ใครเลยจะคิดว่า วันหนึ่งเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงมงายประเภทนี้ได้
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ผมก็ยังไม่รู้อะไรแน่ชัดเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้
คือ เรื่องมันเริ่มขึ้นจากที่วันหนึ่ง ผมขึ้นไปตรวจงานช่างที่ตึกกำลังก่อสร้างแห่งหนึ่ง
ที่ชั้นสองผมต้องขึ้นบันไดที่เป็นนั่งร้านเหล็กมาต่อกัน พอถึงชั้นสองแล้วผมต้องเดินไปตามแผ่นกระดานไม้เก่าๆ
ที่ปูพาดไปกับนั่งร้านเหล็ก ซึ่งไม้มันก็ไม่ได้ยึดอะไรไว้เลย
มันก็วาง พาด ต่อๆกันไป เรียบไปตามแนวขอบของพื้นชั้น2
ผมต้องขึ้นไปตรวจงานที่ชั้น 4 ดูว่าเขาผูกเหล็กอะไรพร้อมเทปูน ตามแบบหรือไม่
ซึ่งก็ต้องขึ้นไปตามทางนี้เป็นประจำทุกวัน
วันนั้น ราวๆบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว ช่างทำงานล่าช้าไปนานพอสมควร กว่าจะมาตามผมไปตรวจงาน
เสียงโฟร์แมนที่มาตามผม เร่งให้ผมรีบรีบ เดินตามประสาคนที่อยากกลับบ้านเต็มแก่
"เร็วๆหน่อยนายช่าง วันนี้รถปูนจะติดเวลาเข้าไซค์ เขามีปิดถนน"
ผมก็เลยได้แต่ ตอบทีเล่นทีจริงไป
"อ้าว ก็ ทำช้าเอง จะมาเร่งอะไร"
พอขึ้นไปถึงชั้นสองได้มันก็จะมีบันไดอีกฟาก เดินขึ้นไปดูชั้นบนได้อย่างสบาย
พอตรวจงาน เสร็จ บอกให้ช่างโหลดปูนได้
ผมก็เดินลงมาจากหน้างาน
พอลงมาถึงชั้นสอง ต้องเดินกลับมาทางแผ่นไม้กระดาน
จะด้วยความที่ผมรีบเดิน หรืออะไรไม่ทราบ
เดินไปสองสามช่วงตัว ไม้กระดานมันก็ดันพลิก ขาผมก็ตกพรวดไปข้างหนึ่ง
ตัวผมก็เซไปข้างหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว
ร่างผมก็ร่วงหล่นลงไปอย่างเร็ว หัวฟาดไปกับเหล็กนั่งร้านจนหมวกเซฟตี้ผมกระเด็น
ไม้ที่พาดอยู่ก็ตกลงมากระแทกตัวผมอีก
ผมใจหายวูบ ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาอย่างลืมตัว
จำได้แต่ว่าช่วงตกลงมามันเร็วมาก
ร่างกระแทกอะไรไปสองสามทีนี่แหละ ก่อนถึงพื้น
แล้วทั้งเหล็กทั้งไม้ก็ตกมาทับที่ตัวผมอีกที
หัวผมมืนไปหมด หูก็อื้อ ไม่ได้ยินอะไรเลย
สักพักก็มีคนงานแถวนั้นวิ่งมาช่วยผม
พาผมไปที่ห้องปฐมพยาบาล
ผมก็ยังมีสติอยู่ครับ ตกไม่สูงมาก แค่สองชั้นเอง
คนงานก็ช่วยปัดฝุ่นปัดดินที่อยู่ตามตัวผมออกให้
พอไปถึงห้องปฐมพยาบาล
นางพยาบาลประจำไซด์มาตรวจร่างกายให้
ไม่มีอะไรแตกหัก แต่มีเลือดไหลออกมาที่จมูกเล็กน้อย
กับเจ็บที่บริเวณทัดดอกไม้ซีกซ้าย แล้วก็มึน มึนหัว
นอกนั้นก็เป็นรอยขีดข่วนตามร่างกายแขนขา
พยาบาลเขาก็ถามว่า เจ็บตรงไหนอีกไหม หลังจากสำรวจร่างกายผมสักพัก
ผมก็บอกว่า ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่นี้จิ๊บๆ
พยาบาลเขาก็ถามว่า จะให้ส่งตัวไปตรวจที่โรงบาลก่อนไหม
แต่ผมก็ปฏิเสธไป
เพราะดูๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรมาก
แต่คันตามแขนตามขามาก อยากล้างเนื้อล้างตัวมากกว่า
ก็เลยขอตัวนางพยาบาลไปทำความสะอาดร่างกายก่อน
ในไซด์งานก็ไม่มีที่ให้อาบน้ำหรอกครับ
ก็ไปล้างแขนล้างขาในห้องน้ำเอา
แล้วผมก็มาส่องกระจกดูหน้าตัวเอง
เห็นตรงบริเวณทัดดอกไม้มันเป็นริ้วสีแดงๆขึ้นเป็นทางยาวเลย
เวลาเอามือกดลงไป รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
แล้วที่จมูกก็มีเลือดติดอยู่ในรู จมูกผมก็เลยลองแคะออกมาดู
มันก็เป็นแบบลิ่มเลือดยืดๆออกมาอะครับ
ผมก็กวักน้ำก๊อกมาล้างในรู จมูกแล้วเลือดก็ไหลออกมาตามน้ำ แดงไปหมด
