‘ เส้นทางตะเข็บชายแดนแม่น้ำสาละวิน’ 29 NOV -7 DEC 66 , 3,109 km.

กับ CRF300L รถวิบากที่ล้อไม่วิบาก แต่พาลำบากและโค้งมีแค่สองโค้งเท่านั้น ซ้ายกับขวาาาา

29 พฤศจิกา 66
รับรถสถานีรถไฟนครปฐมและมุ่งหน้าสู่ลานกระบือเพื่อกับพี่เดมพี่ทีทำงานเก่า พักครึ่งทางไปต่อแม่สอด ตาก วันถัดไป

30 พฤศจิกา 66
ระหว่างทางได้พบเจอกับพี่เรย์ Harley ยืนเก็บขยะรอบศาลาพักรถโค้งแม่สอด เพื่อนใหม่คนแรกของทริปนี้ จนได้คุยกันชวนไปพักที่ม่อนหมอกตะวัน พบพระ ตาก
และเมื่อคืนไปถึงที่ลานกางเต็นท์ได้ไปพบกับน้องบุ้นและสุ royal enfield interceptor 650 พวกเราได้นั่งพูดคุยกันว่าผมจะขึ้นสอยมาลัย เช้าถัดไป
แต่คุยไปคุยมาโดนน้องบุ้นและสุป้ายยาขึ้นกลอเซโลจนได้ และยอมไปด้วยเพราะการจะขึ้นทางแบบนี้ มีเพื่อนดีกว่าไม่มี น้องสุสนใจการถ่ายดาวเป็นพิเศษ จนได้มาหัดถ่ายกันในระหว่างที่พี่เรย์กำลังป้ายยา Harley น้องบุ้นอยู่

01 ธันวา 66
นัดกับพี่เรย์ว่าจะไปเจอกันที่โค้ง 33 ตอนขาลง แต่ไม่เจอกัน เราจึงเดินทางต่อเข้าตัวเมืองแม่สอด
และน้องบุ้นกับสุ ได้นัดเพื่อนร่วมทางมาเพิ่มอีก 1 คน นั้นกึคือพี่พร้าว royal enfield interceptor 650 เพื่อมุ่งหน้าสู่ กลอเซโล อีก เกือบ 300 km. ทางซึ่งมีแค่โค้งละโค้งจริงๆ และรถผมที่วิ่งได้ไม่เกิน 200 km ต้องยอมเติมน้ำมันจากชาวบ้านลิตรละ 42 บาท ก่อนขึ้นกลอเซโลอีกประมาณ 20 km ได้แวะจอดเติมเสบียงเพื่อนำขึ้นสู่กลอเซโล ระหว่างทางฝนไม่ตก ก็หวังว่าจะไม่ใช้หนังชีวิตในวันนี้ แต่มีหินลอย ถนนหนังหมู ร่องเนิน บางส่วนที่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ระหว่างทางก็พบเจอกลุ่มอื่นมีล้มบ้างสุดท้ายกลุ่มเราก็ขึ้นกันไปถึงปลอดภัยทุกคน ทางที่มีแต่ฝุ่นนน เป็น 20 km ที่เล่นไปประมาณ 2 ชม
ถือว่าคุ้มค่าาา น้องสุก็หัดถ่ายดาวต่อ ที่นี้ไวไฟ อบต มีขาย ไม่แน่ใจ 20-40 บาท จำราคาไม่ได้ ที่ชาร์จแบตไม่มี

