ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 8 พ.ย.2563

บ่ายวันนี้ (8 พ.ย.63) มานั่งสมาธิ 1 ชม. ถวายน้ำดื่มดอกไม้ ฟังธรรม ถามปัญหาธรรม พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดณานสังวราราม
ผม : กราบนมัสการพระอาจารย์ ขออนุญาตถามปัญหาธรรมครับ
พระอาจารย์สุชาติ : เป็นอย่างไรบ้างใกล้จบเป็น ดร. หรือยัง
ผม : น่าจะอีก 1 ปีครับ ขออนุญาตถามปัญหาธรรมข้อแรกครับ เมื่อก่อนกระผมทำสมาธิ โดยดูลมหายใจ หายใจเข้า ภาวนา พุท หายใจออก ภาวนา โธ แต่ช่วงหลังนี้ ดูลมหายใจอย่างเดียวเลยครับ โดยเอาสติมาวางที่ปลายจมูกจุดเดียว ลมเข้ารู้ว่าลมเข้า ลมออกรู้ว่าลมออก ไม่ภาวนา พุทโธ ทำมาได้ 1 ปี แล้วครับ เมื่อจิตเริ่มสงบ เกิดปิติ เช่น น้ำตาไหล ขนลุกขนผอง หลังจากนั้น เกิดแสงสว่างสีขาวจ้ามากที่ตาทั้งสองข้าง ปกติผมจะนั่งสมาธิตอนตี 4 ตี 5 ซึ่งมืดสนิท ไม่รู้ว่าคืออาการอะไรครับพระอาจารย์
พระอาจารย์สุชาติ : เป็นอาการของจิตที่เริ่มเป็นสมาธิ แต่ยังไม่เป็นสมาธิถึงที่สุด ถ้าเรียกว่า อัปนาสมาธิ ก็คือ ฌาน 1 ฌาน 2 นั่งต่อไปให้จิตเหลือแต่ อุเบกขา อย่างเดียว เกิดแสงสว่างขึ้นก็ไม่ต้องสนใจให้อยู่กับลมหายใจอย่างเดียว

ผม : ข้อสองครับ ปกติกระผมเขาจิตวางที่ ปลายจมูก ก็จะรู้สึกแต่ลมหายใจ อย่างเดียว แต่พอเอาจิตมาวางที่กาย ความรู้สึกมันแผ่ไปทั้งกาย รู้สึกซาบซ่านไปทั้งกาย ที่สนทนาธรรมกับพระอาจารย์อยู่นี่ เอาจิตไปวางที่กายก็ซาบซ่านเลยครับ
พระอาจารย์สุชาติ : นี่เป็นผลจากสมาธิ เรียกว่า ปิติรู้สึกทั้งกายมันกว้างเกินไปมันไม่โฟกัส ให้กำหนดจิตอยู่ที่ปลายจมูกจุดเดียวพอ จิตจะรวมเป็นสมาธิเหลือแต่อุเบกขา เอาให้ถึงอุเบกขา

ผม : ข้อที่สาม หลังจากฝึกดูลมหายใจอย่างเดียว การดำเนินชีวิตประจำวัน มันเครียดน้อยลงมากๆ วันไหนนั่งสมาธิสงบ โดนต่อว่ารุนแรง แต่จิตไม่รู้สึกอะไรเลย เฉยๆ หรือได้รับรางวัล เช่น ทองคำ ก็รู้สึก เฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์เลยครับ
พระอาจารย์สุชาติ : เป็นเพราะจิตเริ่มมีอุเบกขาปฏิบัติต่อไปนะ

ผม : จิตที่เป็นอุเบกขา จำเป็นต้องมีนิมิตที่เป็นดวงหรือดับสนิท
พระอาจารย์สุชาติ : ไม่จำเป็นต้องเป็นดวง อยู่ที่ใจของเราวางเป็นกลาง ได้ยินอะไรใจของเราก็ไม่ไปรู้สึกยินดี ยินร้ายด้วย ทำให้ได้บ่อยๆ จิตก็จะเป็นอุเบกขา
ผม : กระผมหมดคำถามแล้วครับกราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่