ล้างรู จมูกอยู่นานเลย กว่าสีแดงๆจะหมดไป
พอล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ผมก็โทรไปบอกเลขา ว่าขอกลับบ้านก่อนเพราะว่าตัวมอมแมมมาก
คันตัวไปหมดแล้ว
หลังจากกลับไปถึงบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรแล้ว ทุกอย่างก็ปกติดีครับ
กินข้าวเย็นกับทุกคนในบ้านแล้ว เข้ามานั่งดูทีวีในห้อง สักสองทุ่มผมก็เผลอหลับไป
มารู้สึกตัวตื่นตอนได้ยินเสียง เคาะประตูดังๆ
ผมก็สะดุ้งตื่น แล้วก็รอฟังเสียงเคาะอีก
แต่ไม่มีอะไร ทุกอย่างเงียบ
ผมก็ถามไป ทางประตู ใครครับ มีอะไร
รอสักพักไม่มีเสียงใครตอบอีก ผมก็เลยเดินไปเปิดประตูดู
ปรากฏว่าไม่มีใครเลย
ผมก็เลยกลับมานั่งดูทีวีต่อ
เกือบๆ ห้านาทีได้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังๆเหมือนเมื่อกี้อีก
ผมก็เลยเดินไปดูที่ประตู
เปิดออกไป ก็เจอ อาม่ายืนอยู่หน้าประตู
อ้าว อาม่า มีอะไร
อาม่าก็บอกว่า ลื้อทำอะไร ไปดูเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าหน่อย
ผมก็ พยักหน้า พร้อมกับตอบว่า ได้ได้ มันเป็นอะไรอะอาม่า
อาม่าก็บอกว่า มันเสียงดัง อาม่าหนวกหู
ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า อาการเดิมอีกแล้ว
พอเดินตามอาม่าไป ที่ห้องแก
ผมก็เลยถามอาม่า ว่า เมื่อกี้ได้มาเคาะห้องผมแล้วครั้งหนึ่งหรือเปล่า พอดีผมหลับอยู่
อาม่าก็บอกว่า พึ่งจะเดินมาเคาะเรียกเอ็งนี่แหละ
ผมก็เลยได้แต่ งงๆ อ้าวแล้วใครมาเคาะประตูเราวะ
แล้วผมก็ไปซ่อมเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าที่ห้องอาม่า
ก็ถอดเอาไส้กรองมันไปเคาะๆในห้องน้ำ เหมือนที่เคยทำ
แล้วสักพักอาม่าก็มายืนดูผมในห้องน้ำ
ผมก็เลยบอกว่า ออกไปก่อนอาม่า ฝุ่นมันฟุ้ง
แล้วผมก็มองไปทางอาม่า เห็นแกกลับหลังเดินออกไป
แต่...
ผมตา ค้างเลยครับ
เหมือนมีอีกร่างของอาม่า เดินถอยหลังเข้ามาในห้องน้ำ
เป็นร่างใส่ๆโปร่งแสงอีกร่างหนึ่ง
ผมได้แต่ตะลึงยืนดู แบบตาไม่กระพริบเลยครับ
แล้วร่างโปร่งแสงของอาม่าก็มาลื่นล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้น ต่อหน้าต่อตาผม
จนผมต้องร้อง เฮ้ย.. ขึ้นมาจนสุดเสียง
แล้วร่างอาม่าก็หายไป
พร้อมๆกับได้ยินเสียงอาม่า ดังมาจากในห้อง
ลื้อจะร้องเสียงดังทำไม มีใครตายหรือ
ผมไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น รีบวิ่งไปชะโงกหน้ามองดูอาม่า
เห็นแกนั่งอยู่ที่โซฟา หันหน้ามามองผม
ผม งง มากเลยตอนนั้น
อ้าว อะไรวะนี่
ขนลุกไปหมด
ร่างนั้นมันเหมือนเป็นภาพซ้อนที่หลุดออกมาจากตัวอาม่าอะครับ
ผมจำติดตามาก พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย
หลังจากทำเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าเสร็จ
บอกอาม่าว่าจะเข้านอนแล้ว มองไปที่หน้าอาม่า
ผมก็อดไม่ได้ที่จะบอกอะไรบางอย่าง
แล้วผมก็ตัดสินใจบอกแกไป
อาม่า ช่วงนี้ จะเข้าห้องน้ำห้องท่า เดินเหินระวังหน่อยนะ
จากนั้นก็แยกย้ายเข้านอนกัน
ตื่นเช้ามา ผมไปไซต์งาน ก็มีประชุมเรื่องที่ผมตกนั่งร้านด้วย มีการกำชับกับช่างให้ทำนั่งร้านให้แข็งแรง
แล้วก็หมั่นตรวจสอบด้วย
ช่วงสายๆ ก็คุยกับลูกน้องเรื่องงาน คุยเสร็จก็แยกย้ายไปทำงาน
ช่วงที่แยกย้ายไปทำงาน ผมเห็นลูกน้องผมคนหนึ่ง
มันยืนหันหลังให้ผม แล้วตัวมันก็เดินไปข้างหน้า
แต่มีร่างอีกร่างหนึ่งเป็นร่างโปร่งแสงของมันยังยืนอยู่กับที่
