🏀 สถานการณ์สัญญารองเท้าบาสในปัจจุบัน

ผู้เล่นในลีก NBA ส่วนใหญ่อยากได้สัญญารองเท้าเเละเสื้อผ้าเพราะนั่นหมายถึงโอกาสทําเงินนอกสนามเเต่วิกฤตการณ์ Covid-19 เเละเศรษฐกิจที่ตกตํ่าทั่วโลกทําให้ธุรกิจรองเท้าบาสที่เคยขายดีเทนํ้าเทท่าระดับ $1.3 พันล้านในปี 2015 มียอดขายตกตํ่าเหลือเเค่ $640 ล้านเท่านั้นในปี 2020

ร้านขายรองเท้าหลายเเห่งต้องปิดตัวลงเเละคนก็ต้องหันมาชอปปิ้งออนไลน์เเทนซึ่งลูกค้าบางคนไม่ชอบเพราะลองรองเท้าไม่ได้เเละกะขนาดได้ลําบากทําให้มีการส่งสินค้าคืนคลังจํานวนมาก บริษัทรองเท้าบาสเลยต้องปรับเปลี่ยนเเผนโดยการตัดงบประมาณด้านการตลาดเเละ endorsement ลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

สัญญารองเท้าจะเเบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ซึ่งเเต่ละชนิดจะมีมูลค่าตัวเงินเเบบการันตี, กิจกรรมทางการตลาดเเละรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน

สัญญาเเบบที่ 1: Signature shoe deal

เมื่อปีก่อนมีผู้เล่นในลีกเเค่ 17 คนที่มี signature shoe deal ที่มีมูลค่าเฉลี่ยของสัญญาอยู่ที่ราวๆ ปีละ $10-15 ล้าน นอกจากนี้จะมีส่วนเเบ่งจากยอดขายสินค้าเพิ่มอีก 5% ซึ่ง superstar ตัว top อาจได้เยอะหน่อยราวๆ 6-8%

ใครที่มีชื่อติดตัวจริงเกมส์ All-Star หรือ All-NBA First Team ก็จะได้โบนัสเพิ่มอีกราวๆ $150,000-$750,000 ส่วนคนที่ได้รางวัล MVP จะได้เพิ่ม $1-2 ล้านขึ้นอยู่ข้อตกลงตอนเซ็นสัญญา

รองเท้าเเละสินค้าเสื้อผ้าพวกนี้มักจะทํายอดขายให้กับบริษัทได้ราวๆ $100-300 ล้าน ดังนั้นส่วนเเบ่ง 5-8% ที่นักกีฬาจะได้รับอาจสูงถึง $20 ล้านในบางคน นอกจากเงินเเล้ว พวกเขาก็จะได้สินค้าส่วนนึงมาใช้ฟรีด้วย ผู้เล่นที่มี signature shoe deal จะมีส่วนร่วมในการออกเเบบรองเท้าเเละต้องเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตามที่บริษัทจัดอย่างเคร่งครัด

ผู้บริหารบริษัทรองเท้าบาสรายนึงเล่าให้นักข่าวฟังว่า:

“การถอนทุนคืนจากสัญญา signature shoe deal ไม่ใช่เรื่องง่าย มีนักบาสเเค่ไม่กี่คนที่มีศักยภาพสามารถทํากําไรคืนให้กับบริษัทได้ทําให้การให้สัญญา signature shoe ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เเละขั้นตอนการเจรจาว่าจ้างก็ซับซ้อนกินเวลานานถึง 16-24 เดือน

สัญญาเเบบที่ 2: Cash deal

เคยมีผู้เล่นราวๆ 225 คนที่รับค่าจ้างในรูปเเบบของเงินสดที่มีมูลค่าราวๆ ปีละ $500,000-$4 ล้านเเต่พอมีโควิดเกิดขึ้นตัวเลขผู้เล่น cash deal ก็ลดลงเหลือเเค่หลัก 70-100 คน

