ตอนที่ 3
รอยเส้นบนใบหน้าดูฝังลึก แววตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึก ใบหน้าขาวซีดราวซากศพ
“ทำไมร้องเสียงดัง” เสียงถามเชิงตำหนิ เด็กสาวใจชื้นขึ้น ความหนักอึ้งผ่อนคลาย หายจากอาการ สติจะขาดห้วง เบาใจเมื่อเห็นคนธรรมดาอยู่เบื้องหน้ายามเวลาวิกฤติ
และถ้าสติสัมปชัญญะของเธอยังดีอยู่ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนไปเสียก่อน เธอบอกกับตัวเองว่า ยังสามารถได้ยินเสียงตึก ๆ... เป็นจังหวะ เหมือนหัวใจขนาดใหญ่ กำลังเต้นอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในหอพัก ราวกับมีตัวตน มีชีวิต
อายามิตัวสั่นเทาเป็นลูกนกต้องลมหนาว
“ผะ..ผี ค่ะ..ผี “
เด็กสาวพยายามอธิบายแทบไม่เป็นภาษา แข้งขาอ่อนจนแทบจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น ไม่กล้าหันไปมองทางเตียงนอน เพราะภาพหลอกหลอนยังติดตาอยู่อย่างชัดเจน
“ผีบ้าผีบออะไรของเธอ” อาจารย์คานะขึ้นเสียงสูง สายตาเต็มไปด้วยแววลี้ลับ ยืนปักหลักอยู่หน้าห้อง
“นี่มันหอพักนะ ไม่ใช่โรงเก็บศพในป่าช้า จะได้มีผีออกมาอาละวาด เธอคงประสาทหลอนไปเสียแล้วเธอเชื่อเหรอว่าผีมีจริง”
“แต่เมื่อครู่ฉันเห็น...” เด็กสาวอึกอัก พยายามจะอธิบายรายละเอียด แต่อาจารย์ผู้น่ากลัวกลับตัดบทขึ้นมาก่อน
“เห็นอะไร คิดมากไปได้ คงไปได้ยินข่าวมาแล้วล่ะสิ”
“ข่าวอะไรคะ” เด็กสาวเริ่มรู้สึกไม่ดีกับท่าทีของอาจารย์ แกจะบอกอะไร อาจารย์คานะจ้องหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“ข่าวที่มีนักศึกษาเคยตกเลือดตายคาห้องพัก บนเตียงใดเตียงหนึ่งในห้องนี้น่ะสิ”
นั่นปะไร...เป็นอย่างที่สังหรณ์ใจ หัวใจของเด็กสาวเหมือนตกวูบลงตาตุ่ม ผิวหนังชาเห่อด้วยอาการขนพองสยองเกล้า ใจหวิวเหมือนจะเป็นลม เธอนอนทับเตียงคนตาย แล้วทำไมอาจารย์ต้องให้เธอมานอนค้างในห้องนี้ด้วย แล้วยังทะลึ่งมาบอกอีก จะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ประสาทเสีย
หลังเล่าเรื่องอันไม่ควรพูด อาจารย์คานะก็เคลื่อนตัวเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองไปโดยรอบ สักพักจึงจุดเทียนขึ้นเล่มหนึ่ง ปักไว้บนหัวเตียง ก่อนเดินไปไขบานเกล็ดให้ปิดลงเพื่อกันลม วางไม้ขีดไฟ และเทียนสองเล่มบนหัวเตียง ด้วยท่าทางเยือกเย็น น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เวลาฝนตกไฟฟ้ามักจะดับ ฉันเป็นห่วงเลยเอาเทียนมาให้ อ้อ....”