คือผมจะอธิบายยังไงดี มันเหมือนเป็นภาพซ้อนกันอะครับ
แต่ไอ้ร่างที่โปร่งแสงของมันจะวูบๆวาบๆหน่อย พอตัวจริงมันเดินไปสักพัก
แล้วตัวร่างที่โปร่งแสงก็เดินตามไป แต่เดินแบบขากระเผลกอะครับ
เดินตามร่างจริงมันไปแล้วก็ค่อยๆเลือนหาย
ผมตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเลย
จนมันกำลังจะเดินออกประตูไป ผมก็เรียกชื่อมัน
เฮ้ย เอ็ง อย่าพึ่งไป
ลูกน้องผมเขาก็รีบหันมาหาผม
มีอะไรครับหัวหน้า
อยู่ๆผมก็พูดออกมาเองโดยอัตโนมัติเลยครับ
ระวังหน่อยนะ เดินขึ้นไปบนตึก ดูดีๆ แล้วก็ก่อนจะขึ้นไปไปเปลี่ยนรองเท้าเป็นเซฟตี้ด้วย
เขาฟังแล้วก็ รับปาก
ครับ ครับ
แล้วก็ออกไปทำงาน
ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมพูดอะไรไปแบบนั้น
แล้วพอมานั่งทำงานต่อ
ช่วงก่อนจะพักเที่ยง เลขากับน้องธุระการเขาคุยกัน
เรื่องฝนฟ้าอะไรสักอย่างนี่แหละ
ผมก็ไปได้ยินโดยบังเอิญ
แล้วอยู่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาเลยว่า
คอยดูนะ วันนี้ฝนจะตก
เลขาก็หันมาถาม พี่รู้ได้ไง พยากรณ์อากาศ ยังไม่เห็นบอกว่าฝน จะตกเลย
ตอนนั้นผมก็อึ้งไปนิดหนึ่ง
ห๊ะ พูดไปได้ไง ปากไวกว่าสมองซะงั้น
ผมก็เลยบอกว่า เดาเอา
พวกน้องๆเขาก็เลยหัวเราะ แล้วเลขาก็บอกว่า
ถ้าตกจริงนะ หนูจะเลี้ยงข้าวหัวหน้าเลย
หลังจากพักเที่ยง มานั่งทำงานต่อในห้องทำงาน
สักพัก เสียงฟ้าร้องก็ดังระงมมา
ครืน ใหญ่
เสียงพวกน้องๆร้องเฮขึ้น
ฝนมาแล้ว
แล้วสักพักฝนก็ตกจริงๆครับ
เลขาก็มาแซวว่า สงสัยไปแอบอ่านพยากรณ์อากาศที่ไหนมาแน่เลย
สรุปวันนั้นฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่จริงๆ
ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน สงสัยคงบังเอิญมั้ง
เย็นนั้นกลับไปบ้าน
หลังจากกินข้าวอะไรกันเสร็จ
นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก
อาม่าก็เล่าให้ทุกคนฟังว่า
วันนี้อาม่า เกือบหัวน๊อคพื้น ดีนะ อาเล็กเขาเตือนไว้
ไม่งั้นอาม่าซี้แหงแก๋แล้ว
พอได้ฟังผมก็อึ้งอีก
อะไรนะอาม่า
แล้วอาม่าก็เล่าให้ฟังว่า
ช่วงสายๆลุกไปเข้าห้องน้ำ ปกติอาม่าก็เดินไปเข้าปกตินี่แหละ
แต่แกแว๊บนึกถึงคำพูดผมขึ้นมาได้
แกก็เลยพยายามเดินช้าๆแล้วก็เกาะไปกับข้างๆพนังห้องน้ำ
พอถึงตรงที่มันจะลื่น แล้วอาม่าก้าวเท้าไป เหยียบพื้นปุ๊บ
เหมือนมันดึงเท้าอาม่าให้ลื่นไปข้างหน้า อาม่าก็ตัดสินใจ คว่ำหน้าลงไปกับพื้นเลย
ดีที่ลงไม่แรง
แล้วก็ดีที่จับพนังไว้ ถ้าเดินเข้าปกติอะมีหวังหัวน๊อคพื้น
เพราะปกติ พื้นในห้องน้ำมันจะแห้ง
แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมมันถึงเปียกได้
พอทุกคนได้ฟังอาม่าเล่า ก็พากันแปลกใจไม่แพ้ไปกว่าผม
โหโชคดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร
พอกลับเข้าห้อง ผมไปดูตัวเองในกระจก
สังเกตตรงริ้วที่ด้านข้างศรีษะ วันนี้มันหายแดงแล้วครับ แต่ขึ้นเป็นสีม่วงแทน
แต่ม่วงแบบไม่เข้มมาก
อืม ผมก็ไม่รู้ว่านี้มันคือ อาการมันกำลังจะหายหรือว่าอะไร
แต่ถ้าเอามือกดลงไป จะเจ็บจี๊ดๆเหมือนเดิมครับ
จากนั้นผมก็เข้านอน
ตื่นเช้ามาผมก็ไปทำงานตามปกติ
ประชุมอะไรกันเสร็จช่วงเช้า
พอจะแยกย้ายกันไปทำงาน
ทุกคนก็เดินออกไปทำงานตามปกติ
แต่มีคนคนหนึ่ง เดินตามหลังเพื่อนไป ขากระเผลก กระเผลก
ผมก็เลยเรียกชื่อลูกน้องคนนั้น
เขาก็หันมา
ผมก็ถามว่า ขาเป็นอะไร
