[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(1)
ธรรมเป็นส่วนสุดรอบคือชาคริยานุโยคเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายอันเป็นเครื่องกั้นกาง
- ด้วยการเดิน การนั่งตลอดวัน
ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายอันเป็นเครื่องกั้นกาง
- ด้วยการเดินการนั่งตลอดปฐมยามแห่งราตรี ย่อมสำเร็จสีหไสยา (นอนอย่างราชสีห์) โดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ
ใส่ใจถึงสัญญาในความลุกขึ้น ตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี กลับลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายอันเป็นเครื่องกั้นกาง ด้วยการเดิน การนั่งตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี พิจารณาถึงความอยู่แห่งบุคคลผู้มีราตรีเดียวเจริญ
ชื่อว่าประพฤติในธรรมเป็นส่วนสุดรอบคือชาคริยานุโยคในภายใน
ย่อมไม่ทำลายชาคริยานุโยคอันเป็นเขตแดน นี้ชื่อว่า ธรรมเป็นส่วนสุดรอบคือชาคริยานุโยค
เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ภิกษุ ... มีสติ ประพฤติในธรรมเป็นส่วนสุดรอบ
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=29&item=931&items=2&mode=bracket
(2)
[128] อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด, ปฏิปทาที่เป็นส่วนแก่นสารเนื้อแท้ ซึ่งจะนำผู้ปฏิบัติให้ถึงความเจริญงอกงามในธรรม เป็นผู้ดำเนินอยู่ในแนวทางแห่งความปลอดพ้นจากทุกข์อย่างแน่นอนไม่ผิดพลาด — sure course; sure practice; unimpeachable path)
1. อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์ คือระวังไม่ให้บาปอกุศลธรรมครอบงำใจ เมื่อรับรู้อารมณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง 6 — control of the senses)
2. โภชเน มัตตัญญุตา (ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักพิจารณารับประทานอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายใช้ทำกิจให้ชีวิตผาสุก มิใช่เพื่อสนุกสนาน มัวเมา— moderation in eating)
3. ชาคริยานุโยค (การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน คือ ขยันหมั่นเพียรตื่นตัวอยู่เป็นนิตย์ ชำระจิตมิให้มีนิวรณ์ พร้อมเสมอทุกเวลาที่จะปฏิบัติกิจให้ก้าวหน้าต่อไป — practice of wakefulness)
https://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%BB%AF%D4%BB%B7%D2
(3)
“อปัณณกปฏิปทา” เป็นข้อปฏิบัติที่ไม่ว่าจะทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำเวลาใด ทำกับใคร ไม่มีทางผิด ไม่มีทางจะเสื่อมเสีย มีแต่จะดีท่าเดียว มีด้วยกัน 3 อย่างนี้ คือ
อินทรียสังวร คือ การสำรวมอินทรีย์ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
โภชเน มัตตัญญฺตา คือ ความรู้ประมาณในการบริโภค
ชาคริยานุโยค คือ การประกอบตนอยู่ในธรรมอันเป็นเครื่องตื่น
https://donhaisok.fm/1801a0709mo
ชาคริยานุโยค ธรรมที่เป็นเครื่องตื่น...
อยากทราบว่า...
1 ธรรมนี้หมายเพียงเฉพาะ การเดิน การนั่ง อย่างมีสติสัมปชัญญะ เท่านั้น... ?
หรือ...
2 หมายถึง... อย่าเป็นผู้หลับ ด้วยกิเลส ด้วยอารมณ์ แต่ให้มีจิตที่ตั้งไว้ด้วยความตื่นรู้ มีสติ มีธรรม
มีความขยัน ไม่ประมาท ไม่ย่อหย่อนต่อกิจธุระ หน้าที่ ?
ถ้าเป็นแบบ 1 ก็คงมุ่งเน้นในแง่ของการปฏิบัติกรรมฐาน เช่น การเดินจงกรม, การนั่งสมาธิ
ถ้าเป็นแบบ 2 ก็ไม่ได้หมายเฉพาะการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว แต่ยังกินความไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ให้เป็นผู้มีความขยัน อย่าประมาท อย่าหลับใหล ให้มีสติตื่นรู้ รู้กิจหน้าที่ อะไรทำนองนั้น...
จึงอยากทราบว่า ธรรมในชาคริยานุโยคนี้ จำกัดความเฉพาะในแง่ของการปฏิบัติกรรมฐาน (1) หรือ ธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน (2)
ตามหลักแล้วมุ่งเน้นแบบข้อไหนครับ ??
ขอบคุณครับ
"ชาคริยานุโยค" ธรรมที่เป็นเครื่องตื่น เป็นฉไน ??
ชาคริยานุโยค ธรรมที่เป็นเครื่องตื่น...
อยากทราบว่า...
1 ธรรมนี้หมายเพียงเฉพาะ การเดิน การนั่ง อย่างมีสติสัมปชัญญะ เท่านั้น... ?
หรือ...
2 หมายถึง... อย่าเป็นผู้หลับ ด้วยกิเลส ด้วยอารมณ์ แต่ให้มีจิตที่ตั้งไว้ด้วยความตื่นรู้ มีสติ มีธรรม มีความขยัน ไม่ประมาท ไม่ย่อหย่อนต่อกิจธุระ หน้าที่ ?
ถ้าเป็นแบบ 1 ก็คงมุ่งเน้นในแง่ของการปฏิบัติกรรมฐาน เช่น การเดินจงกรม, การนั่งสมาธิ
ถ้าเป็นแบบ 2 ก็ไม่ได้หมายเฉพาะการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว แต่ยังกินความไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ให้เป็นผู้มีความขยัน อย่าประมาท อย่าหลับใหล ให้มีสติตื่นรู้ รู้กิจหน้าที่ อะไรทำนองนั้น...
จึงอยากทราบว่า ธรรมในชาคริยานุโยคนี้ จำกัดความเฉพาะในแง่ของการปฏิบัติกรรมฐาน (1) หรือ ธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน (2)
ตามหลักแล้วมุ่งเน้นแบบข้อไหนครับ ??
ขอบคุณครับ