02 ธันว่า 66
ผมยังคงติดตามกลุ่มนี้ต่อ พวกเรา 4(+1 เพื่อนร่วมทางอีกคนด้านบน) คนได้จ้างรถยนต์ลงมา ตกคนละ 300 พร้อมรถมอไซ โดยเราต้องรีบมุ่งหน้าสู่ปางอุ๋งสำหรับคืนนี้ ช่วยให้ประหยัดเวลาได้และมีเวลาถ่ายรูประหว่างทางที่เราไม่ได้ถ่ายเมื่อวาน เมื่อลงสู่ถนนดำ เราก็มุ่งหน้าสู่ ปางอุ๋งกันเกือบครึ่งวัน กับทางที่มีแต่โค้งละก็โค้ง จนไปถึงปางอุ๋งเย็นจนได้ และหาจุดกางเต็นท์ริมน้ำ เพื่อหวังว่าตื่นเช้ามีไอหมอกขึ้นหน้าเต็นท์และถ่ายดาวกลางคืน
แต่คืนนั้นกลายเป็นว่าฝนตก มีเวลาถ่ายดาวแค่ไม่กี่นาที

03 ธันวา 66

ตื่นเช้ามา 6:00 เปิดหน้าต่างเต็นท์ออกมาเพื่อจะดูไอหมอก แต่กลับไม่มีเลยยย เฟลซ้ำ  จึงรีบเก็บเต็นทเมื่อเดิรไปถึงรถ

A : แกฉันว่าตรงนี้ก็น่ากางเต็นท์นะ (มุมตามรูปที่รถจอดต้นสน)
ผม : ใช่ เมื่อคืนผมกางตรงนี้
A : แล้วนี้แกถือกุญแจรถใคร ?
ผม : กุญแจรถผม (กำลังจะขับรถไปอาบน้ำ)
A : หันมองหน้า , ขอโทษ นึกว่าเพื่อน
ละเดินหายไปเลย คุยกันตั้งนาน 🤣🤣

ไปบ้านรักไทยต่อด้วยความหวัง แต่ก็ไม่มีไออะไรเลยเช่นกันนนน จึงมุ่งหน้า่สู่ปาย ถึงเวลาที่เรา 4 คนต้องแยกย้าย และแยกย้ายกันที่ 3 แยกแม่แตง
ผมมุ่งหน้าสู่ดอยหลวงเชียงดาว พี่พร้าว บุ้น มุ่งหน้าสู่ตาก และแวะส่งสุ สถานีขนส่งเชียงใหม่เพื่อกลับสมุทรปราการ  
ผมได้แวะไปเจอกับพี่ฟลุ้ค เราเคยเดินเขาช้างเผือกกันเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ววว แต่ไม่มีจังหวะได้เจอกัน วันนี้เลยแวะสักหน่อยยยย และเดินทางต่อสู่ดอยหลวงเชียงดาว ไปถึงก็ไม่มีที่พักกก ไปขอกางเต็นท์เอาข้างครัวเขา เพราะยังไงตอนถ่ายรูปก็ไปถ่ายมุมอื่นอยู่แล้ว ขอแค่ที่นอน

04 ธันวา 66
ดอยหลวงเชียงดาว ไม่มีหมอกเช่นเคยยย จึงตัดสินใจเก็บเต็นท์และมุ่งหน้าสู่ฝาง บ้านเก่าตอนฝึกงานน แวะพี่ยอด พี่ยอดได้พาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแรกที่แกเคยพาพวกเรามากิน แต่ผมกลับจำร้านไม่ได้เลยยย และแยกย้ายกับพี่ยอดในที่สุด ผมมุ่งหน้าสู่บ้านผาฮิ๊ แม่สาย เชียงราย หลังจากนี้เดินทางคนเดียวแล้วจริงๆ
จนไปได้ห้องพัก เพื่อจะชาร์จแบต และเพาเวอร์แบงค์ คงนอนเต็นท์ไม่ได้แล้วคืนนี้ หมดไฟ แต่ก็กลับได้เพื่อนใหม่ห้องข้างๆ ที่เขาโดนเทและต้องมาคนเดียวเหมือนกัน นั้นคือพี่ไหม มาจาก กทม นั่งรถทัวร์มาเพื่อมาเที่ยวบ้านผาฮิ๊ คืนนั้นได้คุยกันเรื่องกาแฟ ชา แต่ผมกินอะไรไม่เป็นเลย ยกเว้นเบียร์ 555