เขาก็เลยบอกว่า
โดนเหล็กตกใส่นิ้วก้อย
รู้งี้เชื่อหัวหน้าก็ดี
คือมันขี้เกียจไปใส่รองเท้าเซฟตี้ครับ เลยได้เสียเล็บที่นิ้วเท้าไป
พอผมกลับมานั่งทำงาน แล้วก็ได้แต่คิดสงสัยไม่หาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนี้มันคืออะไรกันแน่
มันเรื่องบังเอิญใช่ไหม หรืออะไร ผม ได้แต่ งง ไปมา
แล้วก็คิดไปคิดมา จนรู้สึก เครียดเลย
สักพักเลขาก็เอางานมาให้ผมเซ็นต์ พอผมก้มลงมองดูเอกสาร
เลือดกำเดาผมก็หยดแหมะ แหมะลงไปที่กระดาษงานเลยครับ
พอเลขาเห็นก็ร้องว้าย หัวหน้าเป็นอะไร
ผมรีบเอามือมาปิดจมูก กันไม่ให้เลือดไหล
แล้วก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
รีบเอาน้ำล้างในรู จมูก
เลือดก็ไหลทะลักออกมาเยอะเลย
แดงเต็มอ่างล้างมือ
ผมเอากระดาษทิชชู่มายัดเข้าไปในจมูก
เลือดก็ซึมไหลออกมาตามกระดาษ จนเป็นสีแดง
ผมยืนล้าง ยืนซับจมูกอยู่อย่างนั้น พักใหญ่เลยครับ
มองดูแผลตรงทัดดอกไม้ ก็มีสีม่วงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สักพักใหญ่ เลือดก็หยุดไหล ผมก็ล้างหน้าล้างตา เดินออกมจากห้องน้ำ
เดินเข้ามาในห้องทำงาน
มันเหมือนคนหน้ามืดอะครับ
ภาพมันวูบๆวาบๆ ตัวผมเซไปมา เหมือนยืนอยู่ในเรือที่ โคลง เคลง
ผมรีบทรงตัว ตั้งหลักดีๆมองเข้าไปในห้อง
เห็นทุกคนมีร่างโปร่งแสงซ้อนอยู่กับตัวทุกคนเลยครับ
แล้วร่างโปร่งแสงนั้นทำท่าตามตัวจริงของคนคนนั้นทุกอย่าง
ผมตะลึงจนตัวแข็งเลย
อะไรวะนี่
ร่างมันวูบวาบวูบวาบ ลายตาไปหมดจนผมทนไม่ได้อะ
เดินถอยหลังออกมจากประตูได้ หันหน้าออกไปทางถนน
ผมก็อ๊วกเลยครับ
ได้ยินแต่เสียงเลขาวิ่งเข้ามาถาม
หัวหน้า หัวหน้าเป็นอะไรไหม
สักพัก เลขาก็เหมือนพาผมมานั่งพักที่โต๊ะทำงาน
ผมก็เลยบอกน้องเขาไป
สงสัยจะไม่สบาย
เลขาเขาก็มองมาที่หน้าผม แล้วก็ทำหน้าตกใจ
หน้าพี่ซีดมากเลยนะ แล้วตรงหัวพี่มันก็มีริ้วตรงข้างๆหัวพี่เป็นสีม่วงเลย
ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เจ็บ เดี๋ยวก็หายเอง
แต่น้องเขาเหมือนเป็นห่วง
หัวหน้าไปตรวจที่โรงบาลก่อนดีไหม เดี๋ยวหนูติดต่อให้
ไม่นานผมก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาล
หมอให้เอ็กซ์เรย์สมองดู
ช่วงที่ผมนั่งรอผลตรวจอยู่นั้น
นั่งมองผู้คนที่แผนกอื่นบ้าง เดินไปมาบ้าง นั่งรอคิวบ้าง
แล้วก็มีคนเข็นเตียงผู้ป่วยผ่านมา
ผมก็มองดูแบบไม่ได้โฟกัสอะไรมาก
อยู่ๆ ตรงทางเดินข้างหน้าเตียงเข็น ก็มีมือประหลาดยาวๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นครับ
สีเทาๆ เหมือนมือที่เหี่ยวเน่า แบมือใหญ่เท่าหัวคน นิ้วผอมยาว เล็บดำๆ
ชูขึ้นมาเหมือนจะรับเอาอะไรสักอย่าง
ผมเห็นแล้วผมก็ตกใจมาก เสียวสันหลังวาบเลย
พอเตียงผู้ป่วยนั้นผ่านไป มือนั้นก็หายวับไป
เห้ย.. อะไรวะ
ผมรีบเอามือขยี้ตา มองดูดีๆอีกที ขนลุกไปตามแขนขา
ใจเต้นแรงมาก ตอนนั้นได้แต่คิดว่า ตาฝาด แน่ๆ
เลยรีบลุกไปหาน้ำกิน เดินไปที่ตู้ กดน้ำ พอถึงตู้กดน้ำก็เห็นผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งใส่ชุดคนไข้ยืนเหมือนจะกดน้ำอยู่
ผมก็ไปยืนรอคิว ก็ไม่เห็นแกกินน้ำสักที ผมก็เลยเรียกแก
ยายครับ โทษนะครับขอผม กดน้ำหน่อย
ยายหันมามองผม แล้วก็เดินหลบออกไปข้างๆให้ผมกดน้ำ
พอกินน้ำเสร็จ ผมก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
สักพัก ก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างๆหูผมว่า
