติมความสดชื่น อ่าาาส์!!!!
ถึงแล้วดอยเสมอดาว
วันที่5 เช้านี้หนาวมากลมก็แรงตื่นมาแต่เช้ามืดกะว่าจะถ่ายดาวไม่มีดาวเลย ฮ่าๆๆ


หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าที่ดอยเสมอดาวเสร็จพวกเรามุ่งจรงไปยังจุดหมายต่อไปใกล้ๆกับตัวเมืองน่านเป็นโฮมสเตย์ของรุ่นพี่ที่เคารพยิ่ง
ชื่อนาหมงโฮมสเตย์ ซึ่งพี่ชายผู้เป็นเจ้าของก็ชื่อ หมง

หลังจากการเดินทางไกลติดต่อกันหลายวัน วันนี้ได้พักผ่อนในช่วงบ่ายรีชาร์จไฟ พวกอุปกรณ์กล้อง พาวเวอร์แบงค์ ตามด้วยช่วงหัวค่ำพี่หมงพาเที่ยว เดินตลาดนัดคนเดินในเมืองน่าน แถมยังพาไปชมภาพกระซิบรักบรรลือโบกอันโด่งดังของวัดภูมินทร์อีกด้วย ต้องขอบคุณพี่หมงมากๆ
วันที่6 พวกเราใช้ช่วงเวลายามเช้าดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของนาหมงโฮมสเตย์ เป็นที่พักบรรยากาศทุ่งนาที่ห่างเมืองน่านไม่มากเหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวน่านแต่อยากได้บรรยากาศแบบสงบๆ มีสวนดอกไม้ มีบาร์กาแฟในตัวด้วย ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้
https://www.facebook.com/namonghomestayส่วนนึงของถนนลอยฟ้า ก่อนถึงโค้งหมายเลข3
หลังออกจากที่พักพวกเราเดินทางต่อยังจุดหมายต่อไปคือ บ้านห้วยโทน แต่ระหว่างต้องผ่านถนนลอยฟ้าที่โคตรสวยงาม โค้งหมายเลข3(รูปภาพหัวปกกระทู้) แล้วก็หมู่บ้านสะปัน
ถึงแล้วบ้านห้วยโทน เป็นหมู่บ้านที่เกือบจะลับ อยู่สูงถัดขึ้นมาจากสะปันเพียง 4-5 กิโลเมตรเท่านั้น อากาศหนาวมากๆ สะปันว่าหนาวแล้ว บนนี้หนาวกว่า
วันที่7 เช้าวันนี้หนาวที่สุด ไม่ถึง 10 องศาแน่ๆ เพราะถุงนอนเอาไม่อยู่หนาวจัดๆเลย ทะเลหมอกบ้านห้วยโทนคือดีย์มากๆ

ดริฟกาแฟที่นี่คือสุดๆ ไปเลยยย
ภาพข้างล่างนี้คือ เส้นทางระหว่างไปภูลังกา
ดาวที่วนอุทยานภูลังกา

วันที่ 8 ทุกอย่างดูเรียบง่าย เมื่อคืนอากาศเย็นสบายประมาน 16-17 องศา ไม่หนาวจนนอนแทบไมไ่ด้เหมือนบ้านห้วยโทน ทำให้นอนหลับเต็มตา วันนี้เราตั้งใจเดินทางต่อไปที่ อช.ลำน้ำน่านซึ่งเป็นขาที่เรากำลังลงกลับกรุงเทพแล้ว

ทว่าสิ่งที่ไม่คาดผันก็เกิดขึ้นหลังจากเดินทางมาตลอด 6 ชม. กล้องโกโปรผมดันมาหล่นหายก่อนถึงจุดพักซะงั้น เรื่องราวหลังจากนี้เลยแทบไม่ได้บันทึกไรไว้ เพราะเสียขวัญถึงขั้นน้ำตาคตลอ
กล้องตัวล่างนี่หล่นหายพร้อมขาตั้งเลย
กินย้อมใจซะเลย พยายามฝืนยิ้มทั้งที่ใจข้างในนี่คือแตกสลายอ่ะ ลองสังเกตุที่แววตาผม
วันที่ 9 ตอนแรกเป็นเช้าที่ดูนอยๆ ได้ถ่ายรูปนิดหน่อย
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านสวยมากๆ
เรื่องพีคต่อมาคือเหมือนปฏิหารย์มีจริง มีคนเจอกล้องผม ดีใจจนน้ำตาไหล ขอบคุณพลังโซเชียลจริงๆที่แชร์โพสผมไปจนถึงผู้เจอ
หลังจากรับเจ้าโปโปรคู่ใจเสร็จผมก็ยิงตรงยาวๆ อีก300 กว่ากิโลมุ่งสู่จุดพักคืนสุดท้ายที่น้ำตกคลองน้ำไหล จ.กำแพงเพชร ซึ่งแทบไม่มีรุปอะไรหลังจากนี้เพราะติดพันการเดินทางไกลมากๆไปถึงจุดแค้มก็มืดเลยด้วย
วันที่ 10 เป็นวันสุดท้ายชองการเดินทาง ช่วงเช้าก็ดื่มก่ำบรรยากาศของน้ำตกสวยๆ แล้วค่อยเก็บของเดินทางรวดเดียว 350 กิโลกลับ กทม.
แยกย้ายกันที่ชัยนาท
ถึงบ้านละเกือบตาย ฮ่าๆๆๆ
เรื่องราวทั้งหมดด้านบนนี้เป็นเรื่องราวคร่าวๆตลอด 10 วันครับ ผมต้องย่อมันให้กระชับเข้าใจง่ายและอยู่ในขอบเขตพื้นที่ที่ๆจำกัดในกระทู้ ใครสนใจเรื่องราวเต็มๆที่เข้าข้นกว่านี้อีก 3 เท่าไปติดตามต่อในเพจ ขับวินเที่ยว ได้นะครับ
ขับวินเที่ยวน่าน 10วัน9คืน งบ3600บาท กว่า2300กิโลเมตร
ผมชื่อ บอล หรือบางทีเพื่อนๆเรียกติดปากว่า บอลลี่
หรือบางคนอาจจะคุ้นๆจากกระทู้ที่แล้วของผมที่ขับรถเที่ยวเบตง 20วัน19คืน ด้วยงบ 4000บาท
https://pantip.com/topic/40437162