05 ธันวา 66
พี่ไหมเปิดเพลงหน้าห้องจนผมตื่น 6:30 จริงๆ ผมก็บอกแกไว้ให้ปลุกผมเองแหล่ะ ตื่นมาเพื่อดูแสงเช้าและรับไอหมอกที่ลอยผ่านภูเขาขึ้นมา ณ บ้านผาฮิ๊ จน 9:00 ผมเดินทางต่อไปแม่สายโดยลงทางดอยช้างมูบ ไปถ่ายกับป้ายเหนือสุดแดนสยาม และมุ่งหน้าสู่ภูชี้ฟ้า ไปพบเจอกับพี่ในแก๊งที่เคยเดินเขาช้างเผือกด้วยกัน นัดกันไว้จะ 7 ปีแล้วไม่เคยเจอกัน วันนี้แหล่ะต้องเจอ
มุ่งหน้าสู่ภูชี้ฟ้าโดยแวะวัดร่องขุ่นก่อน แล้วไปถึงภูชี้ฟ้าก็เย็นแล้วว เมื่อไปถึงก้ได้เทสนั่ง ADV350 ขึ้นผาตั้ง มันสบายกว่า CRF300L เยอะเลยยย
ตกค่ำเราก็ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องเขาช้างเผือกเมื่อลหลายปีก่อนน ตอนที่เราต่างก็ไปคนเดียวและซ้อนท้าย(สกุปปี้หรือฟีโน่สีเหลือง ไม่แน่ใจ )ของพี่แกขึ้นไปจุดเริ่มต้นเดินเขาช้างเผือก  

06 ธันวา 66
ได้นัดกับรถให้มารับ 5:00 เพื่อไปยังจุดชมวิวภูชี้ดาว และเดินต่ออีก 10-15 นาที แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือพวกเราอายุเพิ่มขึ้น กลับทำให้การเดินขึ้นเขาแค่เวลาเท่านี้ช้าลง ไม่เหมือนตอนที่เราไปเขาช้างเผือกด้วยกันนน
เมื่อขึ้นไปบนยอดภูชี้ดาว เรารอพระอาทิตย์ขึ้นจากฝั่งลาวและหมอกที่ขึ้นมาปกคลุมมม แสงสีทองผ่านหมอกกระทบกับหญ้าบนภูเขา
9:00 เราเริ่มเดินทางกลับ ผมมุ่งหน้าสู่น่านผ่านเส้นภูลังกา ส่วนพี่เขามุ่งหน้าสุ่ กทม 800+ km เราแยกทางกันที่ 3 แยกเข้าภูลังกา ผมผ่านเส้นน่านก็วนกลับไปพักที่ลานกระกระบือกับพี่ที่ทำงานเก่าเหมือนคืนแรก

07 ธันวา 66
ผมต้องมุ่งหน้าสู่นครปฐมเพื่อส่งรถกลับหาดใหญ่ผ่านรถไฟ แต่ไม่ไปทันเวลา จึงต้องรอส่งวันถัดไป
โชคดีที่มีงานองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม ทำให้คืนนั้นมีเวลาสำรวจเมืองก่อนจะกลับใต้ในวันถัดไปปป

-นครปฐม
-ลานกระบือ กำแพงเพชร
-ม่อนหมอกตะวัน ตาก
-โค้ง 33 ตาก
-กลอเซโล แม่ฮ่องสอน
-ปางอุ๋ง,บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน
-ปาย แม่ฮ่องสอน
-ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่
-ฝาง เชียงใหม่
-บ้านผาฮิ๊ เชียงราย
-วัดร่องขุ่น เชียงราย
-ป้ายเหนือสุดแดนสยาม แม่สาย เชียงราย
-ผาตั้ง ภูชี้ดาว เชียงราย
-ถนนโค้งหมายเลข 3 น่าน
-นครปฐม
ส่งรถขึ้นรถไฟมาจากหาดใหญ่สู่นครปฐม ทั้งขาไปและกลับ





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่