mึงเห็นกูด้วยหรือ
โปรดติดตามตอนต่อไป
เรื่องงมงาย
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ผมก็ยังไม่รู้อะไรแน่ชัดเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้
คือ เรื่องมันเริ่มขึ้นจากที่วันหนึ่ง ผมขึ้นไปตรวจงานช่างที่ตึกกำลังก่อสร้างแห่งหนึ่ง
ที่ชั้นสองผมต้องขึ้นบันไดที่เป็นนั่งร้านเหล็กมาต่อกัน พอถึงชั้นสองแล้วผมต้องเดินไปตามแผ่นกระดานไม้เก่าๆ
ที่ปูพาดไปกับนั่งร้านเหล็ก ซึ่งไม้มันก็ไม่ได้ยึดอะไรไว้เลย
มันก็วาง พาด ต่อๆกันไป เรียบไปตามแนวขอบของพื้นชั้น2
ผมต้องขึ้นไปตรวจงานที่ชั้น 4 ดูว่าเขาผูกเหล็กอะไรพร้อมเทปูน ตามแบบหรือไม่
ซึ่งก็ต้องขึ้นไปตามทางนี้เป็นประจำทุกวัน
วันนั้น ราวๆบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว ช่างทำงานล่าช้าไปนานพอสมควร กว่าจะมาตามผมไปตรวจงาน
เสียงโฟร์แมนที่มาตามผม เร่งให้ผมรีบรีบ เดินตามประสาคนที่อยากกลับบ้านเต็มแก่
"เร็วๆหน่อยนายช่าง วันนี้รถปูนจะติดเวลาเข้าไซค์ เขามีปิดถนน"
ผมก็เลยได้แต่ ตอบทีเล่นทีจริงไป
"อ้าว ก็ ทำช้าเอง จะมาเร่งอะไร"
พอขึ้นไปถึงชั้นสองได้มันก็จะมีบันไดอีกฟาก เดินขึ้นไปดูชั้นบนได้อย่างสบาย
พอตรวจงาน เสร็จ บอกให้ช่างโหลดปูนได้
ผมก็เดินลงมาจากหน้างาน
พอลงมาถึงชั้นสอง ต้องเดินกลับมาทางแผ่นไม้กระดาน
จะด้วยความที่ผมรีบเดิน หรืออะไรไม่ทราบ
เดินไปสองสามช่วงตัว ไม้กระดานมันก็ดันพลิก ขาผมก็ตกพรวดไปข้างหนึ่ง
ตัวผมก็เซไปข้างหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว
ร่างผมก็ร่วงหล่นลงไปอย่างเร็ว หัวฟาดไปกับเหล็กนั่งร้านจนหมวกเซฟตี้ผมกระเด็น
ไม้ที่พาดอยู่ก็ตกลงมากระแทกตัวผมอีก
ผมใจหายวูบ ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาอย่างลืมตัว
จำได้แต่ว่าช่วงตกลงมามันเร็วมาก
ร่างกระแทกอะไรไปสองสามทีนี่แหละ ก่อนถึงพื้น
แล้วทั้งเหล็กทั้งไม้ก็ตกมาทับที่ตัวผมอีกที
หัวผมมืนไปหมด หูก็อื้อ ไม่ได้ยินอะไรเลย
สักพักก็มีคนงานแถวนั้นวิ่งมาช่วยผม
พาผมไปที่ห้องปฐมพยาบาล
ผมก็ยังมีสติอยู่ครับ ตกไม่สูงมาก แค่สองชั้นเอง
คนงานก็ช่วยปัดฝุ่นปัดดินที่อยู่ตามตัวผมออกให้
พอไปถึงห้องปฐมพยาบาล
นางพยาบาลประจำไซด์มาตรวจร่างกายให้
ไม่มีอะไรแตกหัก แต่มีเลือดไหลออกมาที่จมูกเล็กน้อย
กับเจ็บที่บริเวณทัดดอกไม้ซีกซ้าย แล้วก็มึน มึนหัว
นอกนั้นก็เป็นรอยขีดข่วนตามร่างกายแขนขา
พยาบาลเขาก็ถามว่า เจ็บตรงไหนอีกไหม หลังจากสำรวจร่างกายผมสักพัก
ผมก็บอกว่า ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่นี้จิ๊บๆ
พยาบาลเขาก็ถามว่า จะให้ส่งตัวไปตรวจที่โรงบาลก่อนไหม
แต่ผมก็ปฏิเสธไป
เพราะดูๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรมาก
แต่คันตามแขนตามขามาก อยากล้างเนื้อล้างตัวมากกว่า
ก็เลยขอตัวนางพยาบาลไปทำความสะอาดร่างกายก่อน
ในไซด์งานก็ไม่มีที่ให้อาบน้ำหรอกครับ
ก็ไปล้างแขนล้างขาในห้องน้ำเอา
แล้วผมก็มาส่องกระจกดูหน้าตัวเอง
เห็นตรงบริเวณทัดดอกไม้มันเป็นริ้วสีแดงๆขึ้นเป็นทางยาวเลย
เวลาเอามือกดลงไป รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
แล้วที่จมูกก็มีเลือดติดอยู่ในรู จมูกผมก็เลยลองแคะออกมาดู
มันก็เป็นแบบลิ่มเลือดยืดๆออกมาอะครับ
ผมก็กวักน้ำก๊อกมาล้างในรู จมูกแล้วเลือดก็ไหลออกมาตามน้ำ แดงไปหมด