แกหันมาจ้องมาด้วยแววตาเร้นลับ นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบ
“ถ้าเธอกลัวมาก จะไปนอนในห้องฉันก็ได้นะ ห้องอยู่ริมสุด ฟากหนึ่งของตึก เดินตรงไปตามทางเดิน เคาะเรียกได้ ฉันนอนดึก หรือบางทีก็ไม่นอนเลย”
เด็กสาวรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นอีกครั้ง...อาจารย์ประจำหอพักพูดคล้ายปรารถนาดี แต่หาความจริงใจในน้ำเสียงไม่เจอเลยสักนิดเดียว
แสงเทียนสร้างเงาของอาจารย์ทาบผนังตู้เสื้อผ้า เอาล่ะ...อย่างน้อยก็ยังมีเงา คงไม่ใช่ผีสางที่ไหน
“ฉันไปละนะ ขอให้นอนอย่างมีความสุข จนรุ่งเช้า”
เสียงเย็นชาของอาจารย์ผู้น่ากลัวบอก ผลักประตูเดินออกไป เด็กสาวนั่งลงกับพื้น ไม่กล้าลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียง แต่จะนั่งอยู่กับพื้นจนถึงเช้าคงเป็นไปไม่ได้ เทียนไขมีเพียงไม่กี่เล่ม อาจารย์แม่มดก็ช่างใจร้าย จะให้เทียนไขมาทั้งกล่องก็ไม่ได้ ดันให้มาเพียงสองเล่ม เด็กสาวพยายามตั้งสติ คาถาอะไรพอจะนึกได้ ถูกนำมาใช้จนหมด ไม่ว่าคาถาจะมีผลจริงหรือไม่ อย่างน้อยก็ทำให้ใจชื้นขึ้นบ้าง
เปลวไฟสั่นไหวอย่างน่าแปลกใจ เหมือนมีลมพัด ทั้งที่บานเกล็ดก็ปิดหมดแล้ว มันสะบัดเปลว เหมือนมีใครกำลังก้มตัวลงเป่า
โอ้ย....พระเจ้าช่วยด้วย เด็กสาวร้องในใจ หดตัวแนบชิดประตู นั่งกอดเข่าด้วยท่าทางของคนหวาดกลัวขนาดหนัก จ้องดูเหตุการณ์ข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่... ผีไม่มีในโลก แค่หูเฝื่อนตาฝาดไปเท่านั้นเอง วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ แต่อะไรบางอย่างวูบวาบอยู่ข้างผนัง เด็กสาวหันขวับไปมอง กระจกเงาบานนั้นเอง ไม่มีอะไร เปลวเทียนสั่นไหวทำให้เกิดเงาสะท้อนจากกระจก
(มีต่อ)
คืนอาถรรพ์ หอพักนรก ตอนที่ 3
รอยเส้นบนใบหน้าดูฝังลึก แววตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึก ใบหน้าขาวซีดราวซากศพ
“ทำไมร้องเสียงดัง” เสียงถามเชิงตำหนิ เด็กสาวใจชื้นขึ้น ความหนักอึ้งผ่อนคลาย หายจากอาการ สติจะขาดห้วง เบาใจเมื่อเห็นคนธรรมดาอยู่เบื้องหน้ายามเวลาวิกฤติ
และถ้าสติสัมปชัญญะของเธอยังดีอยู่ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนไปเสียก่อน เธอบอกกับตัวเองว่า ยังสามารถได้ยินเสียงตึก ๆ... เป็นจังหวะ เหมือนหัวใจขนาดใหญ่ กำลังเต้นอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในหอพัก ราวกับมีตัวตน มีชีวิต
อายามิตัวสั่นเทาเป็นลูกนกต้องลมหนาว
“ผะ..ผี ค่ะ..ผี “
เด็กสาวพยายามอธิบายแทบไม่เป็นภาษา แข้งขาอ่อนจนแทบจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น ไม่กล้าหันไปมองทางเตียงนอน เพราะภาพหลอกหลอนยังติดตาอยู่อย่างชัดเจน
“ผีบ้าผีบออะไรของเธอ” อาจารย์คานะขึ้นเสียงสูง สายตาเต็มไปด้วยแววลี้ลับ ยืนปักหลักอยู่หน้าห้อง
“นี่มันหอพักนะ ไม่ใช่โรงเก็บศพในป่าช้า จะได้มีผีออกมาอาละวาด เธอคงประสาทหลอนไปเสียแล้วเธอเชื่อเหรอว่าผีมีจริง”