คนที่อยู่ในกลุ่ม cash deal ก็เช่น Devin Booker, Bradley Beal ซึ่งพวกเขาไม่มี signature shoe เป็นของตัวเองเเต่จะมีส่วนร่วมในการช่วยออกเเบบดีไซน์รองเท้าเช่น retro sneakers ของ Kobe

คนที่ได้ cash deal มักจะเป็นผู้เล่นตําเเหน่งการด์เพราะมีความเชื่อกันว่าพวก big man ไม่มีมูลค่าทางการตลาดเเละช่วยขายสินค้าไม่ได้ ใครที่เล่นให้กับทีมตลาดใหญ่หรือมีลุ้นเเชมป์ก็จะได้เงินค่าจ้างมากหน่อยเเละถ้าเป็นตัวจริงก็จะได้มากกว่าตัวสํารอง

มีนักบาสหลายคนที่เคยปฏิเสธสัญญา cash deal เพราะอยากใส่เเบรนด์ที่ตัวเองชอบมากกว่าเเละไม่อยากถูกบังคับให้ใส่เเบรนด์เดียวลงสนามเพื่อเเลกกับเงินเช่น Gilbert Arenas ที่เปลี่ยนรองเท้าเป็นว่าตอนที่เขายังอยู่ในลีก

สัญญาเเบบที่ 3: Merch deal

อันนี้จะเป็นสัญญามูลค่าตํ่าที่มักจะเสนอให้กับ center หรือตัวสํารองปลายเเถวในทีมตลาดเล็กหรือท้ายตารางโดยสัญญาจะเป็นเเบบระยะสั้นไม่เกิน 1-2 ปี

บริษัทจะไม่จ่ายค่าจ้างให้ใน merch deal เเต่จะให้ของตอบเเทนในรูปเเบบของเครดิตซื้อสินค้าของบริษัทไปใช้ได้ฟรีเช่นเสื้อผ้า, ของใช้อื่นๆ ซึ่งจะมีมูลค่าราวๆ $15,000-25,000 เเต่มีข้อเเม้ว่าเครดิตสินค้าสามารถใช้ได้ในปีนั้นปีเดียว ถ้าไม่ใช้ เครดิตก็จะหมดอายุเเละจะถูกลบออกจากบัญชีไปทําให้ผู้เล่นที่มี merch deal มักจะออกมาชอบปิ้งในช่วงท้าย summer ก่อนวันที่ 30 กันยาของทุกปีเพื่อใช้เครดิตสินค้าที่มีให้หมดเเล้วเอาของที่ได้ไปเเจกให้กับเพื่อนหรือให้รุ่นน้องที่โรงเรียนเก่า

วิกฤตการณ์โควิด 19 ทําให้ผู้เล่นที่เคยมี merch deal เกือบครึ่งไม่ได้รับการต่อสัญญาเเละจะมีราวๆ 100-175 คนที่ไม่มีสัญญารองเท้าเเบบไหนรองรับ
ปีก่อนผู้เล่นในลีกราวๆ 70% ใส่รองเท้าเเบรนด์ไนกี้ลงสนาม, 8% ใส่เเบรนด์ Jordan เเละอีก 11% ใส่ Adidas

“ผมเชื่อว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะยังใส่รองเท้า Nike ลงสนามต่อไปเเต่ที่เเตกต่างจากเมื่อก่อนก็คือพวกเขาจะไม่ได้รับค่าตอบเเทนใดๆ จากบริษัทรองเท้า” ผู้บริหารรายเดิมกล่าว

บทสรุปของสัญญารองเท้าเหล่านี้ก็คือ:

-ใครที่เป็น superstar ระดับ max contract จะได้ signature shoe deal
-ใครที่เป็นผู้เล่นระดับกลางๆ หรือตัวสํารองระดับต้นๆ ก็จะได้ cash deal
-ใครที่เป็นเซ็นเตอร์หรือตัวสํารองปลายเเถวก็จะได้ merch deal ในรูปเเบบของสินค้าเเละเครดิตเเทน

Credit: The Undefeated
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่