ล้างรู จมูกอยู่นานเลย กว่าสีแดงๆจะหมดไป
พอล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ผมก็โทรไปบอกเลขา ว่าขอกลับบ้านก่อนเพราะว่าตัวมอมแมมมาก
คันตัวไปหมดแล้ว
หลังจากกลับไปถึงบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรแล้ว ทุกอย่างก็ปกติดีครับ
กินข้าวเย็นกับทุกคนในบ้านแล้ว เข้ามานั่งดูทีวีในห้อง สักสองทุ่มผมก็เผลอหลับไป
มารู้สึกตัวตื่นตอนได้ยินเสียง เคาะประตูดังๆ
ผมก็สะดุ้งตื่น แล้วก็รอฟังเสียงเคาะอีก
แต่ไม่มีอะไร ทุกอย่างเงียบ
ผมก็ถามไป ทางประตู ใครครับ มีอะไร
รอสักพักไม่มีเสียงใครตอบอีก ผมก็เลยเดินไปเปิดประตูดู
ปรากฏว่าไม่มีใครเลย
ผมก็เลยกลับมานั่งดูทีวีต่อ
เกือบๆ ห้านาทีได้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังๆเหมือนเมื่อกี้อีก
ผมก็เลยเดินไปดูที่ประตู
เปิดออกไป ก็เจอ อาม่ายืนอยู่หน้าประตู
อ้าว อาม่า มีอะไร
อาม่าก็บอกว่า ลื้อทำอะไร ไปดูเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าหน่อย
ผมก็ พยักหน้า พร้อมกับตอบว่า ได้ได้ มันเป็นอะไรอะอาม่า
อาม่าก็บอกว่า มันเสียงดัง อาม่าหนวกหู
ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า อาการเดิมอีกแล้ว
พอเดินตามอาม่าไป ที่ห้องแก
ผมก็เลยถามอาม่า ว่า เมื่อกี้ได้มาเคาะห้องผมแล้วครั้งหนึ่งหรือเปล่า พอดีผมหลับอยู่
อาม่าก็บอกว่า พึ่งจะเดินมาเคาะเรียกเอ็งนี่แหละ
ผมก็เลยได้แต่ งงๆ อ้าวแล้วใครมาเคาะประตูเราวะ
แล้วผมก็ไปซ่อมเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าที่ห้องอาม่า
ก็ถอดเอาไส้กรองมันไปเคาะๆในห้องน้ำ เหมือนที่เคยทำ
แล้วสักพักอาม่าก็มายืนดูผมในห้องน้ำ
ผมก็เลยบอกว่า ออกไปก่อนอาม่า ฝุ่นมันฟุ้ง
แล้วผมก็มองไปทางอาม่า เห็นแกกลับหลังเดินออกไป
แต่...
ผมตา ค้างเลยครับ
เหมือนมีอีกร่างของอาม่า เดินถอยหลังเข้ามาในห้องน้ำ
เป็นร่างใส่ๆโปร่งแสงอีกร่างหนึ่ง
ผมได้แต่ตะลึงยืนดู แบบตาไม่กระพริบเลยครับ
แล้วร่างโปร่งแสงของอาม่าก็มาลื่นล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้น ต่อหน้าต่อตาผม
จนผมต้องร้อง เฮ้ย.. ขึ้นมาจนสุดเสียง
แล้วร่างอาม่าก็หายไป
พร้อมๆกับได้ยินเสียงอาม่า ดังมาจากในห้อง
ลื้อจะร้องเสียงดังทำไม มีใครตายหรือ
ผมไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น รีบวิ่งไปชะโงกหน้ามองดูอาม่า
เห็นแกนั่งอยู่ที่โซฟา หันหน้ามามองผม
ผม งง มากเลยตอนนั้น
อ้าว อะไรวะนี่
ขนลุกไปหมด
ร่างนั้นมันเหมือนเป็นภาพซ้อนที่หลุดออกมาจากตัวอาม่าอะครับ
ผมจำติดตามาก พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย
หลังจากทำเครื่องฟอกอากาศให้อาม่าเสร็จ
บอกอาม่าว่าจะเข้านอนแล้ว มองไปที่หน้าอาม่า
ผมก็อดไม่ได้ที่จะบอกอะไรบางอย่าง
แล้วผมก็ตัดสินใจบอกแกไป
อาม่า ช่วงนี้ จะเข้าห้องน้ำห้องท่า เดินเหินระวังหน่อยนะ
จากนั้นก็แยกย้ายเข้านอนกัน
ตื่นเช้ามา ผมไปไซต์งาน ก็มีประชุมเรื่องที่ผมตกนั่งร้านด้วย มีการกำชับกับช่างให้ทำนั่งร้านให้แข็งแรง
แล้วก็หมั่นตรวจสอบด้วย
ช่วงสายๆ ก็คุยกับลูกน้องเรื่องงาน คุยเสร็จก็แยกย้ายไปทำงาน
ช่วงที่แยกย้ายไปทำงาน ผมเห็นลูกน้องผมคนหนึ่ง
มันยืนหันหลังให้ผม แล้วตัวมันก็เดินไปข้างหน้า
แต่มีร่างอีกร่างหนึ่งเป็นร่างโปร่งแสงของมันยังยืนอยู่กับที่
คือผมจะอธิบายยังไงดี มันเหมือนเป็นภาพซ้อนกันอะครับ