“แต่เมื่อครู่ฉันเห็น...” เด็กสาวอึกอัก พยายามจะอธิบายรายละเอียด แต่อาจารย์ผู้น่ากลัวกลับตัดบทขึ้นมาก่อน
“เห็นอะไร คิดมากไปได้ คงไปได้ยินข่าวมาแล้วล่ะสิ”
“ข่าวอะไรคะ” เด็กสาวเริ่มรู้สึกไม่ดีกับท่าทีของอาจารย์ แกจะบอกอะไร อาจารย์คานะจ้องหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“ข่าวที่มีนักศึกษาเคยตกเลือดตายคาห้องพัก บนเตียงใดเตียงหนึ่งในห้องนี้น่ะสิ”
นั่นปะไร...เป็นอย่างที่สังหรณ์ใจ หัวใจของเด็กสาวเหมือนตกวูบลงตาตุ่ม ผิวหนังชาเห่อด้วยอาการขนพองสยองเกล้า ใจหวิวเหมือนจะเป็นลม เธอนอนทับเตียงคนตาย แล้วทำไมอาจารย์ต้องให้เธอมานอนค้างในห้องนี้ด้วย แล้วยังทะลึ่งมาบอกอีก จะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ประสาทเสีย
หลังเล่าเรื่องอันไม่ควรพูด อาจารย์คานะก็เคลื่อนตัวเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองไปโดยรอบ สักพักจึงจุดเทียนขึ้นเล่มหนึ่ง ปักไว้บนหัวเตียง ก่อนเดินไปไขบานเกล็ดให้ปิดลงเพื่อกันลม วางไม้ขีดไฟ และเทียนสองเล่มบนหัวเตียง ด้วยท่าทางเยือกเย็น น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เวลาฝนตกไฟฟ้ามักจะดับ ฉันเป็นห่วงเลยเอาเทียนมาให้ อ้อ....”
แกหันมาจ้องมาด้วยแววตาเร้นลับ นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบ
“ถ้าเธอกลัวมาก จะไปนอนในห้องฉันก็ได้นะ ห้องอยู่ริมสุด ฟากหนึ่งของตึก เดินตรงไปตามทางเดิน เคาะเรียกได้ ฉันนอนดึก หรือบางทีก็ไม่นอนเลย”
เด็กสาวรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นอีกครั้ง...อาจารย์ประจำหอพักพูดคล้ายปรารถนาดี แต่หาความจริงใจในน้ำเสียงไม่เจอเลยสักนิดเดียว
แสงเทียนสร้างเงาของอาจารย์ทาบผนังตู้เสื้อผ้า เอาล่ะ...อย่างน้อยก็ยังมีเงา คงไม่ใช่ผีสางที่ไหน
“ฉันไปละนะ ขอให้นอนอย่างมีความสุข จนรุ่งเช้า”
เสียงเย็นชาของอาจารย์ผู้น่ากลัวบอก ผลักประตูเดินออกไป เด็กสาวนั่งลงกับพื้น ไม่กล้าลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียง แต่จะนั่งอยู่กับพื้นจนถึงเช้าคงเป็นไปไม่ได้ เทียนไขมีเพียงไม่กี่เล่ม อาจารย์แม่มดก็ช่างใจร้าย จะให้เทียนไขมาทั้งกล่องก็ไม่ได้ ดันให้มาเพียงสองเล่ม เด็กสาวพยายามตั้งสติ คาถาอะไรพอจะนึกได้ ถูกนำมาใช้จนหมด ไม่ว่าคาถาจะมีผลจริงหรือไม่ อย่างน้อยก็ทำให้ใจชื้นขึ้นบ้าง
เปลวไฟสั่นไหวอย่างน่าแปลกใจ เหมือนมีลมพัด ทั้งที่บานเกล็ดก็ปิดหมดแล้ว มันสะบัดเปลว เหมือนมีใครกำลังก้มตัวลงเป่า
โอ้ย....พระเจ้าช่วยด้วย เด็กสาวร้องในใจ หดตัวแนบชิดประตู นั่งกอดเข่าด้วยท่าทางของคนหวาดกลัวขนาดหนัก จ้องดูเหตุการณ์ข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่... ผีไม่มีในโลก แค่หูเฝื่อนตาฝาดไปเท่านั้นเอง วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ แต่อะไรบางอย่างวูบวาบอยู่ข้างผนัง เด็กสาวหันขวับไปมอง กระจกเงาบานนั้นเอง ไม่มีอะไร เปลวเทียนสั่นไหวทำให้เกิดเงาสะท้อนจากกระจก
(มีต่อ)