แต่ไอ้ร่างที่โปร่งแสงของมันจะวูบๆวาบๆหน่อย พอตัวจริงมันเดินไปสักพัก
แล้วตัวร่างที่โปร่งแสงก็เดินตามไป แต่เดินแบบขากระเผลกอะครับ
เดินตามร่างจริงมันไปแล้วก็ค่อยๆเลือนหาย
ผมตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเลย
จนมันกำลังจะเดินออกประตูไป ผมก็เรียกชื่อมัน
เฮ้ย เอ็ง อย่าพึ่งไป
ลูกน้องผมเขาก็รีบหันมาหาผม
มีอะไรครับหัวหน้า
อยู่ๆผมก็พูดออกมาเองโดยอัตโนมัติเลยครับ
ระวังหน่อยนะ เดินขึ้นไปบนตึก ดูดีๆ แล้วก็ก่อนจะขึ้นไปไปเปลี่ยนรองเท้าเป็นเซฟตี้ด้วย
เขาฟังแล้วก็ รับปาก
ครับ ครับ
แล้วก็ออกไปทำงาน
ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมพูดอะไรไปแบบนั้น
แล้วพอมานั่งทำงานต่อ
ช่วงก่อนจะพักเที่ยง เลขากับน้องธุระการเขาคุยกัน
เรื่องฝนฟ้าอะไรสักอย่างนี่แหละ
ผมก็ไปได้ยินโดยบังเอิญ
แล้วอยู่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาเลยว่า
คอยดูนะ วันนี้ฝนจะตก
เลขาก็หันมาถาม พี่รู้ได้ไง พยากรณ์อากาศ ยังไม่เห็นบอกว่าฝน จะตกเลย
ตอนนั้นผมก็อึ้งไปนิดหนึ่ง
ห๊ะ พูดไปได้ไง ปากไวกว่าสมองซะงั้น
ผมก็เลยบอกว่า เดาเอา
พวกน้องๆเขาก็เลยหัวเราะ แล้วเลขาก็บอกว่า
ถ้าตกจริงนะ หนูจะเลี้ยงข้าวหัวหน้าเลย
หลังจากพักเที่ยง มานั่งทำงานต่อในห้องทำงาน
สักพัก เสียงฟ้าร้องก็ดังระงมมา
ครืน ใหญ่
เสียงพวกน้องๆร้องเฮขึ้น
ฝนมาแล้ว
แล้วสักพักฝนก็ตกจริงๆครับ
เลขาก็มาแซวว่า สงสัยไปแอบอ่านพยากรณ์อากาศที่ไหนมาแน่เลย
สรุปวันนั้นฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่จริงๆ
ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน สงสัยคงบังเอิญมั้ง
เย็นนั้นกลับไปบ้าน
หลังจากกินข้าวอะไรกันเสร็จ
นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก
อาม่าก็เล่าให้ทุกคนฟังว่า
วันนี้อาม่า เกือบหัวน๊อคพื้น ดีนะ อาเล็กเขาเตือนไว้
ไม่งั้นอาม่าซี้แหงแก๋แล้ว
พอได้ฟังผมก็อึ้งอีก
อะไรนะอาม่า
แล้วอาม่าก็เล่าให้ฟังว่า
ช่วงสายๆลุกไปเข้าห้องน้ำ ปกติอาม่าก็เดินไปเข้าปกตินี่แหละ
แต่แกแว๊บนึกถึงคำพูดผมขึ้นมาได้
แกก็เลยพยายามเดินช้าๆแล้วก็เกาะไปกับข้างๆพนังห้องน้ำ
พอถึงตรงที่มันจะลื่น แล้วอาม่าก้าวเท้าไป เหยียบพื้นปุ๊บ
เหมือนมันดึงเท้าอาม่าให้ลื่นไปข้างหน้า อาม่าก็ตัดสินใจ คว่ำหน้าลงไปกับพื้นเลย
ดีที่ลงไม่แรง
แล้วก็ดีที่จับพนังไว้ ถ้าเดินเข้าปกติอะมีหวังหัวน๊อคพื้น
เพราะปกติ พื้นในห้องน้ำมันจะแห้ง
แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมมันถึงเปียกได้
พอทุกคนได้ฟังอาม่าเล่า ก็พากันแปลกใจไม่แพ้ไปกว่าผม
โหโชคดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร
พอกลับเข้าห้อง ผมไปดูตัวเองในกระจก
สังเกตตรงริ้วที่ด้านข้างศรีษะ วันนี้มันหายแดงแล้วครับ แต่ขึ้นเป็นสีม่วงแทน
แต่ม่วงแบบไม่เข้มมาก
อืม ผมก็ไม่รู้ว่านี้มันคือ อาการมันกำลังจะหายหรือว่าอะไร
แต่ถ้าเอามือกดลงไป จะเจ็บจี๊ดๆเหมือนเดิมครับ
จากนั้นผมก็เข้านอน
ตื่นเช้ามาผมก็ไปทำงานตามปกติ
ประชุมอะไรกันเสร็จช่วงเช้า
พอจะแยกย้ายกันไปทำงาน
ทุกคนก็เดินออกไปทำงานตามปกติ
แต่มีคนคนหนึ่ง เดินตามหลังเพื่อนไป ขากระเผลก กระเผลก
ผมก็เลยเรียกชื่อลูกน้องคนนั้น
เขาก็หันมา
ผมก็ถามว่า ขาเป็นอะไร
เขาก็เลยบอกว่า
โดนเหล็กตกใส่นิ้วก้อย
รู้งี้เชื่อหัวหน้าก็ดี
คือมันขี้เกียจไปใส่รองเท้าเซฟตี้ครับ เลยได้เสียเล็บที่นิ้วเท้าไป
พอผมกลับมานั่งทำงาน แล้วก็ได้แต่คิดสงสัยไม่หาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนี้มันคืออะไรกันแน่
มันเรื่องบังเอิญใช่ไหม หรืออะไร ผม ได้แต่ งง ไปมา
แล้วก็คิดไปคิดมา จนรู้สึก เครียดเลย
สักพักเลขาก็เอางานมาให้ผมเซ็นต์ พอผมก้มลงมองดูเอกสาร
เลือดกำเดาผมก็หยดแหมะ แหมะลงไปที่กระดาษงานเลยครับ
พอเลขาเห็นก็ร้องว้าย หัวหน้าเป็นอะไร
ผมรีบเอามือมาปิดจมูก กันไม่ให้เลือดไหล
แล้วก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
รีบเอาน้ำล้างในรู จมูก
เลือดก็ไหลทะลักออกมาเยอะเลย
แดงเต็มอ่างล้างมือ
ผมเอากระดาษทิชชู่มายัดเข้าไปในจมูก
เลือดก็ซึมไหลออกมาตามกระดาษ จนเป็นสีแดง
ผมยืนล้าง ยืนซับจมูกอยู่อย่างนั้น พักใหญ่เลยครับ
มองดูแผลตรงทัดดอกไม้ ก็มีสีม่วงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สักพักใหญ่ เลือดก็หยุดไหล ผมก็ล้างหน้าล้างตา เดินออกมจากห้องน้ำ
เดินเข้ามาในห้องทำงาน
มันเหมือนคนหน้ามืดอะครับ
ภาพมันวูบๆวาบๆ ตัวผมเซไปมา เหมือนยืนอยู่ในเรือที่ โคลง เคลง
ผมรีบทรงตัว ตั้งหลักดีๆมองเข้าไปในห้อง
เห็นทุกคนมีร่างโปร่งแสงซ้อนอยู่กับตัวทุกคนเลยครับ
แล้วร่างโปร่งแสงนั้นทำท่าตามตัวจริงของคนคนนั้นทุกอย่าง
ผมตะลึงจนตัวแข็งเลย
อะไรวะนี่
ร่างมันวูบวาบวูบวาบ ลายตาไปหมดจนผมทนไม่ได้อะ
เดินถอยหลังออกมจากประตูได้ หันหน้าออกไปทางถนน
ผมก็อ๊วกเลยครับ
ได้ยินแต่เสียงเลขาวิ่งเข้ามาถาม
หัวหน้า หัวหน้าเป็นอะไรไหม
สักพัก เลขาก็เหมือนพาผมมานั่งพักที่โต๊ะทำงาน
ผมก็เลยบอกน้องเขาไป
สงสัยจะไม่สบาย
เลขาเขาก็มองมาที่หน้าผม แล้วก็ทำหน้าตกใจ
หน้าพี่ซีดมากเลยนะ แล้วตรงหัวพี่มันก็มีริ้วตรงข้างๆหัวพี่เป็นสีม่วงเลย
ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เจ็บ เดี๋ยวก็หายเอง
แต่น้องเขาเหมือนเป็นห่วง
หัวหน้าไปตรวจที่โรงบาลก่อนดีไหม เดี๋ยวหนูติดต่อให้
ไม่นานผมก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาล
หมอให้เอ็กซ์เรย์สมองดู
ช่วงที่ผมนั่งรอผลตรวจอยู่นั้น
นั่งมองผู้คนที่แผนกอื่นบ้าง เดินไปมาบ้าง นั่งรอคิวบ้าง
แล้วก็มีคนเข็นเตียงผู้ป่วยผ่านมา
ผมก็มองดูแบบไม่ได้โฟกัสอะไรมาก
อยู่ๆ ตรงทางเดินข้างหน้าเตียงเข็น ก็มีมือประหลาดยาวๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นครับ
สีเทาๆ เหมือนมือที่เหี่ยวเน่า แบมือใหญ่เท่าหัวคน นิ้วผอมยาว เล็บดำๆ
ชูขึ้นมาเหมือนจะรับเอาอะไรสักอย่าง
ผมเห็นแล้วผมก็ตกใจมาก เสียวสันหลังวาบเลย
พอเตียงผู้ป่วยนั้นผ่านไป มือนั้นก็หายวับไป
เห้ย.. อะไรวะ
ผมรีบเอามือขยี้ตา มองดูดีๆอีกที ขนลุกไปตามแขนขา
ใจเต้นแรงมาก ตอนนั้นได้แต่คิดว่า ตาฝาด แน่ๆ
เลยรีบลุกไปหาน้ำกิน เดินไปที่ตู้ กดน้ำ พอถึงตู้กดน้ำก็เห็นผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งใส่ชุดคนไข้ยืนเหมือนจะกดน้ำอยู่
ผมก็ไปยืนรอคิว ก็ไม่เห็นแกกินน้ำสักที ผมก็เลยเรียกแก
ยายครับ โทษนะครับขอผม กดน้ำหน่อย
ยายหันมามองผม แล้วก็เดินหลบออกไปข้างๆให้ผมกดน้ำ
พอกินน้ำเสร็จ ผมก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
สักพัก ก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างๆหูผมว่า
mึงเห็นกูด้วยหรือ
โปรดติดตามตอนต่อไป